ในรายการเที่ยงตรงกับ สนธิญาณ นำเสนอในตอน ปชป.เดินเกมลึกสานอุดมการณ์ไม่ให้"ลุงตู่"สืบทอดอำนาจยุบสภาคือทางออกเท่านั้น

ในรายการเที่ยงตรงกับ สนธิญาณ นำเสนอในตอน ปชป.เดินเกมลึกสานอุดมการณ์ไม่ให้"ลุงตู่"สืบทอดอำนาจยุบสภาคือทางออกเท่านั้น  โดยคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ได้ระบุเอาไว้ในรายการว่า สถานการณ์ขณะนี้นะครับไม่รู้จะบรรยายอย่างไรดีสำหรับประชาชนคนไทย โดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาแหละครับไม่รู้จะหัวเราะหรือว่าร้องไห้ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากการขยับตัวทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ บอกได้คำเดียวครับตอกย้ำ ไม่ได้ซาดิสท์ ยุบสภาครับ

 ลุงตู่ ไปไม่รอดหรอกครับ อันนี้เป็นแค่บทเรียนแรกทางการเมืองเท่านั้นนะครับที่มาจากพรรคการเมืองเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งอ้างมาโดยตลอดว่ามีหลักการ แต่หลักการนั้นจะเอื้อตอบสนองอัตตาต่อตัวเองหรือเพื่อประเทศชาติ เป็นเรื่องที่ท่านผู้ชมจะต้องพิจารณาและลุงตู่เองก็ต้องเอาเรื่องนี้ไปพิจารณาด้วยเหมือนกันว่าจะร่วมทำงานกับพรรคการเมืองนี้หรือไม่

 

เพราะนี่แค่เริ่มต้นนะครับ ถ้าเกิดร่วมเป็นรัฐบาลกันและมีเสียงปริ่มน้ำขนาดนี้นะครับ ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ผมจะขยายให้ฟังนะครับ ว่าสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนนะครับและดูเหมือนจะเป็นทางตันหรือการไม่มีทางออกนะครับ มาจากสาเหตุอะไร พรรคประชาธิปัตย์เคลื่อนไหวอย่างไร มีอะไรลึกลับซับซ้อนอยู่ข้างหลัง ต้องติดตามจะได้เข้าใจครับ การตัดสินใจอย่างนี้ของพรรคประชาธิปัตย์นะครับ ผลที่เกิดขึ้นย้ำนะครับ ก็คือเป็นการบีบบังคับพรรคพลังประชารัฐไม่ให้ส่งคนหรือ สส.ลงชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรแข่งกับพรรคประชาธิปัตย์นะครับ

เพื่อสั่งสอนให้พรรคพลังประชารัฐและพลเอกประยุทธ์รู้ว่าทางการเมืองนั้น ปรามาสพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ ต้องฟังเสียงพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าไม่ฟังแล้วผลก็จะเป็นอย่างนี้แหละครับ อีกทางหนึ่งถ้าพรรคพลังประชารัฐยืนยันว่าโดยศักดิ์ศรีจะต้องส่ง สส.ลงแข่งหรือลงชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ผลที่เกิดขึ้นนะครับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร รองประธาน ผู้นำของสภาผู้แทนราษฎรจะตกอยู่กับพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่และพันธมิตร

 

เพราะเสียง สส.จะแตกออกเป็น 3 ขั้วนะครับ ของพลังประชารัฐและพันธมิตรรวมกันก็จะเหลือแค่ 201 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 52 เสียง ฝากฝั่งพรรคเพื่อไทย 245 เสียง แพ้ฝากฝั่งเพื่อไทยขาดครับ เมื่อผลและทางเลือกนะครับมันเป็นแบบนี้นะครับ นี่เป็นเรื่องที่พลเอกประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐต้องคิดและตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร

 

 ยอมตามพรรคประชาธิปัตย์นะครับตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากปริ่มน้ำ แล้วก็ให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ควบคุมฐานะรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ก็นี่คือทางเลือกแรก ทางเลือกที่สองก็ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่ยอมตาม ใช้คำว่าแรงข่มขู่หรือบีบคั้นของพรรคประชาธิปัตย์แล้วก็ยุบสภาให้ประชาชนตัดสินใจ สำหรับสถานการณ์การเคลื่อนไหวการเมืองในเชิงลึกเรื่องนี้นี่นะครับ

ผมจะย้อนรอยให้ท่านผู้ชมได้รับทราบดังนี้ครับว่า การเดินเกมทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์เที่ยวนี้นะครับลึกซึ้งขนาดไหน แม้แต่คนในพรรคเองนะครับก็ชอกช้ำระกำใจนะครับ ไม่สนใจนะครับว่าจะเป็นอย่างไรโดยเฉพาะเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคที่เจ็บลึกเพราะเหมือนถูกหลอกใช้จากหัวหน้าพรรคหรือจากผู้มีบารมีในพรรค อาจจะเรียกว่าเหมือนกับเสร็จนาฆ่าโคถึกก็ได้ เพราะไปดึงเฉลิมชัยมาเพื่อที่จะต่อกรกับทีมพีระพันธ์ ชนะแล้ววันนี้เฉลิมชัยไม่มีความหมาย การเริ่มต้นของพรรคประชาธิปัตย์นี่นะครับเริ่มจากการประชุม สส.ก่อน สส.52 คนเข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความเห็นกัน

 

