ชัชชาติ ยืดอกพูดเองพร้อมเป็นนายกฯ หรือไฟเขียวจากแดนไกลมาแล้ว แบบนี้จะเอาเจ๊หน่อยไว้ไหน?

เปิดตัวกันอย่างเป็นทางการแล้วจริงๆ สำหรับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทยและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ได้ลงพื้นที่พบประชาชน อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเคียงคู่มาพร้อมคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ในการร่วมกันเดินหาเสียงครั้งนี้ได้สร้างความฮือฮาเป็นครั้งที่2 หลังจากมีกระแสว่าเพื่อไทยจะดันนายชัชชาติ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในขณะที่คุณหญิงหน่อย ที่ว่ากันว่าก็หมายมั่นปั้นมือกับตำแหน่งนายกฯหญิงคนที่2ของประเทศไม่รู้จะคิดอย่างไร กระนั้นเรื่องนี้ก็มีความสลับซับซ้อนให้ชวนค้นหามากยิ่งด้วย

 

ในการลงพื้นที่ครั้งแรกของนายชัชชาติ ได้ปราศรัยในนามพรรคเพื่อไทยครั้งแรก พร้อมทั้งยังกล่าวถึง ความพร้อมในการเปิดตัวเป็น 1 ใน 3 รายชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย ซึ่งนายชัชชาติ กล่าวว่า “ผมไม่รู้เรื่อง ต้องแล้วแต่ทางพรรคเพื่อไทย หากทางพรรคเพื่อไทย เห็นว่า เหมาะสม ตนก็พร้อม” นี่จะเห็นได้ชัดแจ้งเลยว่า รัฐมนตรีผู้ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในปฐพีมิได้ปฏิเสธแม้แต่น้อยในการจะก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่ง ทั้งที่คุณหญิงหน่อยก็คิดจองเก้าอี้ตัวนี้ไว้แต่แรกหรือไม่

 

แม้ว่าเคยมีโพลของสวนดุสิตที่ระบุว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นนักการเมืองหญิงที่ประชาชนชื่นชอบที่สุด แต่กลับมีกระแสทางพรรคเพื่อไทยกลับเลือก นายชัชชาติ ขึ้นบัญชีว่าที่นายกฯของพรรค โดยมีการอ้างถึงการทำโพลล์เป็นการภายในของพรรค ซึ่ง พบว่าหากพรรคชูนายชัชชาติ เป็นนายกรัฐมนตรี จะได้ ส.ส.ถึง 220 ที่นั่ง โดยจะมากกว่าการชูคุณหญิงสุดารัตน์ ที่จะทำให้ได้ ส.ส. 190-200 ที่นั่ง และในห้วงเวลาดังกล่าวนี้เอง นายชัชชาติ ก็ได้โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คส่วนตัว ส่งสัญญาณแสดงความพร้อมสำหรับการทำงานการเมือง โดยระบุว่า "วันนี้ (วันที่ 28 ธันวาคม) เป็นวันสุดท้ายที่ผมทำงานในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ครบวาระหลังจากทำงานมา 4 ปีเต็ม ขอบคุณอดีต สำหรับทุกๆ บทเรียน / สวัสดีอนาคต ผมพร้อมแล้ว

 

และเวลาต่อมาเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ ที่ออกมาตอบคำถามของสื่อจากที่มีกระแสข่าวนายชัชชาติ ถูกวางตัวให้อยู่ในบัญชีว่าที่นายกฯลำดับ 1 โดยคุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่า ไม่ใช่กระแสข่าว แต่ได้พูดคุยกันในพรรคแล้ว โดยตนกับนายชัชชาติ จะทำงานด้วยกัน และส่งเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งเรื่องนี้ไม่เพียงคนภายนอกเท่านั้นที่ฮือฮา แต่สำหรับคนในพรรคเพื่อไทยก็ถือว่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อย เพราะต้องไม่ลืมว่า ภายในพรรคก็มีแรงเสียดทานกับคุณหญิงสุดารัตน์ มีหลายคนที่ตั้งป้อมไม่เอา โดยเรื่องนี้รับรู้กันดีทั้งคนภายในพรรคและนอกพรรค

 

 

 

ชัชชาติ ยืดอกพูดเองพร้อมเป็นนายกฯ หรือไฟเขียวจากแดนไกลมาแล้ว แบบนี้เอาเจ๊ไปไว้ไหน?

