ภูมิใจไทย ชัดเลือกพลังประชารัฐ ด้วยเงื่อนไขสุดคลาสสิค แต่ที่ยังเหนื่อยหนักก็ลุงตู่

ติดตามรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ซึ่งประเด็นตอนนี้เสนอในตอน ภูมิใจไทย ชัดเลือกพลังประชารัฐ ด้วยเงื่อนไขสุดคลาสสิค แต่ที่ยังเหนื่อยหนักก็ลุงตู่ โดยคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม

ติดตามรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ซึ่งประเด็นตอนนี้เสนอในตอน ภูมิใจไทย ชัดเลือกพลังประชารัฐ ด้วยเงื่อนไขสุดคลาสสิค แต่ที่ยังเหนื่อยหนักก็ลุงตู่ โดยคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ระบุไว้ว่า เรื่องการเมือง ถึงวันนี้นะครับทุกกระแสทางการเมืองต่างจับจ้องไปที่เรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งใกล้วันเวลาที่จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเข้ามาทุกขณะ แต่ถึงขณะนี้นะครับกระแสการช่วงชิงการจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้อยู่ที่การแข่งขันระหว่างขั้วของพรรคพลังประชารัฐกับขั้วของพรรคเพื่อไทยบวกอนาคตใหม่

 

เพราะชัดเจนว่าฝากฝั่งของพรรคเพื่อไทยนั้นไม่สามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอนนะครับ รวมทั้งความพยายามของพรรคอนาคตใหม่ที่พยายามจะสร้างกระแสขึ้นมาใหม่กับขั้วใหม่โดยใช้แนวทางปิดสวิตช์ สว. หรือ วุฒิสมาชิกไม่ให้มีบทบาทในการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยพยายามมุ่งกระแสไปที่พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์

โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์นะครับหลังจากที่มีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ได้คุณจุรินทร์ ลักษณะวิสิตมาแล้ว ก็ชัดเจนว่าคุณจุรินทร์นั้นเป็นคนที่อยู่ภายใต้บารมีของชวน หลีกภัย บัญญัติบรรทัดฐาน และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดังนั้นพรรคอนาคตใหม่จึงสร้างกระแสในการที่จะต่อต้านการสืบทอดอำนาจของพลเอกประยุทธ์ขึ้นมา เพื่อหวังที่จะเอาพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้ผู้บริหารชุดใหม่มาเป็นแนวร่วม

 

 ความพยายามของพรรคอนาคตใหม่ในครั้งนี้นะครับถ้าจะสำเร็จก็ทำได้เฉพาะเพียงแค่สร้างกระแสและทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ไปยกมือโหวตให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกเท่านั้นแหละครับ ส่วนที่หวังว่าจะให้ย้ายข้างมาอยู่ร่วมกับเพื่อไทย เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์นั้นไม่มีทางที่จะทำอย่างนี้แน่นอน เพราะขัดแย้งกับอุดมการณ์ของตัวเองและที่สำคัญคนในพรรคประชาธิปัตย์ประเมินและรู้ได้ครับว่าเดินหน้าอย่างนั้น สูญพันธ์ทางการเมืองแน่นอน

 

ส่วนความพยายามในการที่จะเสนออนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยนะครับ อีกคนมาแข่งกับพลเอกประยุทธ์ ถึงเวลานี้นะครับปิดประตูตาย เพราะเมื่อวานนะครับพรรคภูมิใจไทยได้มีการประชุมและมีมติออกมานะครับ มติประการแรกก็คือมอบหมายให้อนุทิน ชาญวีรกูลหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นผู้มีสิทธิ์ขาดในการเจรจารัฐบาลแต่เพียงผู้เดียว แต่ยังมีเงื่อนไขสำคัญๆติดตามมาด้วยครับ เงื่อนไขประการแรก เปิดมาน่าสนใจก็คือพรรคภูมิใจไทยในขณะนี้เป็นมวยเป็นอย่างยิ่งครับ พรรคภูมิใจไทยบอกว่าในการจะจัดตั้งรัฐบาล ต้องให้พรรคที่ได้เสียง สส.อันดับ 1 เป็นคนจัดตั้งรัฐบาล

 

ซึ่งในที่นี้นะครับ ความหมายของพรรคภูมิใจไทยก็คือต้องให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลก่อน ถ้าพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคอันดับ 1 จัดตั้งไม่ได้ ถึงจะให้พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคอันดับ 2 เป็นคนจัดตั้งรัฐบาล แต่ตอนนี้มันชัดเจนอยู่แล้วล่ะครับว่าเสียงของพรรคเพื่อไทยบวกอนาคตใหม่และพันธมิตรนะครับ ได้เพียงแค่ 244 เสียง 245 เสียง ไม่สามารถรวบรวมเสียงได้เพิ่มมากขึ้นไปกว่านั้นนะครับ

