ทีมกม.พูดเองไม่ใช่ธนาธรคนเดียวปมถือหุ้นสื่อ มีลูกพรรคด้วย ศาลถอนชื่อไปแล้ว

ทีมกฏหมายพรรคอนาคตใหม่พูดเองไม่ใช่ธนาธรคนเดียวปมถือหุ้นสื่อ เผยมีลูกพรรคคนอื่นๆด้วย ศาลตัดสินถอนชื่อไปแล้ว

จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีการตรวจสอบ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่  ที่ถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องการโอนหุ้น บริษัท  “บริษัท วี-ลัค มีเดีย” เพราะเจ้าตัวอ้างว่ามีการขาย-โอนหุ้นให้ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาไปตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 ก่อนจะสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ส.ส.) แต่ขณะนี้ได้มีเอกสารหลักฐานที่ปรากฏออกมา โดยการตีแผ่ของสื่อมวลชน ทั้งในส่วนของวันที่ 19 มีนาคม ที่มีรายงานข่าวเพิ่มเติมเข้ามา ว่าแท้ที่จริงแล้วมีการโอนหุ้นกันวันไหนซึ่งเรื่องนี้ยังต้องมีการติดตามข้อเท็จจริงกันต่อไป โดยต้องรอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือกกต.ได้ตรวจสอบเรื่องราวพยานหลักฐานสรุปว่าจะเป็นอย่างไร  

 

ล่าสุดวันนี้ (11 เม.ย.) นายคารม พลพรกลาง ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ในฐานะทีมงานฝ่ายกฎหมายของพรรค  ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส. ตามมาตรา 98 (3) ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า ผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ถือเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.

 

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่  ที่ถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องการโอนหุ้น

 

 

 

ทั้งนี้หลังจากก่อนหน้านี้ ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ได้มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 19 มี.ค. โดยให้มีการถอนชื่อ นายภูเบศวร์ เห็นหลอด ผู้สมัคร ส.ส. สกลนคร เขต 2 พรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท โดยระบุกิจการสื่อเอาไว้ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ยังมีผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคที่มีปัญหาเรื่องนี้ประมาณ 2 คน ซึ่งเรื่องก็จบไปแล้ว ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง และจากการตรวจสอบในขณะนี้ ยังไม่พบว่า มีผู้สมัคร ส.ส.หรือว่าที่ ส.ส. คนใดจะเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามดังกล่าว เพราะหากมีก็คงมีการร้องเรียนมาก่อนแล้ว ทั้งนี้ตนคิดว่า ผู้สมัครของพรรคน่าจะมีปัญหาเรื่องนี้น้อย เพราะส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา ไม่ได้เป็นนักธุรกิจ

 

ทีมกม.พูดเองไม่ใช่ธนาธรคนเดียวปมถือหุ้นสื่อ มีลูกพรรคด้วย ศาลถอนชื่อไปแล้ว

 

นอกจากนี้นายคารม ยังกล่าวอีกว่า การที่มีข้อกังวลว่า อาจมีผู้สมัคร ส.ส. หลายคน เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามในกรณีเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นสื่อนั้น เกิดจากแบบฟอร์มสำเร็จรูปของกรมพัฒนาธุรกิจ ที่ระบุวัตถุประสงค์ทั่วไป 43 ข้อ ครอบคลุมกิจการเกือบทุกประเภท และในข้อ 43 ระบุว่า ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง และโทรทัศน์ รับจัดทำสื่อโฆษณา สปอตโฆษณา เผยแพร่ข้อมูล ซึ่งเท่ากับ แม้ในความเป็นจริง ผู้สมัคร ส.ส. คนนั้นไม่ได้ดำเนินกิจการหรือถือหุ้นสื่อ แต่เอกสารระบุวัตถุประสงค์เปิดช่องให้ทำสื่อได้ ศาลก็จะตัดสิน โดยตีความตามเอกสาร ดังนั้นหากมีใครผิดพลาด ตนคิดว่า คงเป็นความผิดพลาดในลักษณะนี้ และมีความเป็นไปได้ว่า ผู้สมัครของพรรคอื่นก็อาจจะผิดพลาด จนอาจทำให้เกิดการเลือกตั้งซ่อมหรือเลื่อนลำดับปาร์ตี้ลิสต์เป็นจำนวนมาก

 

หุ้นเป็นสังหาริมทรัพย์ สามารถโอนออกไปได้เลย ส่วนการจดแจ้งกับนายทะเบียนนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หลายคนยังไม่รู้หรือไม่เข้าใจรายละเอียดส่วนนี้ เรื่องกังวลหรือไม่ว่า อาจกระทบถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค กำลังถูกตรวจสอบเรื่องการถือหุ้นบริษัทสื่อหลังลงสมัคร ส.ส.  ตนในฐานะสมาชิกพรรค ค่อนข้างมั่นใจว่า นายธนาธร ตอบได้ทุกเรื่อง และได้ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองมาเป็นอย่างดี อีกทั้งเชื่อใจทีมกฎหมายของพรรคว่า จะสามารถแก้ข้อกล่าวหาได้ ส่วนรายละเอียด ต้องให้หัวหน้าพรรคและทีมงานฝ่ายกฎหมายเป็นผู้ชี้แจง” นายคารม กล่าว

 

ทีมกม.พูดเองไม่ใช่ธนาธรคนเดียวปมถือหุ้นสื่อ มีลูกพรรคด้วย ศาลถอนชื่อไปแล้ว

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

กต. แจงชัด "ธนาธร" ไม่พ้นศาลทหาร ยัน ดำเนินการเป็นธรรมทุกขั้นตอน!!

"ครูหยุย" สอน "ธนาธร" พี่น้องลุงป้าคือการนับญาติในสังคมไทย-คิดกันเองอะไรควร ไม่ควร โตโตกันแล้ว

เพจ "พี่คนดี" ซัดหมัดตรง "ธนาธร" ย้อนแย้ง ไม่อยากเกี่ยวดองเป็นน้องนุ่ง แต่จ้อ "พ่อก็รักฟ้า" ??