การเมืองตลอดทั้งสัปดาห์ต้องเทความสนใจไปที่ขันหมากสู่ขอเข้าร่วมรัฐบาลระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับบรรดาพรรคร่วมต่างๆ รวมไปถึงการเจรจาต่อรองเก้าอี้สำคัญๆ ซึ่งถึงขนาดว่ายังปิดดีลกันไม่เสร็จสิ้น แต่คุณผู้ชมต้องอย่าลืมไปว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามี คดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ซึ่งเป็นผลพวงจากการบริหารงานของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ชินวัตร ศาลฎีกาฯสั่งจำคุกอ่วม72ปี"หมอโด่ง"อดีตเลขาฯบุญทรง ทุจริตระบายข้าวจีทูจี แต่เมื่อรวมโทษตามกฎหมายสูงสุดไว้50ปี ส่วน"คนสนิทเสี่ยเปี๋ยง"เจอ32ปี แถมให้ชดใช้เงินคนเดียวเกือบ1.7หมื่นล้าน

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ 28 พ.ค.62 องค์คณะพิจารณารื้อคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในส่วนของอดีตเลขานุการของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ จำเลยที่หนีคดี ได้มีคำพิพากษาในคดีที่ “พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง วัจนะพุกกะ” อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ตกเป็นจำเลยที่ 3 และ “นายสุธี เชื่อมไธสง” คนสนิทของเสี่ยเปี๋ยง นักธุรกิจค้าข้าวคนสำคัญ เป็นจำเลยที่ 16

โดยคดีนี้ "อัยการสูงสุด" โจทก์ ได้ยื่นคำร้องเมื่อปี 2561 ขอให้ศาลนำคดีจำเลยที่ 3 และ จำเลยที่ 16 ที่ตัวหนีไประหว่างการพิจารณาคดีเมื่ิอปี 2558 ซึ่งศาลได้ออกหมายจับจำเลยทั้ง 2 ไว้แล้ว ขึ้นมาพิจารณา โดยไม่มีตัวจำเลย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (วิ อม.) พ.ศ.2560 มาตรา 28 วรรคสอง หลังจากที่ศาลเคยมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบเป็นการชั่วคราว

ซึ่งคดีดังกล่าว ก็สืบเนื่องจากที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับเอกชนร่วม 28 รายในคดีหมายเลขดำ อม.25/2558 และคดีหมายเลขแดง อม.178/2560 (ศาลตัดสินจำคุกนายภูมิ กับพวกรวม 18 ราย ไว้แล้ว เมื่อวันที่ 25 ส.ค.60) ซึ่งระหว่างการพิจารณากรมการค้าต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 5 ราย ได้ยื่นคำร้องขอให้นายสุธี เชื่อมไธสง คนสนิทของเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 16 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยด้วย

ทั้งนี้ ในการพิจารณาคดี องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ ทั้ง 9 คน ได้พิเคราะห์พยานหลักฐานตามทางไต่สวนและรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว เห็นว่า พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือ หมอโด่ง จำเลยที่ 3 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ นายบุญทรง รมว.พาณิชย์ มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ และเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการ ซึ่งจำเลยที่ 3 ยังได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว แล้วต่อมาก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการ รมว.พาณิชย์

ซึ่งมีพฤติการณ์ว่า จำเลยที่ 3 กับพวกร่วมกันวางแผนโดยแอบอ้างนำบริษัทกว่างตงฯ และบริษัทห่ายหนานฯ เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐตามสัญญาซื้อขายข้าวโครงการจีทูจีกับกรมการค้าต่างประเทศ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างไม่เป็นธรรม ที่มีนายสุธี คนสนิทของเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 16 กับพวกสนับสนุนด้วยการนำบริษัทค้าข้าวภายในประเทศมาทำสัญญาซื้อข้าวโครงการจีทูจี กับกรมการค้าต่างประเทศในราคาต่ำกว่าท้องตลาด โดยไม่ได้มีการส่งออกข้าวไปยังต่างประเทศตามโครงการนั้น ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศ ถือว่า พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง จำเลยที่ 3 ร่วมกับพวกทุจริตในการระบายข้าวโครงการจีทูจีซึ่งศาลฎีกาฯ ได้มีคำพิพากษาจำคุกผู้ร่วมกระทำความผิดไปแล้ว

ส่วนนายสุธี คนสนิทของเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 16 ได้ร่วมสนับสนุนจำเลยที่ 3 กับพวกกระทำความผิดดังกล่าวด้วย

 

องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ จึงพิพากษาให้จำคุก “พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง” จำเลยที่ 3 รวม 4 กระทงๆ ละ 18 ปี จำคุกทั้งสิ้น 72 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3) ให้จำคุกไว้เป็นเวลา 50 ปี

ส่วน นายสุธี คนสนิทของเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 16 ให้จำคุก 4 กระทงๆ ละ 8 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 32 ปี และให้จำเลยที่ 16 ชำระค่าเสียหายในส่วนแพ่งให้กับกระทรวงการคลัง ผู้ร้องที่ 5 ด้วย เป็นเงิน 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันทำสัญญา

 

โดยศาลฎีกาฯ ยังมีคำสั่งให้ออกหมายจับเพื่อติดตามจับกุมตัว “พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง” จำเลยที่ 3 และ นายสุธี คนสนิทของเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 16 ที่ยังหลบหนีคดีมาบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไป

สำหรับ “พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง” จำเลยที่ 3 นั้น ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 พ.ค.62 ศาลฎีกาฯ ก็มีคำสั่งให้ริบทรัพย์ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากธนาคารของหมอโด่ง , อดีตภรรยา-บุตรสาว , พ่อแม่หมอโด่ง และพ่อตาหมอโด่ง จำนวน 896,554,760.28 บาทพร้อมดอกผล ที่เป็นพฤติการณ์มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ อันเป็นการร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดิน โดยให้บังคับคดีเอาทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในอายุความ 10 ปี

ขณะที่คดีในส่วนของนายภูมิ กับนายบุญทรง อดีต รมว.พาณิชย์ กับเอกชนนั้น ฝ่ายจำเลยที่ถูกตัดสินจำคุกตั้งแต่ 4-48 ปี ก็ได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว เช่นเดียวกับฝ่ายอัยการสูงสุด ก็ได้ยื่นอุทธรณ์คดีในส่วนของจำเลยกลุ่มเอกชน 8 รายที่ยกฟ้องด้วย โดยขณะนี้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ก็ได้รับอุทธรณ์ไว้พิจารณาแล้ว

 

ขณะที่นายภูมิ กับนายบุญทรง อดีต รมว.พาณิชย์ , เสี่ยเปี๋ยงและเอกชน รวม 18 ราย ที่ถูกตัดสินจำคุกนั้นก็ยังไม่มีใครได้รับการประกันตัวในชั้นอุทธรณ์แต่อย่างใด ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างรอคำฟังพิพากษาอุทธรณ์.