ก็ถึงคิวของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งนั่นหมายความว่าพรรคภูมิใจไทยก็พร้อมที่จะไปร่วมพรรคพลังประชารัฐ แม้จะอยู่ในอันดับ 2 เพราะพรรคอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ นี่ถือว่าเป็นมวยทางการเมืองนะครับ เคารพธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมือง ไม่ธรรมดาทีเดียวครับ นอกเหนือจากนั้นนะครับ พรรคภูมิใจไทยนะครับยังยืนยันว่ารัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่และพรรคการเมืองที่จะมาร่วมนั้นนะครับจะต้องมีอุดมการณ์และแนวทางเดียวกันกับพรรคภูมิใจไทย อุดมการณ์ของพรรคภูมิใจไทยข้อที่ 1 คือเทิดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์ สองคือไม่สร้างความขัดแย้งให้กับคนในชาติ สามรับ นโยบายของพรรคภูมิใจไทยไปเป็นนโยบาลของรัฐบาล และสี่ รัฐบาลนั้นต้องมีเสียงข้างมากอย่างมีเสถียรภาพ ถ้าพิจารณาดูตามนี้นะครับ ก็ดูเหมือนว่าปิดประตูสำหรับพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่เสียแล้ว เพราะเงื่อนไขสองข้อแรก มันเป็นเงื่อนไขที่ดูจะไม่สอดคล้องกับกระบวนการและแนวทางของพรรคอนาคตใหม่ อย่างแรกเรื่องเทิดทูลสถาบัน ชัดเจนครับ โดยพฤติกรรมของพรรคอนาคตใหม่ที่ผ่านมานะครับ

 

 ไม่ใช่จะไปล้มเจ้าครับแต่ชังเจ้า คำว่าชังเจ้าคือไม่ได้เทิดทูลสถาบันนะครับ เอาแนวทางประชาธิปไตยแบบตะวันตกนะครับมาใช้อย่างเต็มที่ ถือว่าประชาชนเป็นใหญ่กว่าสถาบันพระมหากษัตริย์นะครับ พระมหากษัตริย์ต้องอยู่ภายใต้ระบบรัฐสภาที่ประชาชนเลือกตั้งมา ปิดประตูตายสำหรับการที่พรรคภูมิใจไทยจะไปจัดตั้งกับพรรคเพื่อไทยและอนาคตใหม่ ส่วนในเรื่องนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยผลักดันเป็นอย่างยิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลที่จะจัดตั้งเอาไปใช้ก็คือเรื่องกัญชาและกัญชงเสรี ที่จะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงในทางการแพทย์นะครับ ไม่ใช่หมายความว่าเป็นยาเสพติดไป

 

 ก็ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดล่ะครับเมื่อพรรคภูมิใจไทยเปิดประเด็นออกมาอย่างนี้นะครับว่าท้ายที่สุดแล้วนะครับพรรคภูมิใจไทยจะต้องมาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ และข้อสรุปทั้งสิ้นทั้งปวงนี่นะครับต้องจบก่อนวันที่ 25 พฤษภาคม ครับ พรรคภูมิใจไทยบอกว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากใครอย่างเป็นทางการ ดังนั้นนะครับก่อนวันที่ 25 พฤษภาคม ที่จะมีการเลือกตั้งประธานสภาผู้แทนราษฎรให้เสร็จสิ้น พรรคที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลต้องหารือกันครับ เพราะจะต้องมีการกำหนดว่าจะให้ใครมานั่งในตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหลักๆจะต้องมาจากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำการจัดตั้งรัฐบาล แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นนะครับ ก็ต้องโหวตครับว่าการเมืองอยู่ในระนาบที่ไม่ปกติธรรมดาอย่างแน่นอน เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งครับท่านผู้ชมครับสำหรับการจะตั้งรัฐบาลในครั้งนี้นะครับ เมื่อมีข่าวสารไหลออกมาสู่สื่อมวลชน โดยมีความประสงค์จะเป็นข่าวแต่ไม่ประสงค์จะออกนาม

