ถลกหนัง จอร์จ โซรอส "พ่อมดการเงินโลก" นายทุนใหญ่หนุนหลังกลุ่มป่วนการเมืองไทย...ในคราบนักบุญ

นับว่าน่าสนใจยิ่งกับทุกความเคลื่อนไหวของสองยักษ์ใหญ่ทรงอิทธิพลที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมายาวนานระหว่าง จีน-สหรัฐฯ ล่าสุดกับวิวาทะของจอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีเจ้าของฉายา "พ่อมดการเงินโลก" ออกมาวิจารณ์ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนว่าเป็น "ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด"

ถลกหนัง จอร์จ โซรอส "พ่อมดการเงินโลก" นายทุนใหญ่หนุนหลังกลุ่มป่วนการเมืองไทย...ในคราบนักบุญ

 

นับว่าน่าสนใจยิ่งกับทุกความเคลื่อนไหวของสองยักษ์ใหญ่ทรงอิทธิพลที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมายาวนานระหว่าง จีน-สหรัฐฯ ล่าสุดกับวิวาทะของจอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีเจ้าของฉายา "พ่อมดการเงินโลก" ออกมาวิจารณ์ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนว่าเป็น "ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด" ต่อสังคมเสรี โดยมีการเปิดเผยว่าในงานเลี้ยงอาหารค่ำระหว่างการประชุม เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัมเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2562 ที่ผ่านมา โซรอส ได้วิพากษ์ประเทศจีนอย่างเผ็ดร้อนความว่า "จีนไม่ใช่รัฐเผด็จการแห่งเดียวในโลก แต่เป็นรัฐเผด็จการที่รวยที่สุด แข็งแกร่งที่สุด และมีเทคโนโลยีก้าวหน้าล้ำสมัยที่สุด นั่นทำให้ สี จิ้นผิง กลายเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดต่อ open society"

ทั้งนี้ยังมีการขยายความเพิ่มเติมถึงอันตรายที่สังคมเสรีกำลังเผชิญจากอุปกรณ์การเรียนรู้และปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ที่ตกเป็นเครื่องมือของระบอบเผด็จการกดขี่ และอ้างถึงความหวาดระแวงที่โลกตะวันตกมีต่อยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมจีนอย่าง ZTE และหัวเว่ย ในช่วงเวลาที่หลายประเทศกำลังมุ่งมั่นพัฒนาเครือข่ายไร้สายเพื่อก้าวสู่ยุค 5G 

ถลกหนัง จอร์จ โซรอส "พ่อมดการเงินโลก" นายทุนใหญ่หนุนหลังกลุ่มป่วนการเมืองไทย...ในคราบนักบุญ

พร้อมสนับสนุนให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ใช้บทลงโทษที่รุนแรงต่อบริษัทโทรคมนาคมเหล่านี้เพื่อเล่นงานจีนโดยตรง แทนที่จะหมกมุ่นอยู่กับสงครามการค้าซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทั่วโลก เพราะหากบริษัทเหล่านี้เข้าไปครอบงำตลาด 5G ในสหรัฐฯ ได้สำเร็จ ก็จะเป็นภัยความมั่นคงอย่างสูงต่อประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ชนิดที่ไม่อาจยอมรับได้

กลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันทีเพราะประชาคมโลกต่างตระหนักดีกว่า อาการไม่กินเส้นกันระหว่างสองประเทศหลังผ่านพ้นช่วงสงครามเย็นมีให้เห็นมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าในฉากหน้าจะคล้ายมีการหยิบยื่นสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันเป็นบางโอกาส แต่เบื้องลึกเบื้องหลังนั้นมีการแสดงออกแฝงนัยโดยตรงและโดยอ้อมเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม ผ่านสื่อและการใช้อำนาจรัฐอย่างไม่เปิดเผยหรือแทรกแซงไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเช่นว่าการใช้เทคโนโลยี มากกว่าจะเป็นสงครามการใช้กำลังทหารเต็มรูปแบบ แต่ในข้อนี้ในหลายประเทศก็เริ่มแสดงอาการวิตกด้วยเกรงว่าในอนาคตอาจเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงมิได้

ถลกหนัง จอร์จ โซรอส "พ่อมดการเงินโลก" นายทุนใหญ่หนุนหลังกลุ่มป่วนการเมืองไทย...ในคราบนักบุญ