และก็มีความเห็นไม่ใช่มตินะครับ ไม่ใช่มติ เพราะมติจะผูกพันบุคคลภายนอกได้เป็นไปตามกฎหมายต้องมติของกรรมการบริหาร ความเห็นของ สส.ก็คือให้ไปเจรจาร่วมรัฐบาล แต่ไม่บอกนะครับว่าร่วมกับใคร แต่มีเงื่อนไขว่าไม่ร่วมกับเพื่อไทยและอนาคตใหม่ ย้ำนะครับไม่บอกว่าให้ร่วมประชาธิปัตย์นะครับ เฉลิมชัยก็วิ่งไปเจรจากับอนุทินนะครับ เปิดภาพออกสู่สื่อให้เห็นว่ามีการจับมือกันแล้วนะครับ สองพรรคจับมือกันก็ดูคล้ายๆเหมือนกับเป็นขั้วที่สาม ทำให้มีอำนาจในการต่อรองเพิ่มขึ้น

 

 ผลสรุปในการหารือกันระหว่างเฉลิมชัยกับอนุทิน หรือถ้าพูดโดยภาพรวมก็เหมือนกับประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยนะครับ เพราะเฉลิมชัยก็ไปทำตามความเห็นของที่ประชุม สส. มีการเจรจาว่าประชาธิปัตย์จะเอากระทรวงมหาดไทย ภูมิใจไทยจะเอากระทรวงคมนาคม ส่งสัญญาณไป น้ำเสียงทางผู้มีอำนาจในฝากฝั่งประชารัฐก็ดูเหมือนคล้ายๆจะ เอ้า ยอมก็ยอม ไม่ยอมแบบเบ็ดเสร็จเสียทีเดียว แต่ก็พูดถึงตำแหน่งประธานสภาว่าจากเมื่อก่อน จะให้ตำแหน่งนี้กับพรรคประชาธิปัตย์

 

 ถ้าผู้ที่มาดำรงตำแหน่งคือชวน หลีกภัย เพราะชื่อชั้นถือว่าผ่าน แต่ถ้าเป็นคนอื่น พลังประชารัฐไม่ยอมนะครับ แต่ถ้าเป็นแบบนี้จะเอากระทรวงมหาดไทยไปนะครับ ตำแหน่งประธานสภาก็ไม่ได้ พอเป็นแบบนี้นะครับ เมื่อมีการกลับมาประชุมกรรมการบริหารร่วมกับ สส. นะครับ มติจึงออกมาว่าต้องส่ง สส. ลงชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้พูดเรื่องการเจรจาหรือการจัดตั้งรัฐบาลแต่อย่างใด อันนี้แหละครับเฉลิมชัยเจ็บหนัก

 

ความเห็นที่ประชุม สส.ไม่มีผลผูกพัน ตัวเองวิ่งออกไปแล้วหน้าแหก แตกเป็นแปดริ้วล่ะครับ เรื่องที่ไปคุยกับอนุทินไม่มีความหมายใดๆในทางการเมือง นี่คือเลขาธิการพรรคนะครับ ไม่มีความหมายใดๆในทางการเมือง ไม่ต้องนับคนอื่นๆหรือฝ่ายอื่นๆในพรรคประชาธิปัตย์ที่มีแรงปะทะ มีแรงบีบคั้นต่อกันนะครับ อันนี้แหละครับที่ผมจะเรียนต่อลุงตู่ว่า ตั้งรัฐบาลไป แล้วไปร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์นะครับ

 

 มีแต่พังกับพัง และผมจะย้ำให้ฟังต่อนะครับว่าผมเคยได้ฟังจากคุณบัญญัติ บรรทัดฐานนะครับ ได้เคยพูดกับผมว่าอย่าคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์กลัวการยุบสภานะครับ ดังนั้นหมากการเดินของประชาธิปัตย์เกมนี้อาจจะเดินมาตั้งแต่เริ่มต้น ไปคุยกับเฉลิมชัย คุยกับอภิสิทธิ์ เพื่อที่ต้องการให้จุรินทร์ เป็นหัวหน้าพรรคให้ได้ นี่พูดถึงผู้มีบารมีในพรรคฝ่ายต่างๆนะครับที่ต้องการเดินเกมตามที่เคยประกาศไว้ไม่ให้พลเอกประยุทธ์สืบทอดอำนาจตามความหมายของพรรคประชาธิปัตย์ กรณ์ จาติกวณิชที่เคยเชื่อว่าจะได้เสียงจากอภิสิทธิ์ ท้ายที่สุดก็ไม่ได้นะครับ สุดท้ายมาถึงวันนี้นะครับ

 

 ดูเหมือนว่าผู้มีบารมีในพรรคประชาธิปัตย์นะครับจะบรรลุเป้า ไม่กลัวการยุบสภา และถ้าเกิดการยุบสภาก็เท่ากับคำประกาศที่ว่าไม่ให้พลเอกประยุทธ์สืบทอดอำนาจได้บรรลุผลเป็นจริงแล้วในการเคลื่อนไหวทางการเมือง อยู่ที่พลเอกประยุทธ์ล่ะครับว่าจะเอาอย่างไร ยอมตามเกมของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งๆที่พรรคประชาธิปัตย์ก็แตกเป็นเสี่ยงๆนะครับ ไม่ร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้

 

ต้องเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยเท่านั้น เลือกเอาศักดิ์ศรี เจ็บครั้งนี้ให้รู้ว่านี่แหละครับบทเรียนทางการเมืองไม่สามารถสั่งซ้ายหันขวาหันแบบทหารได้ ไม่สามารถคิดเหมือนตอนที่รัฐประหารยึดอำนาจมาได้ ต้องตั้งหลักให้ดี ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน ให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะเลือกข้างไหนครับ เป็นทางออกที่ดีที่สุดและสง่างามที่สุดสำหรับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยความปรารถนาดีครับลุงตู่ครับ ไม่มีความคิดเห็นเป็นอย่างอื่น ประเทศชาติเป็นที่ตั้งเสมอสำหรับสนธิญาณ สวัสดีครับ