ประชาธิปัตย์ เลือกตั้งแล้วยังไม่จบ จะเลือกชาติบ้านเมืองหรืออุดมการณ์ประชาธิปไตยที่กล่าวอ้าง ????

ในรายการ เที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน ประชาธิปัตย์ เลือกตั้งแล้วยังไม่จบ จะเลือกชาติบ้านเมืองหรืออุดมการณ์ประชาธิปไตยที่กล่าวอ้าง???? ซึ่งมีเนื้อหาดังต่อไปนี้ แม้จะจบการเลือกตั้งมาแล้วแต่ดูเหมือนว่าบรรยากาศในพรรคประชาธิปัตย์ยังจะไม่จบไปตามการเลือกตั้ง

ในรายการ เที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน ประชาธิปัตย์ เลือกตั้งแล้วยังไม่จบ จะเลือกชาติบ้านเมืองหรืออุดมการณ์ประชาธิปไตยที่กล่าวอ้าง???? ซึ่งมีเนื้อหาดังต่อไปนี้ แม้จะจบการเลือกตั้งมาแล้วแต่ดูเหมือนว่าบรรยากาศในพรรคประชาธิปัตย์ยังจะไม่จบไปตามการเลือกตั้ง

ก่อนการเลือกตั้งนะครับหลังจากการช่วงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระหว่างคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม  ก็เกิดปัญหากับทีมผู้พ่ายแพ้มากมายหลายประการ หลายคน มติพรรคไม่ส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง แล้วก็แก้เกี้ยวด้วยการให้ไปลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ที่อยู่ลำดับห่างๆออกไป

ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งนำโดยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะก็เลือกที่จะเอาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและกองทัพเป็นคู่ความขัดแย้งหลักในข้อหาสืบทอดอำนาจเผด็จการนะครับ ในขณะที่พรรคเพื่อไทยที่เป็นคู่ปรับกันมาตั้งแต่เก่าก่อนกลับละวางเฉยเสีย ทำให้ลูกพรรคหลายส่วนกังขาว่าทำไมถึงไปกำหนดยุทธศาสตร์เลือกตั้งอย่างนั้น

ผลการเลือกตั้งที่ออกมานะครับก็แทบไม่ต้องตอกย้ำล่ะครับว่าอัปยศขนาดไหน กรุงเทพนะครับ พื้นที่หลักของประชาธิปัตย์ที่ยึดครองมาตลอดได้เป็นศูนย์ครับ ไม่ได้ผู้แทนเลยสักคนเดียว ภาคใต้ที่เคยยิ่งใหญ่ขนาดว่าส่งเสาไฟฟ้าลงยังได้ ส.ส. ก็ได้มาเพียง 22 คน จาก 50 คน ภาคเหนือเหลือ 1 จาก 13 ที่นั่ง ภาคกลางจาก 25 เหลือเพียง 8 ครับ ไม่ต้องพูดละครับว่าภาคอีสานจาก 4 เหลือเพียง 2 จาก ส.ส.เขตทั้งสิ้นนะครับ 115 คน เที่ยวนี้ได้มาเพียง 33 คนเท่านั้น ไม่ต้องนับคะแนนรวมนะครับ จากที่พรรคประชาธิปัตย์เคยได้ 11 ล้าน 5 แสน เหลือเพียง 3 ล้าน 9 แสน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :"อภิสิทธิ์" โพสต์อีกคลิป!! หมดเวลาของเผด็จการและคนโกง-ตัดวงจรอุบาทว์

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากหัวหน้าพรรคทันทีตามสัจจะวาจาที่ให้ไว้ เหลือคณะกรรมการบริหารที่รักษาการดูแลพรรคต่อไป ทิศทางพรรคของอภิสิทธิ์และนายหัวชวน หลีกภัย พร้อมด้วยผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งนะครับ แม้อภิสิทธิ์จะลาออกไปแล้ว แต่ก็ต้องการที่จะสร้างกระแสว่าพรรคประชาธิปัตย์จะต้องยืนหยัดตามอุดมการณ์ คัดค้านทหารและการสืบทอดอำนาจของเผด็จการจะต้องยืนอยู่กับหลักการประชาธิปไตย ไม่ควรที่จะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ควรที่จะเป็นฝ่ายค้าน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : "อภิสิทธิ์" โพสต์เฟสบุ๊ก ขออภัยทำปชป.พ่ายแพ้การเมือง

เพราะไม่อย่างนั้นเท่ากับเป็นการทรยศต่ออุดมการณ์ มีข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นครับว่าหลังการเลือกตั้งนะครับ บรรดา ส.ส.เขต ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเนี่ยได้มีการจัดประชุมขึ้นนะครับโดยถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส. สองครั้งด้วยกันนะครับ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 มีนาคม