 

ทั้งนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2561 เกิดเหตุการณ์ที่ทำเอาทั่วโลกต้องร้อนๆหนาวๆไปตามกันเมื่อ เมิ่ง เวินโจว (Meng Wanzhou) ผู้บริหาร ฝ่ายการเงิน บริษัทหัวเหว่ย เทคโนโลยีของจีน ถูกจับกุมตัวในกลุ่มประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ คือแคนนาดา ข้อหาการละเมิดการคว่ำบาตรอิหร่าน ฐานแอบทำธุรกิจค้าขายด้วย จนหลายคนถึงกับจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น ประจวบเหมาะเป็นวันเดียวกับการประชุมที่อาร์เจนติน่าของกลุ่ม จี-20 ที่ สี จิ้นผิง และ โดนัลด์ ทรัมป์ เจรจาสงบศึกสงครามการค้าชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน แน่นอนว่าเหตุการณ์การจับกุมที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลกระทบให้การเจรจาของสองประเทศอาจต้องมีสะดุด เพราะความขัดแย้งของทั้งสองประเทศ ไมได้มีประเด็นเพียงแค่ภาษีนำเข้าแต่เพียงอย่างเดียว หากรวมถึงการแข่งขันด้านเทคโนโลยีอีกด้วย

สอดคล้องกับความวิตกของโซรอสด้วยเพราะอิทธิพลด้านการตลาดของหัวเหว่ยนั้นสูงยิ่ง ทั้งยังเป็นบริษัทเอกชนรายใหญ่สุดของจีน ที่มีมูลค่าการส่งออกมากสุด เหนืออื่นใดเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับสองของโลก และยังเป็นหัวหอกในการพัฒนาเทคโนโลยีหลักของประเทศจีน ทั้งการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ จนถึงการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) และรถยนต์ไร้คนขับ จะเห็นได้ว่าขีดศักยภาพด้านเทคโนโลยีของจีนเมื่อผ่านมุมมองสหรัฐฯ ย่อมไม่ส่งผลดีต่อความมั่นคงเป็นแน่

ถลกหนัง จอร์จ โซรอส "พ่อมดการเงินโลก" นายทุนใหญ่หนุนหลังกลุ่มป่วนการเมืองไทย...ในคราบนักบุญ

 

ก่อเกิดเป็นคำถามที่ว่า ฝ่ายใดกันแน่ที่เป็นผู้จุดชนวนเหตุความขัดแย้งชวนให้บานปลายในครั้งนี้ แต่เมื่อวิเคราะห์เบื้องต้นจากข้อมูลอันเป็นที่เปิดเผยทำให้เข้าใจได้ว่า ต้นสายปลายเหตุอันนำมาซึ่งความวิตกในสหรัฐฯรวมถึงประเทศในกลุ่มพันธมิตรนั้นมีอยู่หลากหลายด้วยกันเป็นต้นว่า

1. หัวเหว่ยเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ด้านสถานีเครือข่ายการสื่อสารไร้สาย ส่งผลให้เครือข่ายมีข้อมูลสำคัญแทบจะทุกด้านที่ใช้ขับเคลื่อนประเทศ เช่น สาธารณูปโภค ตลาดหุ้น และระบบขนส่ง รวมถึงกองทัพ

2. หัวเหว่ยเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของโลก เป็นความวิตกที่ระบาดในกลุ่มประเทศขั้วตรงข้ามด้วยเกรงว่าจีนอาจอาศัยเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ด้านการจารกรรม ล้วงข้อมูลที่เกี่ยวกับความมั่นคง สอดรับกับข้อสันนิษฐานนี้กับกรณีเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ถึงขนาดห้ามไม่ให้ร้านค้าในฐานทัพสหรัฐฯ ขายโทรศัพท์ของหัวเหว่ย เพราะเกรงว่าจะถูกเจาะข้อมูลหรือติดตามทุกความเคลื่อนไหวของกิจการทหาร

