- 01 ธ.ค. 2561
"รัฐบาล" ยันนายกฯ เยือนเยอรมนี ได้ประโยชน์หลายด้าน ที่สำคัญสะท้อนความเชื่อที่ต่างชาติมีมั่นต่อไทย
"นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์" โฆษกรัฐบาล ยันนายกฯ เยือนเยอรมนีต้นสัปดาห์ได้ประโยชน์หลายด้าน ที่สำคัญสะท้อนความเชื่อมั่นที่ต่างชาติมีต่อไทย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ไปเยือนสหรัฐฯ ออสเตรเลีย อังกฤษ และฝรั่งเศส มาแล้ว
วันนี้ (1 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์" รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงกรณีที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์การเดินทางไปเยือนเยอรมนีของ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรีเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ช่วงเวลาที่ไปนั้นเป็นช่วงที่ทั้ง 2 ฝ่ายสะดวกตรงกัน และเหนือสิ่งอื่นใดภารกิจนี้สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับและความเชื่อมั่นของประชาคมระหว่างประเทศที่มีต่อรัฐบาลไทยอย่างสมบูรณ์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ไปเยือนสหรัฐฯ ออสเตรเลีย อังกฤษ และฝรั่งเศส มาแล้ว
โฆษกรัฐบาล ยังระบุด้วยว่า การที่ไทยมีแผนจัดการเลือกตั้งที่ชัดเจนและการเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 เป็นสิ่งที่เยอรมนีให้ความสำคัญ เพราะไทยจะมีบทบาทอย่างมากในการเชื่อมโยงอาเซียนและเอเชีย
โดย พลเอก ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า การสร้างความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ ในโลก ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ซึ่งทุกรัฐบาลรู้ดีในข้อนี้ จึงไม่น่ามีข้อสงสัย
พร้อมทั้งยืนยันว่า การเดินทางไปเยือนเยอรมนียังได้ประโยชน์หลายด้านทั้งการค้า โดยทั้ง 2 ฝ่ายตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 1.5 หมื่นล้านยูโร ภายในปี 2563 และเยอรมนียังจะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกไปยังจีนและเอเชีย ขณะที่ไทยจะสนับสนุนให้ภาคเอกชนใช้เยอรมนีเป็นฐานการลงทุนไปสู่ยุโรป
นอกจากนี้ จะมีการแลกเปลี่ยนนักวิจัยและพัฒนาความรู้ร่วมกันในหลายด้าน เช่น ความปลอดภัยทางไซเบอร์ Big Data รัฐบาลดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ รวมทั้งการยกระดับทักษะทางอาชีวศึกษาอีกด้วย
โฆษกรัฐบาล ยังระบุด้วยว่า การที่ไทยมีแผนจัดการเลือกตั้งที่ชัดเจนและการเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 เป็นสิ่งที่เยอรมนีให้ความสำคัญ เพราะไทยจะมีบทบาทอย่างมากในการเชื่อมโยงอาเซียนและเอเชีย
โดย พลเอก ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า การสร้างความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ ในโลก ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ซึ่งทุกรัฐบาลรู้ดีในข้อนี้ จึงไม่น่ามีข้อสงสัย
พร้อมทั้งยืนยันว่า การเดินทางไปเยือนเยอรมนียังได้ประโยชน์หลายด้านทั้งการค้า โดยทั้ง 2 ฝ่ายตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 1.5 หมื่นล้านยูโร ภายในปี 2563 และเยอรมนียังจะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกไปยังจีนและเอเชีย ขณะที่ไทยจะสนับสนุนให้ภาคเอกชนใช้เยอรมนีเป็นฐานการลงทุนไปสู่ยุโรป
นอกจากนี้ จะมีการแลกเปลี่ยนนักวิจัยและพัฒนาความรู้ร่วมกันในหลายด้าน เช่น ความปลอดภัยทางไซเบอร์ Big Data รัฐบาลดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ รวมทั้งการยกระดับทักษะทางอาชีวศึกษาอีกด้วย
ทั้งนี้ การเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีของ "พลเอกประยุทธ์" ดังกล่าวนั้นได้พบหารือกับ นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
โดย นางอังเกลา แมร์เคิล ได้กล่าวถึง แสดงความยินดีต่อพัฒนาการการเมืองของไทยที่กำลังจะมีการเลือกตั้งในต้นปีหน้า และขอให้ไทยประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ซึ่งเยอรมนีพร้อมขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือต่างๆให้ประสบผลสำเร็จ ต่อไป