ครั้งต่อมาก็วันที่ 5 เมษายน ซึ่งประชุมกันที่พรรคด้วย และก็มีนายชวน หลีกภัย เข้าร่วมประชุมด้วย แน่นอนล่ะครับ ส.ส.เขตแต่ละคนกว่าจะผ่านการเลือกตั้งมา เหนื่อยยากแสนเข็ญครับ เที่ยวนี้เลือดตาแทบกระเด็นล่ะครับ ต่างไม่อยากให้ยุบสภา ไม่อยากใส่พานตำแหน่งนายกให้กับระบอบทักษิณ เพราะพวกเขาต่อสู้กับระบอบทักษิณมาต้องเรียกว่าอย่างถึงเลือดถึงเนื้อ เหตุผลที่บรรดา ส.ส.เหล่านี้ซึ่งนำโดยถาวร เสนเนียมเนี่ยนะครับ ยืนหยัดในการที่จะสนับสนุนพลเอกประยุทธต่อไม่ต้องการใส่พานตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ฝากฝั่งทักษิณ ก็พบผลการเลือกตั้งครับท่านผู้ชมครับ ที่ต้องเรียกว่าเป็นภาคบังคับนะครับ

 

ซึ่งคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหรือนายหัวชวน หลีกภัย อาจจะไม่ได้มองเห็นหรือว่ามองเห็นแล้วแต่ด้วยความยึดมั่นต่อความเป็นพรรคประชาธิปัตย์มากกว่าปัญหาของประเทศชาติก็สุดที่จะคาดเดา ผลการเลือกตั้งเนี่ยออกมาแบบนี้ ผมจะสรุปภาพตัวเลขรวมๆเนี่ยให้เห็นกันให้ชัดๆว่าฝ่ายทักษิณเนี่ยนะครับ เพื่อไทยได้ 137 ที่นั่ง อนาคตใหม่ได้ 80 ที่นั่ง เสรีรวมไทย 10 ที่นั่ง ประชาชาติ 7 ที่นั่ง เพื่อชาติ 5 ที่นั่ง รวมกันเบื้องต้นแล้วนะครับ สำหรับพรรคในเครือข่ายทักษิณ 100 เปอร์เซ็นต์รวมแล้ว 239 ที่นั่ง ถ้าบวกด้วยพรรคเล็กอย่างพรรคพลังปวงชนไทยที่วิ่งเข้ามาร่วมด้วยอีก 1 เสียง ก็เท่ากับ 240 ที่นั่ง

 

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากหัวหน้าพรรคทันทีตามสัจจะวาจาที่ให้ไว้ เหลือคณะกรรมการบริหารที่รักษาการดูแลพรรคต่อไป ทิศทางพรรคของอภิสิทธิ์และนายหัวชวน หลีกภัย พร้อมด้วยผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งนะครับ แม้อภิสิทธิ์จะลาออกไปแล้ว แต่ก็ต้องการที่จะสร้างกระแสว่าพรรคประชาธิปัตย์จะต้องยืนหยัดตามอุดมการณ์ คัดค้านทหารและการสืบทอดอำนาจของเผด็จการจะต้องยืนอยู่กับหลักการประชาธิปไตย ไม่ควรที่จะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ควรที่จะเป็นฝ่ายค้าน

 

เพราะไม่อย่างนั้นเท่ากับเป็นการทรยศต่ออุดมการณ์ มีข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นครับว่าหลังการเลือกตั้งนะครับ บรรดา ส.ส.เขต ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเนี่ยได้มีการจัดประชุมขึ้นนะครับโดยถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส. สองครั้งด้วยกันนะครับ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 มีนาคม

ครั้งต่อมาก็วันที่ 5 เมษายน ซึ่งประชุมกันที่พรรคด้วย และก็มีนายชวน หลีกภัย เข้าร่วมประชุมด้วย แน่นอนล่ะครับ ส.ส.เขตแต่ละคนกว่าจะผ่านการเลือกตั้งมา เหนื่อยยากแสนเข็ญครับ เที่ยวนี้เลือดตาแทบกระเด็นล่ะครับ ต่างไม่อยากให้ยุบสภา ไม่อยากใส่พานตำแหน่งนายกให้กับระบอบทักษิณ เพราะพวกเขาต่อสู้กับระบอบทักษิณมาต้องเรียกว่าอย่างถึงเลือดถึงเนื้อ เหตุผลที่บรรดา ส.ส.เหล่านี้ซึ่งนำโดยถาวร เสนเนียมเนี่ยนะครับ ยืนหยัดในการที่จะสนับสนุนพลเอกประยุทธต่อไม่ต้องการใส่พานตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ฝากฝั่งทักษิณ ก็พบผลการเลือกตั้งครับท่านผู้ชมครับ ที่ต้องเรียกว่าเป็นภาคบังคับนะครับ

 

