หากหมดสิ้นเครือญาติ  "ทักษิณ" จะหยิบชื่อใครมาเดินในเกมอำนาจต่อ ?

หากหมดสิ้นเครือญาติ "ทักษิณ" จะหยิบชื่อใครมาเดินในเกมอำนาจต่อ ?

       ณ จุดนี้ อาจเรียกได้ว่า ทรัยากรคนสายเลือดตระกูล “ชินวัตร” ในแวดวงการเมืองค่อยๆเริ่มร่อยหรอลงไปทุกที ทุกที  โดยเริ่มจากตัวของ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ขณะนี้เป็นผู้ร้ายหลบหนีคดีอยู่ในต่างแดน เริ่มจากคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดา จนต้องเก็บเสื้อผ้าไประหกระเหินไปตั้งแต่ปี 51 และตามมาด้วยหมายจับและคดีอื่นๆยาวเป็นหางว่าว 
 ต่อมาเป็น "น้องปู" หรือ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” น้องสาวสุดที่รัก มีชะตากรรมที่ไม่ต่างจากพี่ชาย ต้องเร่ร่อนออกนอกประเทศไป จากคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และล่าสุด ท่ามกลางข่าวลือหนาหู การเปิดคดีจำนำข้าวล๊อต 2  ทำเอา “เจ๊...?”  เกิดอาการขวัญผวา รีบบินด่วนออกจากประเทศไทยไปแล้ว ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ...

 

หากหมดสิ้นเครือญาติ  "ทักษิณ" จะหยิบชื่อใครมาเดินในเกมอำนาจต่อ ?

 

    ขณะที่ลูกชายคนโตอย่าง “โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร” ที่ประกาศความพร้อมตั้งแต่เกิดมา เป็นลูกของ "นายทักษิณ" ก็ตกเป็นจำเลยในชั้นศาลอีกคน หลังอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง "นายพานทองแท้" ในคดีปล่อยกู้กรุงไทย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ความผิดฐานฟอกเงิน  เมื่อวันพุธที่ 10 ตุลาคม 61 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการให้ประกันตัว

 

 

หากหมดสิ้นเครือญาติ  "ทักษิณ" จะหยิบชื่อใครมาเดินในเกมอำนาจต่อ ?
    

     อย่างไรก็ตาม แม้ภาพที่ปรากฏออกมาจะทำให้เข้าใจได้ว่า  “คุณหญิงสุดารัตน์  เกยุราพันธุ์” ในฐานะผู้ถือธงนำทัพ นั่งแท่น “ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย” แต่.. “สิ่งที่เห็น อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น” เสมอไป เพราะอย่าลืมว่า นายทักษิณไม่เคยไว้ใจใคร นอกเสียจากผู้ที่มีสายเลือดโดยตรง หรือเครือญาติ ของตัวเอง และพฤติกรรมในอดีตเป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดี บทเรียนจาก "คนเคยทำงานถวายชีวิตให้กับทักษิณ" อย่าง “นายสมัคร สุนทรเวช” เหตุการณ์ ในวันที่ นายสมัครถูกหักหลังไม่ได้เป็นนายกสมัยที่สอง  แต่ผลักดันบุคคลที่มีสายสัมพันธ์โดยตรง  อย่าง ”นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์”  สามีของ "เจ๊แดง-เยาวภา" ขึ้นทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีแทน  ทั้งที่มีข้อตกลงอย่างชัดเจนก่อนหน้าแล้วว่าจะเปิดโอกาสให้ "นายสมัคร" กลับมาทำหน้าที่สำคัญนี้อีกครั้ง

 

หากหมดสิ้นเครือญาติ  "ทักษิณ" จะหยิบชื่อใครมาเดินในเกมอำนาจต่อ ?

 

        หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2551 นายทักษิณ ได้โทรศัพท์มาหา นายเนวิน ชิดชอบ ว่า ขอให้แจ้งแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคพลังประชาชนว่า ให้สนับสนุนนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป นายเนวินจึงแจ้งแก่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน และให้ผู้ใหญ่ในพรรคไปขอร้องนายสมัครที่บ้านพักในหมู่บ้านโอฬาร ซอยนวมินทร์ 81 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2551 ให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง พร้อมกับเสียงสนับสุนนของ ส.ส.พรรคพลังประชาชน  กระทั่งเช้าวันที่ 12 กันยายน 2551 นายสมัครไปถึงสภาฯแต่เช้า เพื่อรอเวลาประชุม

 

กลับปรากฏแต่ ส.ส. พรรคพลังประชาชนกลุ่มเพื่อนเนวิน และพรรคประชาธิปัตย์มาประชุม ไม่มี ส.ส. พรรคพลังประชาชนฟาก ของนายทักษิณ เลย ทำให้องค์ประชุมไม่ครบเลือกนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ จนทำให้นายสมัครเสียความรู้สึก แสดงหน้าตาเคร่งเครียดแบบสุดเจ็บปวด  ซึ่งในวันที่โหวต นายสมชาย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 26  เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2551  นายสมัคร เลือกที่จะปรากฏตัวหลังการโหวตโดยอ้างว่า  รถติด มาไม่ทัน จึงเป็นการปิดฉากนายกฯ “สมัคร สุนทรเวช” จากเหตุการณ์นี้ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้นายเนวิน หันหลังให้กับระบอบทักษิณ

