ปิดฉาก "ชีวิตเปลี่ยนสีของธาริต"! จากขึ้นสูงเบอร์ 1 DSI สู่คุก 1 ปีคดีหมิ่น“สุเทพ” แถมคดีเก่ายังจ่อคิวเชือดซ้ำ 2

ปิดฉากชีวิต"เปลี่ยนสีของธาริต"! จากขึ้นสูงเบอร์ 1 DSI สู่คุก 1 ปีคดีหมิ่น“สุเทพ” แถมคดีเก่ายังจ่อคิวเชือดซ้ำ 2

ปิดฉากชีวิต "เปลี่ยนสีของธาริต"!  จากขึ้นสูงเบอร์ 1 DSI สู่คุก 1 ปีคดีหมิ่น “สุเทพ” แถมคดีเก่ายังจ่อคิวเชือดซ้ำ 2


 

พลันที่ศาลฎีกา ได้อ่านคำพิพากษาจำคุก “นายธาริต เพ็งดิษฐ์” อดีตอธิบดี DSI เป็นเวลา 1 ปี  ฐานหมิ่นประมาท “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” อดีตรองนายกรัฐมนตรี กรณีแถลงข่าวกล่าวหาทุจริตสร้างโรงพัก 396 แห่งทั่วประเทศ ไปเมื่อช่วงสาย ๆ ที่ผ่านมา ก็ทำให้คอการเมืองบางคนถึงกับ...ครางฮือออกมา เหนืออื่นใดก็คือ คำพิพากษา..."1 ปีนั้น...ไม่รอลงอาญา" เสียด้วย...นั่นยิ่งทำให้เรื่องนี้น่าสนใจขึ้นอีก...เพราะนั่นเท่ากับว่า..."อดีตนายใหญ่แห่ง DSI" ที่เคยเป็นต้นธารกระบวนการยุติธรรมองค์กรหนึ่ง...ต้องเข้าไปอยู่ในซังเตเสียเอง...หมดอิสรภาพจริง...ติดคุกจริง


ที่จริง...หากไม่นับคดีหมิ่น “กำนันสุเทพ" ที่นายธาริตร้อนตัวอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งให้ทนายความตั้งโต๊ะแถลงยอมรับผิด และกราบขอขมาลาโทษ“กำนันสุเทพ" รวมทั้งสั่งให้หิ้วเงินจำนวน 1 แสนบาท ไปวางศาลอาญา โดยอ้างเพื่อเป็นการเยียวยาโจทก์ต่อคดีดังกล่าว ซึ่งหวังได้รับเมตตา-ลงโทษสถานเบาวานนี้แล้ว นายธาริตก็ใช่ว่า...จะบริสุทธิ์ผุดผ่อง....ปราศจากมลทินทางคดีใด ๆ 

 

ตรงกันข้าม คดีค้างเก่าระหว่างที่เขาอยู่ใน "ตำแหน่งหน้าที่ราชการระดับสูง" นั้นยาวเหยียด และบางคดี ป.ป.ช. ก็ชี้มูลความผิดแล้ว อาทิ "คดีร่ำรวยผิดปกติ" หลังมีประชาชนร้องเรียนว่า เขาได้สร้างบ้านพักสุดหรู รุกล้ำเขตป่าอนุรักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เมื่อช่วงต้นปี 2559 ที่ผ่านมา 


คฤหาสต์หรูหราของธาริตนั้น ตำตาจน "ป.ป.ช." ต้องตั้งกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง จนพบว่า "นายธาริต" และ "นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์" ผู้ภรรยา ซึ่งวันนี้เป็น "เหรัญญิกของพรรคไทยรักษาชาติ" มีทรัพย์สินเกินกว่าฐานะ และรายได้ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะพึงมี  อีกทั้งยังปรากฏพฤติการณ์โอนย้าย แปรสภาพหรือซุกซ่อนทรัพย์สิน รวมทั้งให้บุคคลอื่นถือครองแทน จึงสั่งอายัดทรัพย์สินธาริตกว่า 346 ล้านบาท และส่งสำนวนไต่สวนให้อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาล สั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ตาม มาตรา 80 และมาตรา 83 พระราชบัญญัติ ป.ป.ช.ต่อไป ขณะที่ตัวบ้านพักหรูนั้นกลับปรากฏว่า...ถูกชายฉกรรจ์กว่า 20 คน ซึ่งไม่ต้องบอกก็คงเดาได้ว่า...เป็นคนของใครบุกเข้าไปทำการรื้อถอน และทุบทำลายจนเหลือแต่ซาก...และเป็นข่าวครึกโครมในช่วงนั้น...ระหว่างที่คดีนี้กำลังดำเนินอยู่

