จับตาท่าที !!! “ประชาธิปัตย์” ร่วมรัฐบาล  กับต้องลุ้นเก้าอี้นายกฯลุงตู่ที่ไม่มั่นคง

ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน จับตาท่าที ปชป.ร่วมรัฐบาล กับต้องลุ้นเก้าอี้นายกฯลุงตู่ที่ไม่มั่นคง โดย

ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน จับตาท่าที ปชป.ร่วมรัฐบาล กับต้องลุ้นเก้าอี้นายกฯลุงตู่ที่ไม่มั่นคง โดยคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ระบุเอาไว้ว่า สถานการณ์การเมือง เดินเข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนที่จะตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน หลังจากมีผลเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจน ได้คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 8 จากชัยชนะของคุณจุรินทร์และก็มีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารเสร็จภายในวันเดียวออกมาเห็นรายชื่อคณะกรรมการบริหารแล้วก็สรุปได้ล่ะครับ

 

พรรคประชาธิปัตย์ยังอยู่ในวิถีเดิม วัฒนธรรมเดิม ชัยชนะของคุณจุรินทร์ที่ได้มา ได้รับการสนับสนุนจากคุณชวน หลีกภัย คุณบัญญัติ บรรทัดฐาน และคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อันนี้แน่นอนเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ ดูจากเสียง สส. และผู้ที่มีสิทธิ์เลือกหัวหน้าพรรคจากภายนอกนะครับ ก็อยู่ที่ทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์นะครับว่าจะร่วมรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้านอิสระ

 

อันนี้ก็ต้องลุ้นกันต่อไป เพราะหากว่าผู้ที่สนับสนุนคุณจุรินทร์นะครับมีความเห็นว่าต้องเป็นฝ่ายค้านอิสระ แม้คณะกรรมการบริหารอยากจะเข้าร่วมรัฐบาลใจจะขาด ก็จะทำให้เกิดประเด็นปัญหาขึ้นทันทีนะครับ ไม่สามารถที่จะเดินไปอย่างราบรื่นได้ เพราะฉะนั้นตรงนี้ต้องลุ้นระทึกกันครับ แต่แม้แต่สมมติว่ามีมติเข้าร่วมรัฐบาลนะครับ

 

 ก็นั่นมิได้หมายความว่ารัฐบาลของพลเอกประยุทธ์นะครับ ซึ่งตั้งขึ้นได้โดยมีเสียงข้างมากแบบปริ่มน้ำจะสามารถบริหารประเทศไปได้อย่างราบรื่น ถ้าไม่มีงูเห่า ผมจะขยายให้ฟัง ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ครับ เสียงของฝากฝั่งรัฐบาลในขณะนี้นะครับ มีเสียงชัดเจนแน่นอน ไม่เกิน 254 เสียง เกินครึ่งไปเพียงแค่ 4 เสียง จะต้องเป็นประธานรัฐสภา 1 คน หมายถึงสภาผู้แทนราษฎรอย่างเดียวนะครับ ก็จะเหลือ 253 253 นี่นะครับ

 

กฎหมายและกระบวนการการโหวตต่างๆ ต้องใช้เสียงข้างมากของ ส.ส. อันนี้ไม่เกี่ยวกับวุฒิล่ะครับ ตอนเลือกนายกรัฐมนตรีนี่นะครับ มี สส เพียง 126 คนนะครับ บวกด้วยวุฒิ 250 ยังไงก็พลเอกประยุทธ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน เพราะฉะนั้นนะครับ 253 เสียงนะครับ จะมีคนงอแงไม่โหวตก็ไม่ได้มีปัญหาในขั้นตอนการโหวตนายกรัฐมนตรี แต่หลังจากนั้นมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาครับ เพราะในพรรคพลังประชารัฐ เอาให้ชัดนะครับ ในวันนี้ไม่ได้เป็นเอกภาพนะครับ มีดุลใหญ่ๆอยู่ 3 ดุลด้วยกัน ดุลแรกนะครับ ก็คือดุลของอดีต 4 รัฐมนตรี ซึ่งวันนี้ ดร.อุตตม เป็นหัวหน้าพรรค

 คุณสนธิรัตน์เป็นเลขาธิการพรรคนะครับ 4 รัฐมนตรีที่เสียสละลาออกจากรัฐมนตรีมาบริหารพรรคพลังประชารัฐนะครับ 4 รัฐมนตรีชัดเจนครับว่าเป็นสายตรงของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นี่หนึ่งกลุ่ม หนึ่งดุล ดุลที่ 2 นี่นะครับก็คือดุลของสามมิตร หรืออดีตนักการเมืองเก่า ประกอบด้วยคุณสมศักดิ์ เทพสุทินนะครับ คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อย่างนี้เป็นต้นนะครับ กลุ่มที่ 3 นะครับก็คือกลุ่มอดีตแกนนำ กปปส. ซึ่งกลุ่มนี้เข้าไปร่วมพรรคพลังประชารัฐ