 


     ถัดมาหลังจากยุค นายสมัคร-นายเนวิน  ยังมีนักการเมืองคนสำคัญอย่างน้อยอีก 2 คนที่ได้รับการตอบแทนจาก”นายทักษิณ”อย่างเจ็บปวด  ในยุคสิ้นสุดพรรคพลังประชาชน แล้วมาก่อเกิดพรรคใหม่ในชื่อ พรรคเพื่อไทย  คนหนึ่งคือ “นายสุพล ฟองงาม”  อดีตส.ส.อุบลราชธานี   ซึ่งเป็นแกนนำนักการเมืองภาคอีสาน  ที่ตัดสินใจไม่ย้ายพรรคไปร่วมกับภูมิใจไทย  และประกาศจะช่วยงานพรรคเพื่อไทยต่อไป  จนทำให้นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล  รวมถึงส.ส.อีสานส่วนใหญ่ เพื่อประงานงานกับส.ส.ภาคอีสาน ที่ถือเป็นภาคที่จำนวนส.ส.มากที่สุด  สนับสนุนเป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทย   ตามคำเห็นชอบของ “นายทักษิณ”

 

แต่สุดท้าย นายสุพล  ซึ่งเป็นประธานกลุ่มอีสานพัฒนา  ก็ตัดสินใจลาออกหลังเกิดความขัดแย้งกับ นายพายัพ ชินวัตร  น้องชายคนเดียว ของนายทักษิณ หลังทำหน้าที่ได้เพียง 8 เดือน  รวมถึงยังโดนแรงกดดันทางการเมืองภายในพรรค  เนื่องจากนายสุพล ฟองงาม เลขาธิการพรรคเพื่อไทย  ในขณะนั้นถูกระบุว่า  อยู่เบื้องหลังให้ การสนับสนุน นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์  เป็นเบอร์หนึ่งเพื่อไทย คว้าเก้าอี้นายกฯ  นายมิ่งขวัญในขณะนั้นถือเป็นนักการดาวรุ่ง พุ่งแรง ที่กล้าหาญประกาศกลางสภาฯ  ขออาสาเป็นนายกฯ คนถัดไปของประเทศ ซึ่งขณะนั้นต้องถือว่า นายมิ่งขวัญโดดเด่นเป็นที่จับตา และมีโอกาสสูงในการคว้าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

 

หากหมดสิ้นเครือญาติ  "ทักษิณ" จะหยิบชื่อใครมาเดินในเกมอำนาจต่อ ?
 

ถึงกระนั้นต่อมาปรากฏว่านายทักษิณ ทีมยุทธศาสตร์เพื่อไทย และสายชินวัตร  ได้เคาะตัว นางสาว ยิ่งลักษณ์  ลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ อันดับ 1 ถูกวางตัวเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ปรากฏว่า มิ่งขวัญ เริ่มใช้กำลังภายในชวนสมาชิกพรรคเพื่อไทยก่อการแยกตัวจากพรรค ทั้งเดินสายพบเสนาะ เทียนทอง ประหนึ่งหวังสร้างกลุ่มต่อรองอำนาจกับขั้วชินวัตรในพรรคเพื่อไทย นอกจากนั้นยังมีข่าวลือหนาหูว่าเตรียม ขน สส.ไปร่วมกับ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ  เเต่ไม่ว่าแผนการใดล้วนถูก “นายทักษิณ” สกัดทุกหนทาง จากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ของไทย มิ่งขวัญ กลายเป็นแค่ สส.บัญชีรายชื่ออันดับ 6 ของพรรค

 

หากหมดสิ้นเครือญาติ  "ทักษิณ" จะหยิบชื่อใครมาเดินในเกมอำนาจต่อ ?

 

ไม่เท่านั้นยังถูกเขี่ยพ้นงานระดับยุทธศาสตร์ของพรรค ไร้ชื่อเป็นคณะกรรมการยุทธศาสตร์ หรือหัวหน้าทีมคิดนโยบาย และกลายเป็นตัวเลือกนอกสายตาทุกครั้งที่มีการปรับที่นั่งเสนาบดีหลายต่อหลายครั้ง   นับจากนั้น บทบาทของนายมิ่งขวัญก็ค่อนๆจางหายไปจากพรรคเพื่อไทย...

 

หากหมดสิ้นเครือญาติ  "ทักษิณ" จะหยิบชื่อใครมาเดินในเกมอำนาจต่อ ?

 

    อย่างไรก็ดี หากพิจารณาถึงทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาข้างต้น นำมาซึ่งคำถามที่ว่า "ทิศทางของพรรคเพื่อไทย และ พรรคการเมืองหลักในระบอบทักษิณ" และนำมาซึ่งคำถามที่ว่า "เมื่อหมดสิ้นเครือญาติแล้ว นายทักษิณ จะเลือกใช้ใคร ในการเดินเกมการเมืองกระดานนี้ต่อ...?"  หลังจากนี้ต่อไปประชาชนก็ต้องจับตาดูสถานการณ์กันต่อไป มันส์แน่ ...