- 17 ธ.ค. 2561
"บิ๊กตู่" แจงชัด จัดทำงบปี 63 ชัดเจน-โปร่งใส-เป็นธรรม ลั่น ประเทศไทยต้องมั่นคงและสงบเรียบร้อยในทุกมิติ
วันนี้ (17 ธันวาคม) เมื่อเวลา 13 นาฬิกา ที่ห้องแกรด์ไดมอนด์ อิมแพค เมืองทองธานี "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 โดยมีตัวแทนข้าราชการกระทรวง ทบวง กรม เข้าร่วม โดยนายกฯ กล่าวว่า วันนี้ต้องทำจิตใจให้สบายร่วมกันสร้างสรรค์ทำความดีให้แผ่นดิน ในนามข้าราชการและทุกภาคส่วน
วันนี้เราทำงานมาหลายปีแล้วเพื่อแก้ปัญหาวางพื้นฐานประเทศในวันข้างหน้า ให้มีการปฏิรูปในทุกมิติอย่างแท้จริงข้าราชการทุกภาคส่วนทราบดีอยู่แล้วว่า เป็นข้าราชการเพื่อใคร เพื่อประชาชน ประเทศชาติ รวมจิตใจเป็นหนึ่งเดียว เพื่อสมศักดิ์ศรีข้าราชการ การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 ต้องคำนึงให้เกิดความเชื่อมโยงทั่วถึงประชาชนทุกมิติ ไปสู่เป้าหมาย และภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 12 ที่ต้องโปร่งใสและเป็นธรรม คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติประชาชนโดยรวม
"พลเอกประยุทธ์" เปิดเผยว่า "หน้าที่ของเราคือเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ นำศาสตร์พระราชามาเป็นหลักในการทำงานเพื่อผลักดันประเทศ ต้องเข้าใจความหมายศาสพระราชาให้ดี ตีความให้ถูกต้องลงในเชิงลึกเชิงกว้างในข้างล่างและสาระสำคัญ ด้วยพระองค์ทรงรับสั่งมาถือเป็นปรัชญาที่แท้จริง การสร้างสมดุลเศรษฐกิจสังคมให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จะนำมาซึ่งความสงบสุขความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน มีความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทยทุกคนและต่างประเทศ มุ่งหวังเชื่อมโยงเศรษฐกิจของประเทศไทย บูรณาการรู้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและต้องมีภูมิคุ้มกันด้านคุณธรรมทั้งนั้น เราจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วมีเกียรติภูมิ ยืนอยู่อย่างสมศักดิ์ศรีบนเวทีโลก เป้าหมายในการกำจัดความยากจนส่งเสริมประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีลดความเหลื่อมล้ำในสังคม"
หลังจากนี้ต้องเดินตามยุทธศาสตร์ชาติต้องไม่ใช่เดินตามเพราะคำสั่ง แต่เปรียบเสมือน ไฮเวย์เดินไปอย่างมีแผนแม่บท กฎระเบียบ ให้ทุกคนเข้าถึงโอกาส ทุกส่วนต้องจัดทำแผนงานให้สอดคล้องกับแผนแม่บท เพื่อมีเป้าหมายและกรอบการทำงานที่กระชับมากขึ้นมีตัวชี้วัดมากขึ้น เพื่อให้เกิดประสิทธิผลไม่ใช่แก้ประสิทธิภาพอย่างเดียว สิ่งสำคัญอันดับแรกคือเราต้องแก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ใช้จ่ายงบประมาณไปตามภารกิจ วันนี้คิดแบบเดิมๆไม่ได้แล้ว เราจะต้องรอบรู้เรียนรู้เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณ มีประสิทธิภาพสูงสุดคุ้มค่าต่อการใช้จ่าย
การจัดสรรงบประมาณของแต่ละกระทรวงต้องสามารถระบุผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นในการใช้งบประมาณตั้ง คำขอตั้งงบประมาณเป็นเงื่อนไขที่กระทรวงและหน่วยงานต้องกำหนดให้ชัดเจนเป็นรูปธรรมมีกลไกการประเมินผลและเปิดเผยต่อสาธารณชน จะมาทำงุบงิบเงียบๆไม่ได้อีกแล้ว เราต้องเปิดเผยให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ทุกงบประมาณจะเก็บซ่อนไว้ไม่ได้จะต้องนำมาเปิดเผยเพื่อนำไปสู่การบริหารงบประมาณส่วนต่างๆ นายกฯ ระบุ