3. บริษัทโทรคมนาคมทั่วโลก กำลังดำเนินการติดตั้งระบบสื่อสารไร้สายแบบ 5G ที่จะทำให้การถ่ายโอนข้อมูลเกิดขึ้นรวดเร็วมาก แต่ก็นำมาซึ่งความหวาดหวั่นเช่นกัน เพราะหากการสื่อสารไม่มีการปิดกั้นและเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้นนั้น หากระบบถูกเจาะก็จะเกิดความปั่นป่วนตกเป็นทอดๆ ลุกลามบานปลายเกินกว่าที่จะควบคุมได้ เมื่อไม่นานมานี้ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รวมทั้งอังกฤษ ได้สั่งห้ามการใช้อุปกรณ์ของหัวเหว่ย ในโครงสร้างพื้นฐานของ 5G     

ถลกหนัง จอร์จ โซรอส "พ่อมดการเงินโลก" นายทุนใหญ่หนุนหลังกลุ่มป่วนการเมืองไทย...ในคราบนักบุญ

 

หากทว่าจนถึงตอนนี้สถานการณ์ก็ดูจะยังไม่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ความร้าวฉานยังคงมีอยู่ จึงเป็นที่แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวของโซรอจในครั้งนี้จึงเป็นประหนึ่งการราดน้ำมันเข้ากองเพลิงให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ต่อคำกล่าวของโซรอส น่าสนใจว่า open society ที่ได้กล่าวมาในข้างต้นคืออันใด...แท้จริงแล้วเป็นชื่อของมูลนิธิที่โซรอสก่อตั้งขึ้นและกุมบังเหียนในตำแหน่งประธาน โดยอ้างวัตถุประสงค์ว่าเป็นองค์กรเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยในแต่ละประเทศ

แต่กลับเต็มไปด้วยคำครหาจากหลายฝ่ายเพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นองค์กรที่แสวงหาประโยชน์โดยการสร้างความขัดแย้งบั่นทอนเสถียรภาพของประเทศต่างๆ เพื่อให้กองทุนเก็งกำไรของตนเข้าไปหาประโยชน์ในตลาดเงินจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ เหนืออื่นใดพบว่าองค์กรของโซรอสภายใต้ผ้าคลุมที่เรียกว่า "มูลนิธิ" นั้นเคยถูกสงสัยว่ามีพฤติการณ์แทรกแซงประเทศไทยด้วยวิธีมอบเงินหนุนกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองและองค์กรสิทธิเพื่อสร้างความแตกแยก ยิ่งไปกว่านั้นยังคล้ายว่ามีการพัวพันกับเรื่องทางสังคมที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกฏหมายอันกระทบกับสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยอีกด้วย

ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์นั้น มาจากก่อนหน้านี้ ที่ทางเว็บไซต์  New Atlas ได้เปิดเผยรายชื่อองค์กรที่รับเงินจากมูลนิธิ จอร์จ โซรอส โดยระบุว่า ในประเทศไทย บรรดาเอ็นจีโอส่วนใหญ่ที่ต่อต้านกลุ่มผู้ปกครองปัจจุบัน หรือรัฐบาล คสช. อย่างแข็งขันล้วนได้รับการ สนับสนุนจากโอเพน โซไซตี้ที่มีนายโซรอสร่วมก่อตั้งและอีกองค์กรหนึ่งได้รับจากกองทุนเพื่อ ประชาธิปไตยแห่งชาติสหรัฐ ( US National Endowment for Democracy) ซึ่งจุดประสงค์ก็ไม่ใช่ใดอื่นหากแต่เป็นการพยายามเข้าแทรกแซง และเข้าควบคุมจัดการผลประโยชน์ต่าง ๆ ในประเทศ ด้วยการให้งบประมาณสนับสนุนนักการเมือง และกลุ่มมวลชน รวมถึงสื่อมวลชน นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย ให้ออกมาดำเนินการเคลื่อนไหวในเรื่องต่าง ๆ ทั้งทางการเมือง สังคม โดยใช้เรื่องประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชนเป็นธงนำในการเคลื่อนไหว

ใช่ว่าจะไม่มีชนักติดหลังไปเสียทีเดียวเพราะนายโซรอสผู้ก่อตั้งองค์กร open societyคยถูกศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (European Court of Human Rights) พิพากษาว่ามีความผิดในการล่วงรู้ข้อมูลก่อนลงทุนซื้อหุ้น ( insider trading) ในปี 2002  นอกจากนี้ยังพบว่าองค์กรส่งเสริมประชาธิปไตยแห่งชาติ "National Endowment for Democracy" (NED) ซึ่งเป็นของโซรอสเช่นกัน ได้มีการ สนับสนุน กลุ่มนักวิชาการที่รวมตัวอย่างชั่วคราว ในชื่อ"นิติราษฏร" – เว็บไซต์ ประชาไท และ นักกิจกรรมเยาวชนต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยใช้กลุ่มเงินทุน โดยกล่าวอ้างว่า สนับสนุนสิทธิมนุษยชน และ สนับสนุนประชาธิปไตย

