กางสูตร แม่ยกปชป. หนุนตั้งรบ.ร่วมเพื่อไทย ..ไม่พอ!! ต้องจับมือ "อนาคตใหม่"

 ล่าสุดนางกาญจนี วัลยะเสวี หรือ ติ๊งต่าง เจ้าของฉายาไฮโซสปอร์ตคลับและแกนนำกลุ่มชายไทยหัวใจรักสงบ ซึ่งมีจุดยืนทางการเมืองสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์  ได้เสนอแนวคิด สูตรการเมือง ปชป. จับมือ เพื่อไทย ตั้งรัฐบาล ระบุว่า มีแนวคิดหยุด “การสืบทอดอำนาจ” (เพื่อไทย+ปชป.+ภูมิใจไทย = 348 และพรรคเล็กทั้งหมดจะได้ 376 เสียง) ลอยแพพรรคพลังดูด

ประเด็นร้อนทางการเมืองคงหนีไม่พ้น สูตรการจัดตั้งรัฐบาล นอกเหนือจากการชิงกันระหว่าง 2 ขั้วใหญ่  ระหว่าง ขั้วพรรคเพื่อไทยกับแนวร่วม ฝ่ายอ้างประชาธิปไตย กับ ขั้วของพรรคพลังประชารัฐ และล่าสุดได้เกิดกระแสข่าวเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาลขั้วที่ 3 โดยพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่เปลี่ยนทิศทางมาผลักดันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์และนายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรี

 ล่าสุดนางกาญจนี วัลยะเสวี หรือ ติ๊งต่าง เจ้าของฉายาไฮโซสปอร์ตคลับและแกนนำกลุ่มชายไทยหัวใจรักสงบ ซึ่งมีจุดยืนทางการเมืองสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์  ได้เสนอแนวคิด สูตรการเมือง ปชป. จับมือ เพื่อไทย ตั้งรัฐบาล ระบุว่า มีแนวคิดหยุด “การสืบทอดอำนาจ” (เพื่อไทย+ปชป.+ภูมิใจไทย = 348 และพรรคเล็กทั้งหมดจะได้ 376 เสียง) ลอยแพพรรคพลังดูด

 

กางสูตร แม่ยกปชป. หนุนตั้งรบ.ร่วมเพื่อไทย ..ไม่พอ!! ต้องจับมือ "อนาคตใหม่"

 

ทั้งนี้หากพิจารณาจาก จำนวนส.ส. ตามที่กกต.ได้ประกาศรับรอง ณ เวลานี้ ทั้งแบบปาร์ตี้ลิสต์ และแบบแบ่งเขต จำนวน 498 คน  โดยพรรคเพื่อไทย ได้ 136 คน พรรคประชาธิปัตย์ได้ 52คน และพรรคภูมิใจไทยได้ 51 คน เมื่อนำมาร่วมกันจะได้ เพียง 239 คน  แต่หากจะได้ 348 ตามที่ นางกาญจนีระบุนั้น ต้องร่วมกับส.ส ของ พรรคเสรีรวมไทย 10 คน พรรคประชาชาติ 7 คน พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 คน พรรคเพื่อชาติ 5 คน พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน  และที่สำคัญ พรรคอนาคตใหม่ อีก 80 คน พรรคการเมืองที่ประชาชน แคลงใจถึงจุดยืนของพรรค  ทั้งจากท่าทีของหัวหน้าพรรค และพฤติกรรมในอดีตที่ผ่านมาของเลขาธิการพรรค อย่างนาย ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีต “คณะนิติราษฎร์”ที่เคยร่วมลงชื่อแก้ไขม.112  และร่วมไปถึงข้อกังวลใจ ของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกาศแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะมีการรื้อหมวดสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ จึงเป็นที่มาของคำว่า พรรคชังเจ้า

 

กางสูตร แม่ยกปชป. หนุนตั้งรบ.ร่วมเพื่อไทย ..ไม่พอ!! ต้องจับมือ "อนาคตใหม่"