 

 เพราะได้รับการทาบทามจากฝ่ายทหาร อันนี้ก็ค่อนข้างแน่นอน ดุลของกลุ่มนี้นี่นะครับเป็นดุลที่เมื่อบวกกับฝ่ายทหารแล้วน่าจะเป็นดุลที่กลุ่มใหญ่สุดในพรรคพลังประชารัฐ การแบ่งเป็น 3 กลุ่มแบบนี้นะครับ สิ่งที่จะต้องพิจารณาตามมาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือจะต้องมีการจัดสรรให้ลงตัว นักการเมืองนะครับไม่ว่าปากจะพูดอย่างไร จะทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน แต่เบื้องต้นในการเดินเข้าสู่อำนาจ ตำแหน่งเป็นเรื่องสำคัญ

เพราะตำแหน่งคืออำนาจจะพูดว่าเพื่อไว้ใช้บริหารประเทศ ยกระดับประเทศให้ดีขึ้น ทำให้ประชาชนมีชีวิตที่อยู่ดีกินดีขึ้นก็เป็นเรื่องที่พูดได้ จะเป็นเรื่องกอบโกยก็พูดได้ เอาเป็นว่าตั้งใจที่จะทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน แต่ต้องได้ตำแหน่งมา จะมีการบริหารจัดการตำแหน่งอย่างไรนะครับ สิ่งแรกที่เกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐในขณะนี้ ตำแหน่งประธานรัฐสภา ระหว่างคุณวิรัช รัตนเศรษฐ กับคุณสุชาติ ตันเจริญ ยังไม่ลงตัว แต่ทั้งสองฝ่ายก็เคลื่อนไหวกัน

คุณสุชาติ ตันเจริญ ได้รับแรงสนับสนุนจากสามมิตรนะครับ อันนี้ก็ชัดเจน คุณวิรัช รัตนเศรษฐ ได้รับแรงสนับสนุนจากฝากฝั่งทหาร น้ำหนักจะไปตกอยู่ที่ใคร จับตาดู มาดูตำแหน่งรัฐมนตรีนะครับ ตำแหน่งรัฐมนตรีนี่อนุมานนะครับว่า สส. ที่สนับสนุนรัฐบาลนี่นะครับ แม้เบื้องต้นจะมีที่ 254 คนนะครับ แต่จะต้องอนุมานว่าต้องอนุมานว่ามี 270 280 ซึ่งจะต้องเกิดงูเห่าขึ้นแน่นอน แต่ขั้นตอนของการเกิดขึ้นของงูเห่านั้นจะไม่เกิดในวันโหวตนายกรัฐมนตรีครับ เพราะเสียงวุฒิสมาชิกเพียงพออยู่แล้ว งูเห่าจะไปเกิดขึ้นหลังโหวตนายกรัฐมนตรีเสร็จแล้ว ถ้าอนุมานว่ามีเสียงสนับสนุนรัฐบาล 270 เสียงเป็นเบื้องต้นนะครับ

 

ตำแหน่งรัฐมนตรีมีทั้งสิ้น 35 คนบวกนายกรัฐมนตรี 1 คนเป็น 36 คน ใน 35 คนถ้าเอามาเฉลี่ยใน 270 ก็จะเท่ากับ สส. 7 คน ได้รัฐมนตรีไป 1 ตำแหน่ง แต่ถ้าเป็นไปตามกระแสข่าวที่ว่านายกรัฐมนตรีคือพลเอกประยุทธ์ต้องการกันโควต้ากลางเอาไว้นะครับ ไม่ว่าจะเป็น ดร.สมคิดนะครับ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ดร.วิษณุ เครืองาม และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่นก็จะทำให้โควตาของนายกรัฐมนตรีที่จะกระจายไปพรรคการเมืองต่างๆถูกลดลง ก็จะเหลือประมาณ 7 ต่อ 1 ดังนั้นนี่นะครับต้องจับตาดู เอาเบื้องต้นในพรรคพลังประชารัฐก่อนนะครับว่าจะได้รัฐมนตรีประมาณ 14-15 คน


 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

พลังประชารัฐรอผลเลือกหัวหน้าประชาธิปัตย์คนใหม่ ก่อนเจรจาร่วมตั้งรัฐบาล

จบแล้ว ปิดสวิตซ์ สว.!! 11พรรคหนุนพลังประชารัฐ ถึงนาทีนี้..ลุงตู่เป็นนายกแน่นอน?

หมอวรงค์เผยรู้ไม่เกินเที่ยง! ปชป.จะสู้กับทุนสามานย์หรือประยุทธ์

มติ11พรรคเล็กร่วมตั้งรัฐพปชร.หนุนประยุทธิ์นายกฯ ลั่นไม่ต้องการปิดสวิตซ์