ทนายบุญถาวรกางข้อกฏหมายชัดๆ แถลงการณ์พรรคอนาคตใหม่ไม่ผิดแค่ละเมิดศาล แต่เจอหมิ่นผู้พิพากษาด้วย

จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญ โดยคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) จากกรณีเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเข้าข่ายการกระทำผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 กระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องไว้พิจารณาตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมาก่อนที่จะมาวินิจฉัยตัดสินในวันที่ 7 มีนาคม 2562 ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมเพิกถอนสิทธิ์การรับสมัครเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคคนละ10ปีนั้น

 

ต่อมาพรรคอนาคตใหม่ได้มีการออกแถลงการณ์ออกมาโดยระบุว่า  1.ในรัฐเสรีประชาธิปไตย บุคคลที่มีแนวคิดอุดมการณ์เดียวกันย่อมมีเสรีภาพในการรวมตัวกันจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อเข้าสู่อำนาจรัฐโดยผ่านการนำเสนอนโยบายเพื่อให้ประชาชนเลือกพรรคการเมืองจึงเป็นสถาบันการเมืองอันสำคัญยิ่งในระบอบประชาธิปไตย การยุบพรรคการเมืองจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อเหตุอันจำเป็นที่จะต้องรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น

 

 2. ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา มีกระบวนการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง มีการยุบพรรคการเมืองซึ่งครองเสียงข้างมากมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งไม่ได้ส่งผลดีต่อระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ตรงกันข้าม การยุบพรรคการเมืองกลับทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยต่อการใช้อำนาจขององค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ จนทำให้ประเทศไทยเดินทางมาถึงจุดที่ไม่อาจหา “ข้อยุติ” ที่ทุกฝ่ายยอมรับกันได้

 

 

 

ยุบพรรคการเมือง

 

3. การยุบพรรคการเมืองในช่วงเวลาก่อนถึงวันเลือกตั้งเพียง 17 วัน ย่อมส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ด้วย ในประการแรก การยุบพรรคการเมืองเป็นการตัดโอกาสมิให้พรรคการเมืองที่ถูกยุบได้เข้าแข่งขันในการเลือกตั้ง และทำลายเจตจำนงของประชาชนที่ต้องการเลือกพรรคการเมืองที่ถูกยุบ ประการที่สองการยุบพรรคการเมืองในช่วงเวลานี้อาจทำให้ประชาชนเสียความเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะดำเนินไปอย่างเสรีและเป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากพรรคที่ถูกยุบเป็นพรรคที่มีจุดยืนต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.

 

 4. ในรัฐเสรีประชาธิปไตยประกอบไปด้วยความชอบธรรมสองประการ ประการแรก ความชอบธรรมจากฐานที่มาของอำนาจรัฐ ได้แก่ อำนาจของประชาชนในการตัดสินใจทางการเมือง การเลือกผู้แทนราษฎรและรัฐบาล ประการที่สอง ความชอบธรรมจากการจำกัดการใช้อำนาจ ได้แก่ การประกันเสรีภาพของประชาชนมิให้ถูกอำนาจรัฐล่วงละเมิด และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่า ในรัฐเสรีประชาธิปไตยสถาบันทางการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องถูกตรวจสอบ เช่นเดียวกัน รัฐเสรีประชาธิปไตยก็ไม่อาจยอมรับให้องค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบสามารถใช้อำนาจในนามของการตรวจสอบตามอำเภอใจ

 

ยุบพรรคการเมือง1

 

ขบวนการ “ตุลาการภิวัตน์” หรือการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมืองตลอดกว่าทศวรรษ ไม่ได้ช่วยให้ความขัดแย้งทางการเมืองลดลง แต่กลับทำให้ระบบการตรวจสอบการใช้อำนาจถูกตั้งคำถาม จนกลายเป็นว่า ฝ่ายหนึ่ง ก็มองว่ารัฐบาลเสียงข้างมากใช้อำนาจโดยมิชอบ อีกฝ่ายหนึ่ง ก็มองว่าองค์กรตุลาการและองค์กรอิสระต้องการทำลายฝ่ายเสียงข้างมาก สภาพการณ์เช่นนี้ นำมาซึ่งการแตกขั้วทางการเมืองจนถึงที่สุด จนสังคมไทยไม่อาจหาฉันทามติได้

