- 21 ก.พ. 2562
สืบเนื่องจากกรณี การปราศรัยของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โดยมีไฮไลท์ช่วงหนึ่ง คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า นโยบายพรรคมีแนวทางแก้ไขปัญหาคนตกงาน ด้วยการสนับสนุนคนรุ่นใหม่ในการเป็นเจ้าของธุรกิจเอง
สืบเนื่องจากกรณี การปราศรัยของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โดยมีไฮไลท์ช่วงหนึ่ง คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า นโยบายพรรคมีแนวทางแก้ไขปัญหาคนตกงาน ด้วยการสนับสนุนคนรุ่นใหม่ในการเป็นเจ้าของธุรกิจเอง ด้วยการตั้งกองทุนสร้างเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ หรือเถ้าแก่ใหม่ เพื่อสร้างให้คนรุ่นใหม่ได้เป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งอาจจะแบ่งเงินจากกระทรวงกลาโหม ประมาณปีละ 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะสร้างเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ได้ถึงปีละ 20,000-30,000 คน ทั้งนี้ การตัดงบประมาณจากกลาโหมจะไม่กระทบกองทัพ และขอให้ทหารมาช่วยกันสร้างชาติด้วยกัน เนื่องจากคนยุคใหม่ ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
ทำให้เกิดกระแสวิพาษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง กระทั่งวันที่ 18 ก.พ. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพลเอกอภิรักษ์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้เดินทางมาเป็นประธานวันสถาปนากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พร้อมทั้งได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวสั้นๆ เมื่อถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทยปราศรัยหาเสียงหากได้เป็นรัฐบาลก็เตรียมที่จะตัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม รวมทั่งการยกเลิกเกณฑ์ทหารด้วย ซึ่ง ผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวสั้นๆว่า ให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน ตอนนี้เพลงนี้กำลังฮิต
ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวทำให้มีบางกลุ่มแสดงความเห็นเชิงลบต่อกองทัพ และบานปลายถึงการสืบค้นข้อมูลด้านงบประมาณกลาโหมที่บิดเบือนจากความจริง ด้วยเพราะ ตามข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ จากตัวเลขปรากฏว่ากับรัฐบาล คสช. ที่ถูกโจมตีมาตลอดว่ามีการอัดฉีดงบฯ แต่กลับพบว่าคิดเป็น 7.6% ของงบประมาณรายจ่ายรวมทั้งหมดเท่านั้น ขณะที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีการเพิ่มงบฯขึ้นไปถึง 8-9% จากข้อมูลทั้งหมดทำให้สรุปในเบื้องต้นได้ว่า แม้กระทรวงกลาโหมได้รับงบประมาณสูงขึ้นทุกปี แต่งบประมาณรายจ่ายของทุกปีก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เช่นเดียวกับงบประมาณของกระทรวง กรม ต่างๆที่เพิ่มขึ้นไปตามสัดส่วนเดียวกันทั้งสิ้น
ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมก็มิได้นิ่งดูดายต่อกระแสดังกล่าว ด้วยเพราะล่าสุด วันที่ 21 ก.พ. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงชี้แจงงบประมาณกระทรวง และยืนยันว่า กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานความมั่นคงตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
โดยพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 กำหนดให้มีภารกิจป้องกันประเทศ รักษาความมั่นคงภายในประเทศ รักษาผลประโยชน์ของชาติ พัฒนาประเทศ และช่วยเหลือประชาชน อีกทั้งยังทำงานในบทบาทสนับสนุนรัฐบาลด้วย เช่นการแก้ไขปัญหายาเสพติด การตัดไม้ทำลายป่า และการลักลอบนำเข้าของผิดกฎหมายพืชผลการเกษตร
และกล่าวเพิ่มเติมว่าขนาดกองทัพเติบโตมาจากภัยคุกคามต่างๆ ซึ่งสมัยก่อนมีคอมมิวนิสต์ รัฐบาลในสมัยนั้นจึงกำหนดให้มีกำลังทหารมากขึ้นโดยเพิ่มอัตราการเกณฑ์ทหารมากขึ้น โดยที่สังคมจะเป็นตัวกำหนดขนาดของกองทัพเพื่อตอบสนองภัยคุกคามทำให้กองทัพมีขนาดใหญ่มากขึ้น จึงต้องมีการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งกองทัพไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากกระทรวงอื่น มีขั้นตอนดำเนินการตามกระบวนการวิธีพิจารณางบประมาณเช่นเดียวกับทุกกระทรวงที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐบาลและรัฐสภาที่มีคณะกรรมาธิการเป็นผู้กลั่นกรองเพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- บิ๊กแดงไล่เพื่อไทยฟังเพลงหนักแผ่นดิน หลังหาเสียงตัดงบกห.-เลิกเกณฑ์ทหาร
ท้ายสุดก็บรรจุอยู่ในพ.ร.บ.ว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามวิถีประชาธิปไตย ซึ่งไม่ได้มีอะไรที่ผิดเพี้ยน หรือซ่อนเร้นแต่อย่างใด ที่ผ่านมาทุกยุคทุกสมัยก็ทำเช่นนี้ และกองทัพก็เป็นของประชาชน เพราะคนที่มาเป็นทหารก็คือลูกหลานของประชาชน
และได้ให้ความกระจ่างต่อข้อสงสัยถึงอันดับของงบกลาโหมว่า ลำดับประมาณ 3-4 ตามความใหญ่เล็กและภารกิจของแต่ละกระทรวง ส่วนความเป็นไปได้ในการตัดงบ 10 เปอร์เซ็นต์ ว่าจะกระทบต่อกองทัพหรือไม่นั่น พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า มิติความมั่นคงไม่ใช่เรื่องการป้องกันประเทศเพียงอย่างเดียว เพราะส่งผลกระทบต่อประชาชนด้วย เนื่องจากกองทัพต้องมีงบประมาณในส่วนของช่วยเหลือบรรเทาภัยพิบัติ และทุกภัยที่ไม่ได้เกิดจากสงครามปัจจุบันก็มีมากมาย
แต่เราพร้อมรับฟังทุกข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นของประชาชนทุกคน หากข้อเสนอเป็นประโยชน์เราก็พร้อมรับฟัง และอยากพูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน ไม่อยากให้มีการพูดกับแบบลอยๆ ทั้งนี้หากนายจาตุรนต์ ฉายแสงประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ มีข้อมูลเสนอมาตนก็พร้อมรับฟัง
ส่วนกรณีมีขอเสนอให้ยกเลิกกองบัญชาการกองทัพไทยนั้น พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า ตนอยากให้ผู้ที่เสนอมานั่งคุยกับตนมากกว่า ไม่อยากให้พูดแบบลอยๆผ่านสื่อมวลชน เพราะจะกระทบกับโครงสร้างความมั่นคงทั้งระบบ เรื่องนี้ไม่สามารถได้ทำได้ง่ายๆเพียงวันเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ทุกอย่างเป็นไปได้ แต่ต้องศึกษาให้ดี
และปิดท้ายด้วยคำถามที่ว่าเหตุใดนักการเมืองพูดถึงแต่กระทรวงกลาโหม ว่าการที่ทหารเข้ามา เพราะประชาชนต้องการทุกอย่างมีที่มาที่ไป ตนอยากให้ไปถามเรื่องนี้กับนักการเมืองมากกว่า ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ปัญหาที่ผ่านมาของบ้านเราอยู่ที่คนมากกว่า ดังนั้นคนต้องเปลี่ยนแปลงปรับปรุงให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามยืนยันว่ารัฐบาลพิจารณาทุกงบประมาณอย่างโปร่งใส
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ฉันมาทำไรที่นี่..? "โอ๊ค" มึนหนัก โพสต์ภาพหาเสียงบน IG แต่ไม่รู้ว่าอยู่จังหวัดอะไร??