ศึกในปชป.สงขลาเดือด!!  อภิสิทธิ์ “ล้างบาง”..สายหนุนหมอวรงค์?  หัก”วิรัตน์” ส่ง “ไพร” ชิงส.ส.แทน !!

จับตา พรคประชาธิปัตย์ หัก”วิรัตน์” ส่ง “ไพร” ชิงส.ส.สงขลา เขต3 แทน เรื่องนี้ จะหาจุดจบกันอย่างไร ยังเป็นการเมืองแบบปกติ หรือ เป็นการตาม “ล้างบาง” โดยเฉพาะอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยสนับสนุนนพ.วรงค์ในช่วงที่ผ่านมา

เกาะติดสถานารณ์สนามเลือกตั้งจ.สงขลา กับปัญหารอยร้าวในประชาธิปัตย์ ใน เขต 1 จ.สงขลา  ที่ได้เลือก “นายสรรเพชญ บุญญามณี”ลูกชายนายนิพนธ์ บุญญามณี นายกอบจ.สงขลา รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ลงสมัคร แทนนายเจือ ราชสีห์ ด้วยเหตุผลข้ออ้างเรื่องการไพรมารี่โหวต หรือ หยั่งเสียง...

 

ปรากฏว่า เรื่องยังไม่จบ มาเกิดขึ้นอีก ในเขต3  โดยมีเจ้าของพื้นที่เดิมคือ “นายวิรัตน์ กัลยาศิริ” โดยจะส่ง “นายไพร พัฒโน” ลงสนามเลือกตั้งแทน  แต่ที่น่าแปลกใจ มาตราฐานไม่เท่าเทียมกัน เพราะในครั้งนี้กลับไม่มีการทำไพรมารี่โหวตแต่อย่างใด  ซึ่งชัดเจนและเป็นที่ทราบกันดีว่า ทั้ง 2 คน นายเจือ-นายวิรัตน์ นั้น ถือว่าเป็นคนสนิท “นายถาวร เสนเนียม” อดีตรองหัวหน้าพรรค ในซีกของกลุ่มที่สนับสนุน “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” ครั้งลงชิงตำแหน่ง “หัวหน้าพรรค”

 

ศึกในปชป.สงขลาเดือด!!  อภิสิทธิ์ “ล้างบาง”..สายหนุนหมอวรงค์?  หัก”วิรัตน์” ส่ง “ไพร” ชิงส.ส.แทน !!

“นายวิรัตน์ กัลยาศิริ

รายงานข่าวสำหรับกรณีของนายวิรัตน์นั้น มีการหยิบยกข้ออ้างปัญหาด้านสุขภาพของนายวิรัตน์ โดยมีอาการปวดบริเวณหลัง ซึ่งขณะนี้กำลังนอนรักษาตัวอยู่ อาจจะไม่สามารถลงสมัครส.ส.ได้  จึงเป็นเหตุที่พรรคไม่ส่งนายวัรัตน์ ลงสมัครส.ส.  เขต3 แต่บอกว่าจะให้ นายเจือ ลงสมัครแทนในเตนี้  ซึ่งเมื่อนายวิรัตน์และทีมได้ปรึกษาหารือกันแล้ว มีความเห็นว่า “พอรับได้” แต่ปรากฏว่า ในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค  “นายไพร พัฒโน” นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ได้เสนอชื่อบุคคลอื่น เข้าแข่งขันในเขต 3 อีก  และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรค ตัดสินใจว่า “เป็นบุคคลอื่น คงไม่ได้ แต่ถ้าเป็นนายไพรเอง ก็จะรับพิจรณา” ปรากฏล่าสุด นายไพรได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง  นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ เพื่อมาลงสมัคร ส.ส.เขต 3สงขลา ในนามพรรค ปชป.โดยด่วน

 

รายงานข่าวระบุอีกด้วยว่า นายวิรัตน์ได้สอบถามไปยังนายอภิสิทธิ์   เพราะอะไรถึงทำแบบนี้ อีกทั้งสุขภาพของตนก็ยังแข็งแรงดีอยู่

 

ล่าสุด นายวิรัตน์  ก็ได้เคลื่อนไหวผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า.. ตามที่มีผู้ปล่อยข่าวลือในพื้นที่ว่าผมป่วยหนัก ไม่สามารถลงสมัคร ส.ส. ได้ทำให้พี่น้องโทรมาแสดงความห่วงใยจำนวนมาก ผมขอเรียนพี่น้องว่าผมสบายดีครับ และผมยืนยันกับพรรคแล้วว่าพร้อมที่จะทำงานรับใช้พี่น้องที่เดิมครับ ขอบพระคุณพี่น้องที่แสดงความห่วงใยมาครับ..วันนี้ได้ต้อนรับคณะท่านสมัย เจริญช่าง และกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร ณ สำนักกฎหมายประชาธรรม ปรึกษาหารือกันเรื่องคดีความครับ

 

ศึกในปชป.สงขลาเดือด!!  อภิสิทธิ์ “ล้างบาง”..สายหนุนหมอวรงค์?  หัก”วิรัตน์” ส่ง “ไพร” ชิงส.ส.แทน !!