 

อย่างไรก็ดี การอายัดทรัพย์สินธาริตกว่า 346 ล้านบาทจากการร่ำรวยผิดปกติเมื่อต้นปี 2559 ของ ป.ป.ช.นั้น ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านั้น 1 ปี คือช่วงเดือนเมษายน 2558 ป.ป.ช.ยังได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์นายธาริต 40 กว่าล้านบาท...จากฐานความผิดเดียวกันมาก่อนหน้าด้วย กระทั่งนำมาสู่การ "ถูกไล่ออกจากราชการ" ของนายธาริต ขณะตัวคดีก็ถูกยื่นฟ้องต่อ "ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" เพื่อให้วินิจฉัยในเรื่องนี้ไปเมื่อเดือน กันยายน 2560 ที่ผ่านมา

 

ไม่เพียงแต่เท่านี้ ก่อนหน้านี้ในช่วงปี 2556  "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี กับ "นายสุเทพ เทือกสุบรรณ" อดีตรองนายกฯ และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ก็ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง "นายธาริต" เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต  และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 90, 157, 200 โดยกล่าวหา นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ข้อหาก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าโดยเจตนาและเล็งเห็นผล จากการออกคำสั่ง ศอฉ. สลายม็อบคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553...โชคดีที่คดีนี้ศาลฯ ยกฟ้อง เพราะยกประโยชน์ให้จำเลย โดยศาลฯ เห็นว่า "การกระทำของจำเลย (นายธาริตและพวกอีก 3 คน) เป็นการดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน กระทำไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย พยานหลักฐานไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง...แต่แม้คดีกล่าวหาอภิสิทธ์และสุเทพ...ปราบม็อบแดงเล็งเห็นผลจะยกฟ้อง...แต่ "คดีร่ำรวยผิดปกติ" ที่ ป.ป.ช.ชี้มูลไปนั้น...ยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม...และก็ถือว่า...เป็นคดีที่หนักหน่วงมากเช่นกัน


ว่าไปแล้วคดีของธาริตนั้น...ล้วนเกี่ยวโยงกับ "การวางตัวทางการเมือง" ของเขาทั้งสิ้น เพราะก่อนหน้าที่เขาจะตกเป็นจำเลยคดีกล่าวหา และหมิ่นประมาท "นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ" นั้น ระหว่างที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลช่วงปี 2552 - 2553 นายธาริต ถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ต่อกรกับ "เสื้อแดง" ที่ชุมนุมแน่นหนาในช่วงนั้น ต่อเมื่อ "ประชาธิปัตย์" หมดอำนาจไป และ "เพื่อไทย" พลิกขั้วขึ้นมา นายธาริตเป็นบุคคลแรก ๆ ที่ถูกหมายหัวในทันที กระทั่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งรับหน้าที่รองนายกฯ ดูแล DSI ประกาศกร้าวว่า...จะจัดการธาริตเป็นก่อนอื่น จนเมื่อเขายอม "เปลี่ยนสี" หันกลับมาเป็นมือเป็นไม้ให้ "เพื่อไทย" และขุดคดีโรงพักร้างขึ้นมา และโยงไปที่นายสุเทพ...เก้าอี้อธิบดี DSI จึงไม่ถูกกระชากไปจากก้น...และเป็นที่มาของการถูกนายสุเทพฟ้องหมิ่นประมาท ก่อนที่ศาลจะพิพากษาจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญาดังที่กล่าว


...ปิดฉากตำนาน...จากผู้ขึ้นสู่จุดสูงสุดเบอร์ 1 DSI สู่คุก 1 ปี...เป็นที่เรียบร้อย