ซึ่งคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหรือนายหัวชวน หลีกภัย อาจจะไม่ได้มองเห็นหรือว่ามองเห็นแล้วแต่ด้วยความยึดมั่นต่อความเป็นพรรคประชาธิปัตย์มากกว่าปัญหาของประเทศชาติก็สุดที่จะคาดเดา ผลการเลือกตั้งเนี่ยออกมาแบบนี้ ผมจะสรุปภาพตัวเลขรวมๆเนี่ยให้เห็นกันให้ชัดๆว่าฝ่ายทักษิณเนี่ยนะครับ เพื่อไทยได้ 137 ที่นั่ง อนาคตใหม่ได้ 80 ที่นั่ง เสรีรวมไทย 10 ที่นั่ง ประชาชาติ 7 ที่นั่ง เพื่อชาติ 5 ที่นั่ง รวมกันเบื้องต้นแล้วนะครับ สำหรับพรรคในเครือข่ายทักษิณ 100 เปอร์เซ็นต์รวมแล้ว 239 ที่นั่ง ถ้าบวกด้วยพรรคเล็กอย่างพรรคพลังปวงชนไทยที่วิ่งเข้ามาร่วมด้วยอีก 1 เสียง ก็เท่ากับ 240 ที่นั่ง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : "มาร์ค" หลบไป! ปชป. ตั้ง "จุรินทร์" รักษาการหัวหน้าพรรคแทน "อภิสิทธิ์" เผย ไม่ขอยุ่งจัดตั้งรัฐบาล!

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากหัวหน้าพรรคทันทีตามสัจจะวาจาที่ให้ไว้ เหลือคณะกรรมการบริหารที่รักษาการดูแลพรรคต่อไป ทิศทางพรรคของอภิสิทธิ์และนายหัวชวน หลีกภัย พร้อมด้วยผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งนะครับ แม้อภิสิทธิ์จะลาออกไปแล้ว แต่ก็ต้องการที่จะสร้างกระแสว่าพรรคประชาธิปัตย์จะต้องยืนหยัดตามอุดมการณ์ คัดค้านทหารและการสืบทอดอำนาจของเผด็จการจะต้องยืนอยู่กับหลักการประชาธิปไตย ไม่ควรที่จะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ควรที่จะเป็นฝ่ายค้าน

 

เพราะไม่อย่างนั้นเท่ากับเป็นการทรยศต่ออุดมการณ์ มีข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นครับว่าหลังการเลือกตั้งนะครับ บรรดา ส.ส.เขต ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเนี่ยได้มีการจัดประชุมขึ้นนะครับโดยถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส. สองครั้งด้วยกันนะครับ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 มีนาคม

ครั้งต่อมาก็วันที่ 5 เมษายน ซึ่งประชุมกันที่พรรคด้วย และก็มีนายชวน หลีกภัย เข้าร่วมประชุมด้วย แน่นอนล่ะครับ ส.ส.เขตแต่ละคนกว่าจะผ่านการเลือกตั้งมา เหนื่อยยากแสนเข็ญครับ เที่ยวนี้เลือดตาแทบกระเด็นล่ะครับ ต่างไม่อยากให้ยุบสภา ไม่อยากใส่พานตำแหน่งนายกให้กับระบอบทักษิณ เพราะพวกเขาต่อสู้กับระบอบทักษิณมาต้องเรียกว่าอย่างถึงเลือดถึงเนื้อ เหตุผลที่บรรดา ส.ส.เหล่านี้ซึ่งนำโดยถาวร เสนเนียมเนี่ยนะครับ ยืนหยัดในการที่จะสนับสนุนพลเอกประยุทธต่อไม่ต้องการใส่พานตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ฝากฝั่งทักษิณ ก็พบผลการเลือกตั้งครับท่านผู้ชมครับ ที่ต้องเรียกว่าเป็นภาคบังคับนะครับ

 

ซึ่งคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหรือนายหัวชวน หลีกภัย อาจจะไม่ได้มองเห็นหรือว่ามองเห็นแล้วแต่ด้วยความยึดมั่นต่อความเป็นพรรคประชาธิปัตย์มากกว่าปัญหาของประเทศชาติก็สุดที่จะคาดเดา ผลการเลือกตั้งเนี่ยออกมาแบบนี้ ผมจะสรุปภาพตัวเลขรวมๆเนี่ยให้เห็นกันให้ชัดๆว่าฝ่ายทักษิณเนี่ยนะครับ เพื่อไทยได้ 137 ที่นั่ง อนาคตใหม่ได้ 80 ที่นั่ง เสรีรวมไทย 10 ที่นั่ง ประชาชาติ 7 ที่นั่ง เพื่อชาติ 5 ที่นั่ง รวมกันเบื้องต้นแล้วนะครับ สำหรับพรรคในเครือข่ายทักษิณ 100 เปอร์เซ็นต์รวมแล้ว 239 ที่นั่ง ถ้าบวกด้วยพรรคเล็กอย่างพรรคพลังปวงชนไทยที่วิ่งเข้ามาร่วมด้วยอีก 1 เสียง ก็เท่ากับ 240 ที่นั่ง