 

ขณะเดียวกัน ในไลน์กลุ่มพนักงานเทศบาลนครหาดใหญ่ได้มีการแจ้งนัดพนักงานทุกคนให้ มาพร้อมกันที่ห้องประชุมเทศบาลฯ ในวันจันทร์ที่ 4 ก.พ เวลา 8.30น. เพื่อพบปะนายไพร พัฒโน พร้อมคณะผู้บริหารทน.หาดใหญ่ ซึ่งนายไพร จะแถลงการณ์ลาออกการตัดสินใจไปสมัครสส. พร้อมกล่าวอำลา พนักงาน

 

ศึกในปชป.สงขลาเดือด!!  อภิสิทธิ์ “ล้างบาง”..สายหนุนหมอวรงค์?  หัก”วิรัตน์” ส่ง “ไพร” ชิงส.ส.แทน !!

นายไพร พัฒโน

 

 

 

สำหรับนายไพร ได้ถูกป.ป.ช.  สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  ออกบันทึกแจ้ง นายไพรพร้อมพวก ให้เข้าชี้แจงข้อกล่าวหาคดีจัดหาทุนซื้อทองคำปิดองค์พระพุทธมงคลมหาราช พระประจำเมืองหาดใหญ่ เมื่อปี 2547 ในฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิด ต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ

 

ป.ป.ช.ระบุว่า ภายหลังจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหา นายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่กับพวก ว่ากระทำความผิด ฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิด ต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ในการดำเนินโครงการจัดหาทุนซื้อทองคำปิดองค์พระประจำเมืองหาดใหญ่ ‘พระพุทธมงคลมหาราช’ ของ เทศบาลนครหาดใหญ่ เมื่อปี 2547 และได้มีการแจ้งคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนให้รับทราบแล้วนั้น บัดนี้ คณะอนุกรรมการไต่สวน ได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาในกรณีดังกล่าว แล้วพบว่าคดีมีมูล จึงได้แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบ เพื่อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

 

สำหรับข้อกล่าวหาคดีนี้ ที่ป.ป.ช.ชี้ว่าคดีมีมูล มีสาระสำคัญ คือ นายไพรและพวก ได้จัดทำโครงการดังกล่าว โดยการสร้างวัตถุมงคลรุ่นมงคลมหาราช และขอจ่ายขาดเงินสะสมของเทศบาลนครหาดใหญ่จำนวน 20 ล้านบาท โดยทำหนังสือขออนุมัติเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2547 เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินโครงการนั้น กรณีนี้ไม่ใช่กิจการที่อยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของเทศบาลนครหาดใหญ่ นายไพรจึงไม่มีอำนาจที่จะเสนอโครงการดังกล่าวต่อสภาเทศบาลนครหาดใหญ่ และสภาเทศบาลนครหาดใหญ่ก็ไม่มีอำนาจที่จะอนุมัติเงินจำนวนนี้ได้ แต่ปรากฎว่าสภาเทศบาลนครหาดใหญ่กลับอนุมติให้จ่ายขาดเงินดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2547 ทั้งๆที่ไม่มีกฎหมาย หนังสือ ระเบียบ หรือข้อบังคับจากกระทรวงมหาดไทยรองรับมาก่อน

 

นอกจากนี้ทางอนุกรรมการสอบสวนยังสืบทราบมาว่ารายได้ที่ได้จากการเปิดให้เช่าวัตถุมงคลนั้นก็ไม่ได้ถูกนำไปให้บูรณะ ซ่อมแซม องค์พระประจำเมืองนครหาดใหญ่ตามที่วัตถุประสงค์ของโครงการที่ได้แจ้งไว้แต่อย่างใด ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นถือว่ามีมูลเป็นความผิดอาญา ทำให้เกิดความเสียหายต่อเทศบาล

 

อนึ่ง ในกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ของป.ป.ช. จะเริ่มต้นจากการแต่งตั้งคณะอนุฯไต่สวนข้อเท็จจริงขึ้นมา เพื่อสอบสวนรวบรวมพยานเอกสารหลักฐานต่างๆ ซึ่งภายหลังหากพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีมีมูล จะมีการแจ้งเรื่องให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ใช้สิทธิ์แก้ข้อกล่าวหาอีกครั้ง จากนั้นถึงจะมีการสรุปผลชี้มูลการไต่สวนคดีเป็นทางการ ปัจจุบันคดีนี้ อยู่ในขั้นตอนชี้ว่าคดีมีมูล ยังไม่ได้มีการสรุปผลการไต่สวนคดีเป็นทางการ นายไพรและพวก จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่

 

อย่างไรก็ตามสำหรับนายวิรัตน์ต้องถือว่า โดน2เด้ง นอกเหนือจากตัวเองแล้ว ก่อนหน้านี้ มีแผนส่ง นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ บุตรชายลงสมัครส.ส.เขตคลองสามวา กทม.ผ่านนายสมัย เจริญช่าง อดีตส.ส.กทม.แต่ไม่ได้รับการคัดเลือก และพรรคได้ส่ง อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราชอย่าง นางฮูวัยดีย๊ะ พิศสุวรรณ อุเซ็ง น้องสาวของนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ  ลงสมัครในเขตพื้นที่คลองสามวาแทน ทั้งๆที่นายณัฐนันท์เป็นผู้ทำงานในพื้นที่นี้มานาน..

 

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูว่า พรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะในเขตจ.สงขลานี้ จะหาจุดจบกันอย่างไร ยังเป็นการเมืองแบบปกติ หรือ เป็นการตาม “ล้างบาง” โดยเฉพาะอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยสนับสนุนนพ.วรงค์ในช่วงที่ผ่านมา