จากนั้นรวมกับพรรคขนาดกลาง-เล็กทั้งหมดที่เหลืออยู่อีก 28 คน จึงจะได้ตัวเลข 376 ซึ่งจะมากกว่ากึ่งของรัฐสภา 700คน  ประกอบไปด้วย ส.ส. และส.ว. จึงจะสามารถโหวตเลือกนายกฯ และสกัดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากการเสนอของพรรคพลังประชารัฐได้ เพราะในบทเฉพาะกาล มาตรา 271 ในระหว่าง 5 ปีแรก กำหนดให้ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรีด้วย

 

มาตรา 271 ในระหว่าง 5 ปีแรก ต้้งแต่มีรัฐสภาชุดแรก ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ให้เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา (สภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา) และ ผู้ที่ได้รับการเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่ง ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา (ส.ส. 500 น และ ส.ว. 250 คน)

ประเด็นที่น่าสนใจ ก่อนหน้านี้ นางสาวพรรณิการ์ วาณิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยถึง กรณีจะยกมือให้ นายอภิสิทธิ์ เพื่อปิดสวิตซ์ ส.ว.สกัดกั้นการสืบอำนาจคสช.เช่นกัน โดยระบุว่า ต้องแยกแยะให้ชัดระหว่าง การปิดสวติซ์ ส.ว. และการจัดตั้งรัฐบาล นั้นเป็นคนละเรื่องกัน สำหรับอนาคตใหม่ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล ไม่สำคัญเท่ากับการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคสช. โดยการปิดกลไก ที่คสช.วางไว้

 

 

กางสูตร แม่ยกปชป. หนุนตั้งรบ.ร่วมเพื่อไทย ..ไม่พอ!! ต้องจับมือ "อนาคตใหม่"

 

เราจึงขอความร่วมมือในฐานะ ผู้แทนราษฎรด้วยกันที่มาจากพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคที่ได้ยืนยันกับประชาชน ก่อนเลือกตั้งว่า จะต่อต้านการสืบทอดอำนาจ ของ คสช. ขอให้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน"โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวและว่าเราพร้อมเปิดให้ทุกพรรคมาร่วมกัน ซึ่งตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ขอยืนยันว่า พรรคอนาคตใหม่ พร้อมยกมือให้บุคคลที่เสียงส่วนใหญ่ ในสภาผู้แทนราษฎรเห็นว่าเหมาะเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งสิ้น.

 

แต่อย่างไรก็ตามการที่พรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมกับฝ่ายไหน ต้องขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค และ กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยจะมีการคัดเลือกในวันที่ 15 พ.ค.62  ประกอบไปด้วย 4 ผู้ท้าชิง ได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รักษาการหัวหน้าพรรค, นายกรณ์ จาติกวณิช รักษาการรองหัวหน้าพรรค และ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน แกนนำคนสำคัญของพรรค อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  และ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีต รมว.ยุติธรรม พรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจเปิดหน้าในโค้งสุดท้าย

 

และท่าทีของนายพีระพันธุ์ ก่อนหน้าได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรณี “ชักศึกเข้าบ้าน”  เมื่อครั้งเดินทางรับทราบข้อกล่าวหา  ตามความผิดมาตรา 116 ยุยงปลุกปั่นเป็นภัยกับความมั่นคงของประเทศ และมาตรา 189 ให้ที่พักพิงผู้ต้องหา จากพฤติการณ์เมื่อปี 2558 โดยมีตัวแทนจากสถานทูต กว่า 10 ประเทศ อาทิเยอรมัน ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา รวมทั้งเจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติ หรือ UN มาสังเกตการณ์..อย่างดุเดือด  เรียกว่าได้ใจคนไทยไม่น้อย  (อ่านเพิ่มเติมอดีตรมว.ยุติธรรม เรียกร้องไทยต้องเด็ดขาดกรณีนักการทูตแทรกแซงกระบวนยุติธรรม-ละเมิดอธิปไตย! )

 

อีกทั้งนายพีระพันธ์ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้อย่างชัดเจนระบุว่า..  “อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ก็คือ เราทำงานการเมืองเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เหนือสิ่งอื่นใด " เราสรุปกันได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะทำอะไร เราก็ต้องดู เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เท่านั้น อะไรที่ไม่ใช่ทั้งสามอย่างนี้ เราก็ไม่สามารถร่วมทำงานได้”