ก็ถึงคิวของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งนั่นหมายความว่าพรรคภูมิใจไทยก็พร้อมที่จะไปร่วมพรรคพลังประชารัฐ แม้จะอยู่ในอันดับ 2 เพราะพรรคอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ นี่ถือว่าเป็นมวยทางการเมืองนะครับ เคารพธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมือง ไม่ธรรมดาทีเดียวครับ นอกเหนือจากนั้นนะครับ พรรคภูมิใจไทยนะครับยังยืนยันว่ารัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่และพรรคการเมืองที่จะมาร่วมนั้นนะครับจะต้องมีอุดมการณ์และแนวทางเดียวกันกับพรรคภูมิใจไทย อุดมการณ์ของพรรคภูมิใจไทยข้อที่ 1 คือเทิดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์ สองคือไม่สร้างความขัดแย้งให้กับคนในชาติ สามรับ นโยบายของพรรคภูมิใจไทยไปเป็นนโยบาลของรัฐบาล และสี่ รัฐบาลนั้นต้องมีเสียงข้างมากอย่างมีเสถียรภาพ ถ้าพิจารณาดูตามนี้นะครับ ก็ดูเหมือนว่าปิดประตูสำหรับพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่เสียแล้ว เพราะเงื่อนไขสองข้อแรก มันเป็นเงื่อนไขที่ดูจะไม่สอดคล้องกับกระบวนการและแนวทางของพรรคอนาคตใหม่ อย่างแรกเรื่องเทิดทูลสถาบัน ชัดเจนครับ โดยพฤติกรรมของพรรคอนาคตใหม่ที่ผ่านมานะครับ

 

 ไม่ใช่จะไปล้มเจ้าครับแต่ชังเจ้า คำว่าชังเจ้าคือไม่ได้เทิดทูลสถาบันนะครับ เอาแนวทางประชาธิปไตยแบบตะวันตกนะครับมาใช้อย่างเต็มที่ ถือว่าประชาชนเป็นใหญ่กว่าสถาบันพระมหากษัตริย์นะครับ พระมหากษัตริย์ต้องอยู่ภายใต้ระบบรัฐสภาที่ประชาชนเลือกตั้งมา ปิดประตูตายสำหรับการที่พรรคภูมิใจไทยจะไปจัดตั้งกับพรรคเพื่อไทยและอนาคตใหม่ ส่วนในเรื่องนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยผลักดันเป็นอย่างยิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลที่จะจัดตั้งเอาไปใช้ก็คือเรื่องกัญชาและกัญชงเสรี ที่จะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงในทางการแพทย์นะครับ ไม่ใช่หมายความว่าเป็นยาเสพติดไป

 

 ก็ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดล่ะครับเมื่อพรรคภูมิใจไทยเปิดประเด็นออกมาอย่างนี้นะครับว่าท้ายที่สุดแล้วนะครับพรรคภูมิใจไทยจะต้องมาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ และข้อสรุปทั้งสิ้นทั้งปวงนี่นะครับต้องจบก่อนวันที่ 25 พฤษภาคม ครับ พรรคภูมิใจไทยบอกว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากใครอย่างเป็นทางการ ดังนั้นนะครับก่อนวันที่ 25 พฤษภาคม ที่จะมีการเลือกตั้งประธานสภาผู้แทนราษฎรให้เสร็จสิ้น พรรคที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลต้องหารือกันครับ เพราะจะต้องมีการกำหนดว่าจะให้ใครมานั่งในตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหลักๆจะต้องมาจากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำการจัดตั้งรัฐบาล แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นนะครับ ก็ต้องโหวตครับว่าการเมืองอยู่ในระนาบที่ไม่ปกติธรรมดาอย่างแน่นอน เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งครับท่านผู้ชมครับสำหรับการจะตั้งรัฐบาลในครั้งนี้นะครับ เมื่อมีข่าวสารไหลออกมาสู่สื่อมวลชน โดยมีความประสงค์จะเป็นข่าวแต่ไม่ประสงค์จะออกนาม

 

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

วัฒนาบอกใครโหวตประยุทธ์นายกฯ เท่ากับตบหน้าปชช.

เร่งยกเลิกคำสั่งคสช! “ปลดล็อค”สรรหากสทช. แก้ปัญหาบอร์ดเกียร์ว่าง ปล่อยสำนักงานแบกภาระ

เลิกเล่นการเมืองแล้ว! "บิ๊กป้อม" ปัดข่าวลือดัน "น้องชาย" นั่งมท.1

ปชป.ระอุ!! “หมอวรงค์” กรีด “นายหัวชวน" ยันไร้การแทรกแซง ซัดเมื่อเห็นไม่ตรงกับผู้มีอำนาจ จะมีคนออกมาให้ร้าย