"ยิ่งลักษณ์" ถือ "พาสปอร์ตเขมร"? ย้อนมิตรภาพ "ฮุนเซน-ชินวัตร"!!

"ยิ่งลักษณ์" ถือ "พาสปอร์ตเขมร"? ย้อนมิตรภาพ "ฮุนเซน-ชินวัตร"!!

 ความเคลื่อนไหวของ 2 พี่น้อง “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”  เข้มข้นเป็นลำดับ ล่าสุดสร้างความฮือฮา ข้ามแดนมาไกลจากจีนถึงไทย และกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองทันที หลังจากได้มีโหมกระพือข่าวจากฝั่งคนเสื้อแดง อย่างเพจกรุงเทพ กรุงเทพ  กระบอกเสียงที่ค่อยเผยแพร่ข่าวสารชนิดเอกซ์คลูซีฟของพี่น้องตระกูลชิน ล่าสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เข้าไปซื้อกิจการ บริษัท ซัวเถา คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล จำกัด (Guangdong Shantou International Container Terminal) หรือ เอสไอซีที บริษัทบริหารท่าเรือในเมืองซัวเถา (ซ่านโถว) มณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน โดยดำรงตำแหน่งประธาน และผู้แทนโดยชอบธรรมของบริษัท ซึ่งจากเดิมคือนายหลิน ต้าฉี เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2561

 

"ยิ่งลักษณ์" ถือ "พาสปอร์ตเขมร"? ย้อนมิตรภาพ "ฮุนเซน-ชินวัตร"!!

 

ในเวลาต่อมา ได้ สื่อดังฮ่องกง “เว็บไซต์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์” ได้เปิดข้อมูล หลักฐานเส้นทางการเข้าไปนั่งเก้าอี CEO บริษัท ซัวเถา คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล จำกัด ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่น่าสนใจก็คือ มีการเปิดเผยด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ใช้พาสปอร์ตกัมพูชาในการดำเนินธุรกิจในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่ฮ่องกง พร้อมระบุชื่อตนเองเป็นกรรมการบริหารแต่เพียงผู้เดียวของบริษัท P.T. Corporation Company เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม2561 หรือประมาณ 1 ปี หลังจากที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางหลบหนีออกจากประเทศไทย ซึ่งขัดแย้งกับสิ่งที่ทางการกัมพูชายืนยันมาตลอดว่าไม่ได้ออกเอกสารการเดินทางให้กับอดีตผู้นำหญิงของไทย

"ยิ่งลักษณ์" ถือ "พาสปอร์ตเขมร"? ย้อนมิตรภาพ "ฮุนเซน-ชินวัตร"!!

 

ประเด็นที่ต้องจับตาต่อจากนี้คือ ข้อเท็จที่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้พาสปอร์ตกัมพูชา ในการดำเนินการทางธุรกิจ-เดินทางจริงหรือไม่ และหากเป็นความจริง ตามที่“เว็บไซต์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์”ได้เปิดเผยออกมานั้น คำถามที่จะเกิดขึ้นต่อไปคงหนีไม่พ้นคำถามที่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้พาสปอร์ตกัมพูชามาได้อย่างไร??  นี่จึงเป็นคำถามคำใหญ่ที่ฝั่งกัมพูชา  โดยเฉพาะ สมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา จะต้องชี้แจงสร้างความกระจ่าง  เพราะต้องไม่ลืมว่าบุคคลในตระกูลชินวัตรมีความสัมพันธ์ในระดับใกล้ชิดกับสมเด็จฮุนเซนในระดับไม่ธรรมดา.. ถึงขนาดที่รัฐบาลกัมพูชาประกาศพระราชกฤษฎีกาแต่งตั้ง ให้นาย ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำคณะรัฐบาลกัมพูชาเลยทีเดียว

 

"ยิ่งลักษณ์" ถือ "พาสปอร์ตเขมร"? ย้อนมิตรภาพ "ฮุนเซน-ชินวัตร"!!

 

ทั้งนี้หากย้อนไปวันที่ 1 ก.ย. 2553   มีรายงานข่าวจาก หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์  อ้างคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน แห่งกัมพูชา  ระหว่างร่วมพิธีมอบปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาที่มหาวิทยาลัยพนมเปญ ว่า นายทักษิณ ไม่ใช่สินค้า ที่ใครจะใช้ส่งต่อจากฝ่ายหนึ่งไปยังอีกฝ่ายหนึ่ง  พร้อมกันนี้ยังระบุไปถึงขั้นว่า อดีตนายกฯทักษิณ ไม่ใช่สินค้าสำหรับใช้ในการแลกเปลี่ยนทางการทูตหรือทางการเมือง ส่วนเจ้าตัวและอดีตนายกฯของไทยยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

 

กระนั้นไม่เพียงคำพูดเท่านั้น หากแต่ยังปรากฏภาพตอกย้ำความสัมพันธ์ด้วย นั่นคือภาพกอดกันระหว่างสมเด็จฮุนเซนกับนายทักษิณ ขณะที่นายทักษิณ ได้เคยโพสต์ข้อความไว้ในทวิตเตอร์ ถึงกรณีสมเด็จฮุน เซน แต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวและที่ปรึกษารัฐบาลด้านเศรษฐกิจ กัมพูชาโดยขอบคุณสมเด็จฮุนเซนด้วย

"ยิ่งลักษณ์" ถือ "พาสปอร์ตเขมร"? ย้อนมิตรภาพ "ฮุนเซน-ชินวัตร"!!

 

ไม่เพียงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นทางการเมืองเท่านั้น หากแต่ยังพบความสัมพันธ์ทางครอบครัวด้วยนั่นคือ เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2556  ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน ได้มีการจัดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสอย่างยิ่งใหญ่ระหว่าง น.ส.ชยาภา วงศ์สวัสดิ์ หรือเชอรี่  บุตรสาวคนเล็กของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์  กับนายลินัล นัม เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานคณะรัฐมนตรีกัมพูชา บุตรชายของมาดามอ้วน วันลี กับนายเลียง นัม นักการเมืองชื่อดัง ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เดินทางมาเป็นประธานในพิธีมงคลสมรส ก่อนทั้งคู่จะกลับกัมพูชาไปฉลองมงคลสมรสในวันที่ 25 พ.ค.56

 

ขณะที่เมื่อคราวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีหนังสือแสดงความยินดีจากสมเด็จฮุนเซน  ต่อมาสำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงพนมเปญว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ปี  2554   น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง โดยมีเป้าหมายยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา  โดยนายกอย กวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา  เปิดเผยว่า การเดินทางเยือนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ครั้งนี้  เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์และความร่วมมือในทุกด้านระหว่างไทยกับกัมพูชา และเอเอฟพี  ยังรายงานอีกว่า  การเดินทางเยือนกรุงพนมเปญกำหนด 1 วัน ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีขึ้น 1 วันก่อนที่พี่ชายคือ นายทักษิณ จะเดินทางเยือนกัมพูชาในช่วงวันที่ 16-24 ก.ย. 2554

 

อย่างไรก็ตามหากการที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ถือพาสปอร์ตกัมพูชาเป็นความจริง ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้อาจจะส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไทย-กัมพูชา เนื่องจากสถานะของน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้นเป็นนักโทษหนีคดีทุจริต หาใช่ผู้ลี้ภัยทางการเมืองแต่อย่างใด