ทั้งนี้ "พลเอกประยุทธ์" ยังกล่าวอีกว่า "ในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี หน่วยงานจะต้องจัดทำกรอบงบประมาณรายจ่ายล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี เพื่อให้รัฐบาลมีข้อมูลในการรักษาวินัยการเงินการคลังสิ่งที่รัฐบาลทำมาในวันนี้มีการประมาณการมากกว่า 3 ปี ด้วยซ้ำไปจะถึง 5 ปีด้วยซ้ำ เพื่อให้เม็ดเงินแต่รับรายจ่ายเกิดความสมดุลมากขึ้น ซึ่งต้องค่อยๆเดินหน้าไปไม่ใช่ผลีผลามมันจะทำไม่ได้ นอกจากนี้ การจัดทำงบประมาณปี 63 ด้านความมั่นคงต้องให้ประเทศมีความสงบเรียบร้อยในทุกมิติ ไม่ใช่เฉพาะเจ้าหน้าที่พลเรือนทหาร แต่หมายถึงความมั่นคงทั้งหมดทั้งเศรษฐกิจ สังคม ทุกอย่างต้องมั่นคงมีเสถียรภาพ"
ส่วนด้านการเมืองและความมั่นคง คนไทยต้องมีความจงรักภักดีซื่อสัตย์ พร้อมดำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาตินี่คือหลักการของประเทศไทย คนไทยต้องอยู่ดีกินดีและมีความสุขอย่างพอเพียง แล้วค่อยยกระดับให้สูงขึ้น อย่าให้เกิดความขัดแย้งกัน คนรวย คนจน หรือคนปานกลาง รัฐบาลมีหน้าที่แบ่งปันผลประโยชน์ให้เหมาะสมเป็นธรรม รัฐบาลพยายามหากลไกให้เกิดความสมดุล ประชาชนจะต้องมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สุดท้ายคือทำการเมืองมีเสถียรภาพและมีธรรมาภิบาล ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ทำไทยมีบทบาทในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเราไม่ได้ะพูดว่าเราเป็นผู้นำ แต่เป็นประเทศแนวหน้าที่เดินไปพร้อมกัน ไม่มีใครเป็นผู้นำ" พลเอกประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนเชื่อมั่นข้าราชการที่เก่งในเรื่องการเขียนการใช้จ่ายงบประมาณ แต่เขียนแล้วต้องดูว่าใช้ได้หรือไม่ เขาอนุมัติหรือไม่ การเสนองบประมาณต้องมีรายละเอียดมาด้วย ไม่ใช่อยู่ดีๆส่งมาก่อน ใช้เงินเท่านั้นเท่านี้ แต่ไม่มีรายละเอียด แถมเสร็จแล้วงบประมาณนั้นจะเด้งกลับไปให้ทำรายละเอียดมาอีก ทีนี้จะยุ่ง จะเป็นแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว ขอให้ทุกคนมีจิตสำนึกในการประกอบธุรกิจเพื่อสังคม ใครที่ทำผิดกฎหมาย ทุจริต ถ้ารู้ต้องลงโทษอย่างหนัก
"เวลาที่ผมพูดอะไรบางครั้งต้องติดเบรกตัวเองเอาไว้ ถ้าพูดอะไรผิดขอให้ช่วยท้วงติงด้วย เพราะบางทีผมก็อาจจะพูดเลยเถิดไป เนื่องจากเป็นคนที่ปากกับใจตรงกัน วันนี้การกระจายอำนาจลงไปสู่ท้องถิ่นแล้ว การเลือกตั้งก็มีถ้าพร้อมก็เดินไปไม่มีอะไรขัดข้อง อย่างไรก็ตาม เวลาที่ทำอะไรต้องรู้จักความละอายเกรงกลัวต่อบาป ต้องมีหิริโอตัปปะ ต้องปลูกฝังคนรุ่นใหม่ว่าโตไปไม่โกง ไม่ใช่สนับสนุนกันอยู่นั่น จนคิดว่าถูกต้อง สังคมต้องช่วยกันแก้ไข ผมพูดก็เพื่อให้สังคมคนรุ่นใหม่พัฒนา และที่พูดว่าโกงนั้นไม่ใช่โกงเฉพาะเงินทอง แต่มีเรื่องการโกงเวลา โกงกฎจราจร ต่างๆก็ถือว่าโกงทั้งนั้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ทั้งนี้ "นายกฯ" กล่าวเพิ่มเติมว่า "ในเรื่องการออกกฎหมาย หลายคนบอกว่าสภาปัจจุบันเป็นสภาฝักถั่วในเรื่องการออกเรื่องกฎหมาย ความจริงกว่าจะออกฎหมายมาได้แต่ละฉบับใช้เวลาเป็นเดือน ไม่ใช่ฝักถั่วอย่างที่พูด จะกล่าวหาหรือแบบเดิมไม่ได้ เขาทำงานแทบตาย และไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหนตนเคารพในสภาทุกสภา เราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน"
"อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่ไม่ทันกฎกระทรวงต่างๆเป็นล้านฉบับ เพราะสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยมีความสงบสุขยั่งยืน มีความเป็นธรรมเท่าเทียมกันคือกฎหมายเท่านั้น เพราะกฎหมายบังคับคนทุกคนให้อยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน ซึ่งก็คือความเท่าเทียมของโอกาส ความเป็นธรรม และขอย้ำว่าไม่มีใครจะแก้ปัญหาให้ประเทศไทยได้ด้วยคนไทยกันเอง ขอฝากไว้ด้วย..."