 

 พรรคอนาคตใหม่เห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อออกแบบความสัมพันธ์ ระหว่างสถาบันการเมืองต่าง ๆให้ได้ดุลยภาพ เคารพเสียงข้างมากพร้อมกับคุ้มครองเสียงข้างน้อย สร้างระบบการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ องค์กรตุลาการ และองค์กรอิสระที่ได้มาตรฐานตามแบบประชาธิปไตยสากล และสามารถควบคุมมิให้เสียงข้างมากใช้อำนาจโดยมิชอบได้ โดยต้องไม่ตกเป็น “เครื่องมือ” ในการกวาดล้างทางการเมือง และพรรคอนาคตใหม่ขอเรียกร้องให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิออกเสียงในการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 เพื่อต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.

 

ยุบพรรคการเมือง3

 

ขณะที่เมื่อวานนี้ 8 มีนาคม 2562 เฟซบุ๊กซึ่งใช้ชื่อว่า ไพบูลย์ ดวงปทุม โดยมีการระบุแนะนำตัวไว้ว่า คือนายไพบูลย์ ดวงประทุม หัวหน้าสำนักงานทนายความไพบูลย์ ดวงประทุม  ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยกล่าวถึงแถลงการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมีแสดงความเห็นดังนี้

 

ส่วนตัวในฐานะนักกฎหมายเห็นว่าแถลงการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ละเมิดอำนาจศาลชัดเจน..จึงขอให้ศาลโปรดทำการตามบรรทัดฐานต่อไปด้วยครับ

 

เฟซบุ๊ก ไพบูลย์ ดวงประทุม

 

ล่าสุดวันนี้นายบุญถาวร ปัญญามณีโชติ หรือ ทนายบุญถาวร ได้โพสต์ข้อความพร้อมการพูดสดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ทนายบุญถาวร ปัญญามณีโชติ  โดยได้กล่าวถึงกรณีการออกแถลงการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ด้วย โดยเนื้อหาทั้งหมดระบุว่า

 

แถลงการณ์พรรค”..อนาคตใหม่..”กล่าวหาว่าคำพิพากษามาจาก”..ตุลาการภิวัตน์....”เป็นการดูหมิ่นผู้พิพากษาคดีตามปอ.มาตรา198 และละเมิดอำนาจศาลชัดตามมาตรา38 , 39 พรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561

 

 

อย่างไรก็ตามทีมข่าวการเมือง สำนักข่าวทีนิวส์ ได้ตรวจสอบ ข้อกฎหมายที่ทนายบุญถาวรอ้างมาถึงข้อกฏหมาย ปอ.มาตรา198 ก็พบว่ามีคำอธิบายไว้ดังนี้

 

ประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 198

 

มาตรา 198  ผู้ใดดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

เฟซบุ๊กของทนายบุญถาวร

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ธนาธรหาเสียง ฟุ้งไปทั่วชายแดนใต้ ใช้ทหารแก้ปัญหาไม่ได้ ต้องใช้ประชาธิปไตย   
อนาคต...สุดซอย? ก้าวต่อก้าว "ธนาธร" ตามรอย "ทักษิณ" สุดท้ายจะพาแม้วกลับบ้าน​ ชนวนแตกหักรอบใหม่    
"ธนาธร" โต้กระแสหึ่ง พาทักษิณกลับบ้าน ปัด "ผมไม่ได้เสนอ" ลั่น กระบวนการยุติธรรมที่ไม่บิดเบี้ยว จะนำพาสังคมพ้นความขัดแย้ง?

ขอบคุณเฟซบุ๊ก : ทนายบุญถาวร ปัญญามณีโชติ