ทั้งนี้ทาง NED เองก็เคยเปิดเผยถึงการสนับสนุนเงินทุนที่ได้รับการอนุมัติจาก "สภาคองเกรส" ให้กับองค์กรพัฒนาเอกชนไม่แสวงหาผลกำไร ที่ทำงานเพื่อสร้างเสริมประชาธิปไตย การป้องกันสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย กว่า 70 ล้านบาท ในปี 2560

เงินส่วนหนึ่งจากทุนมหาศาลได้ถูกนำมาใช้สนับสนุนขับเคลื่อนเวปไซต์ด้านกฏหมายชื่อดังที่นำเสนอการต่อต้านกฏหมาย ม.112 ที่มีไว้เพื่อรักษาพระเกียรติของสถาบัน แต่เวปไซต์ดังกล่าวมีพฤติการณ์ในลักษณะหมิ่นเหม่ยิ่ง รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับการดำรงอยู่ตลอดจนการปฏิบัติงานเชิงนโยบาย ของ คสช. โดยเงินที่ได้รับนั้นเริ่มตั้งแต่ปี  2552 จนถึง ปี 2557 จวบจนปัจจุบันก็ไม่มีทีท่าว่าเวปไซต์ดังกล่าวจะลดละความพยายามแม้แต่น้อย

ทั้งนี้หากย้อนกลับไปก่อนหน้าที่จะมี "พ.ร.ฎ. เลือกตั้ง" ประกาศลงมา ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่เขม็ลงเกลียวกลุ่มก้อนทางการเมืองแบ่งแยกเป็นฝักฝ่าย หนึ่งในนั้นคือกลุ่มคนอยากเลือกตั้งนำโดยแกนนำหน้าเก่าเช่น นายเนติวิทย์ ที่มีความเกี่ยวพันกับแอมนาสตี้เพราะเคยได้รับเลือกตั้ง จากสมาชิกในที่ประชุม​ใหญ่​ประจำปี ของ แอมเนสตี้ อินเตอร์​เนชั่น​แนล ประเทศไทย (Amnesty International Thailand)​ ให้เป็น กรรมการเยาวชน แต่เป็นอันรู้กันดีว่ามีรายงานจากสื่อต่างประเทศยืนยันอย่างแน่ชัดว่า Amnesty ในประเทศไทยนั้นได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก โซรอสเช่นกัน

ถลกหนัง จอร์จ โซรอส "พ่อมดการเงินโลก" นายทุนใหญ่หนุนหลังกลุ่มป่วนการเมืองไทย...ในคราบนักบุญ

สะท้อนอย่างชัดเจนว่า NGO อย่าง (Amnesty International Thailand)​ ที่มีพฤติการณ์ต่อต้านรัฐบาล คสช. นั้น ด้วยเพราะมีทุนสนับสนุนก้อนใหญ่หนุนหลัง จึงเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าพฤติกรรมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งโดยเฉพาะแกนนำเกิดจากการมีผลประโยชน์แอบแฝงหาได้เป็นอุดมการณ์แต่อย่างใดไม่

เพียงพอที่จะนำมาซึ่งคำถามว่ามหาเศรษฐีชาวฮังการีเชื้อสายยิวผู้นี้ ต่อต้านระบอบคอมมิวนิสต์และเผด็จการ ชูอุดมการณ์เสรีประชาธิปไตย จริงหรือไม่ เพราะการแทรกแซงทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม ก็ไม่ต่างอะไรกับการใช้อำนาจเงินตราแบบทุนนิยมสามานย์ ที่ผู้ฝักใฝ่เสรีประชาธิปไตยจงเกลียดจงชังนักหนา

ถลกหนัง จอร์จ โซรอส "พ่อมดการเงินโลก" นายทุนใหญ่หนุนหลังกลุ่มป่วนการเมืองไทย...ในคราบนักบุญ