 

เป็นที่รับรู้กันว่าภายในพรรคเพื่อไทย มีการหยั่งเชิงวัดกันภายในด้วยว่า นายชัชชาติ มาแรงไม่เบา ประกอบกับยังมีเสียงเชียร์จากบรรดาคนสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ตามเพจต่างๆก็ออกมาประสานเสียงกันอย่างเต็มที่ บางเพจยังอ้างไปถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดไว้วางใจจาก "ครอบครัวนายใหญ่" เช่น จากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ขณะนี้หนีคดีหลบหนีอยู่ต่างประเทศด้วยกัน กระนั้นก็ยังไม่มีใครที่จะออกมาพูดให้แน่ชัด เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างมีความสลับซับซ้อน เหนืออื่นใดย่อมต้องมีสัญญาณจากคนแดนไกล นายใหญ่ที่จะชี้ซ้ายชี้ขวา จะเอาผู้หญิงหรือเอาผู้ชาย

 

อย่างไรก็ตามครั้งที่มีกระแสข่าวออกมาครั้งแรกทำให้เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างภายในพรรคเพื่อไทย ที่ทำให้ได้เห็นร่องรอยของความแตกแยกภายในที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนขึ้น ได้เห็นปฏิกิริยาจากอีกฝ่าย โดยเฉพาะขั้วของ คุณหญิงสุดารัตน์ ที่ออกอาการแบบ"ตีกัน"โดยย้ำว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่มีมติให้ นายชัชชาติ เป็นเบอร์หนึ่ง แต่เมื่อมาถึงวานนี้(16ม.ค.)ที่นายชัชชาติ กล้าออกมาพูดถึงความพร้อม นั่นย่อมสะท้อนบางสิ่งบางอย่างให้ชัดขึ้นหรือไม่ว่า อาจมีสัญญาณไฟเขียวมาแล้วจากต่างประเทศก็น่าจะเป็นไปได้ไม่มากก็น้อย???

 

ในขณะเดียวกันก็มีการไล่เรียงถึงเบอร์ที่จะกางออกมาถึงบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯในนามของพรรคเพื่อไทยว่า คุณหญิงสุดารัตน์เบอร์ 1 พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเบอร์ 2 และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ยังเป็นเบอร์ 3  นี่เอง ผลพวงจากความเคลื่อนไหว ข่าวเปลี่ยนตัวบัญชีเสนอชื่อนายกฯของพรรค ที่ได้สะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศความคุกรุ่นภายใน สภาพการณ์ที่ คุณหญิงสุดารัตน์  ยังไม่ได้รับการยอมรับแบบเต็มร้อยของคนในพรรค  และถึงอย่างไรคุณหญิงสุดารัตน์ ก็ไม่น่าจะมีทางถอยหรือ"หลีกทาง"ให้นายชัชชาติ เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าได้ลงทุนลงแรงไปมากแล้ว ที่สำคัญต้องใช้แรงหนุนจาก"คนแดนไกล"แบบเต็มกำลัง และก็ไม่แน่ว่านี่อาจเป็นความหวังครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้ มีหรือจะยอมปล่อยให้หลุดมือ!?! จริง-ไม่จริงลองย้อนกลับไปฟัง

 

ก่อนหน้านี้คือวันที่ 28 ตุลาคม 2560  พรรคเพื่อไทยได้ประชุมเลือกกรรมการบริหารพรรค และคุณหญิงสุดารัตน์ ก็ได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรค แล้วก็ได้พูดถึงกระแสข่าวที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อเวลาและขั้นตอนมาถึง จะมีการเสนอชื่อแคนดิเดต วันนี้ยังไม่มีการพูดถึงรายชื่อบุคคลที่จะเป็นแคนดิเดต และเมื่อถามว่า หากสมาชิกมีเจตจำนงเสนอชื่อ คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นนายกฯ จะรับหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ ก็กล่าวว่า ขอให้ถึงเวลาก่อน

 

ชัชชาติ ยืดอกพูดเองพร้อมเป็นนายกฯ หรือไฟเขียวจากแดนไกลมาแล้ว แบบนี้เอาเจ๊ไปไว้ไหน?

 

“สำหรับการแบ่งงานนั้น ทางหัวหน้าพรรคจะดูแลบริหารจัดการทั้งพรรค ส่วนตนจะดูแลยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานของท่าน แต่เป็นทีมนำรับผิดชอบการเลือกตั้งอยู่ภายใต้การทำงานของหัวหน้าพรรค นอกจากนี้ จะมีนายชัชชาติ รวมถึงนายจาตุรนต์ และนายโภคินมาเป็นทีมช่วยกันทำงานด้วย” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

 

จะเห็นแล้วใช่หรือไม่ว่า คุณหญิงสุดรัตน์ ไม่ได้มีท่าทีคำพูดที่ปฏิเสธตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้แต่น้อย เพราะคนปกติหากไม่คิดอยากได้ อยากเป็น ย่อมต้องพูดออกไปชัดเจนแล้วว่าไม่เอา ไม่อยากเป็น กระนั้นการมีชื่อของนายชัชชาติ ลอยเข้ามาจึงคล้ายเป็นก้างขวางคอ โดยเฉพาะการพูดล่าสุดที่พร้อมจะเป็นนายกฯนั่นยิ่งตอกย้ำ ถึงอาการกลืนไม่คล่องคอของคุณหญิงได้เป็นอย่างดี ยิ่งยังมีข่าวว่านายชัชชาติ ได้รับแรงหนุนแรงเชียร์จากน้องสาวนายทักษิณด้วย โดยเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก กรุงเทพ กรุงเทพ ซึ่งรายงานความเคลื่อนในแง่บวกกับนายทักษิณ และครอบครัวชินวัตร มาโดยตลอด ได้โพสต์ข้อความระบุว่า

 

กระแส ในความต้องการของประชาชน

 

ชัชชาติ:"ก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี ท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ เป็นคนโทร มา ผมไม่รู้จักกับท่านโดยตรงหรอก แต่ก็คงมีคนบอกกับท่านว่า ผมเคยช่วยงานในกระทรวงนี้มาก่อน หากถามว่ามีใครไปเรียนท่านนายกฯ ก็คงมีหลายคนมั้ง เพราะท่าน สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รู้จักกับผม และท่าน พงษ์ศักดิ์ ก็รู้จักกัน คงมีหลายคนเหมือนกัน และพ่อผมก็เป็นตำรวจ คนในวงการก็คงรู้จักกัน ส่วนระยะเวลาในการตัดสินใจ ผมใช้ไม่นานเลย เพราะว่าอย่างน้อยในชีวิตหนึ่งสามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้

เราก็ควรที่จะต้องทำ"

 

ที่ผ่านมา นาย ชัชชาติ เหมาะที่สุดแล้วที่ได้ทำงานสายตรงกับนายกฯยิ่งลักษณ์ขยันทำงานทั้งคู่ ไม่ชอบต่อปากต่อคำกับใคร ลุยงานอย่างเดียวมีทัศนคติ วิสัยทัศน์ก้าวไกล ไม่ชอบเรื่องไร้สาระ นายกฯยิ่งลักษณ์ จึงไว้ใจ นาย ชัชชาติ อย่างมาก

 

 

 

นอกจากหากมานั่งดู รัฐธรรมนูญฉบับล่าสุด ปี 2560 มาตรา 88 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า…ในการเลือกตั้งทั่วไป ให้พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแจ้งรายชื่อบุคคล ซึ่งพรรคการเมืองนั้นมีมติว่าจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เกินสามรายชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง และให้คณะกรรมการ การเลือกตั้งประกาศรายชื่อบุคคลดังกล่าวให้ประชาชนทราบ และให้นําความในมาตรา ๘๗ วรรคสอง มาใช้บังคับโดยอนุโลม

 

ขณะที่ มาตรา 159 บัญญัติไว้ว่า…ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้ง เป็นนายกรัฐมนตรีจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๖๐ และเป็นผู้มีชื่ออยู่ ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา ๘๘ เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีสมาชิก ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร  การเสนอชื่อตามวรรคหนึ่งต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจํานวนสมาชิกทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

 

ทั้งหลายเหล่านี้พอจะทำให้มองเห็นเส้นทางการจะก้าวขึ้นเป็นนายกฯหญิงคนที่สองของประเทศ ของคุณหญิงสุดารัตน์จะริบหรี่ลงหรือไม่ ตอนนี้ยังพูดไม่ได้แบบร้อยเปอร์เซ็นนักหรอก แต่ต้องย้ำว่าการที่นายชัชชาติ กล้าออกมายืดอกหนาๆว่าพร้อมเป็นผู้นำนั้น ย่อมไม่ใช่การพูดที่เลื่อยลอยเป็นแน่ อย่างน้อยเป็นไปได้หรือไม่ว่า สัญญาณจากแดนไกล ได้ถูกส่งมาแล้ว ว่านี่คือการเปลี่ยนม้ากลางศึก โดยไม่แยแสคุณหญิงแม้แต่น้อย?!?

 

ชัชชาติ ยืดอกพูดเองพร้อมเป็นนายกฯ หรือไฟเขียวจากแดนไกลมาแล้ว แบบนี้เอาเจ๊ไปไว้ไหน?

 

 

 

ขอบคุณคลิปทวิตเตอร์ : คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan