ศาลปกครองสูงสุด ยกคำร้องเรืองไกร สอบคุณสมบัติบิ๊กตู่

ศาลปกครองสูงสุด ยกคำร้องเรืองไกร สอบคุณสมบัติบิ๊กตู่ออกสื่อ เข้าข่ายเจ้าของกิจการ

จากกรณีสำนักงานศาลปกครอง แจ้งว่า วันที่ 5 มิถุนายน 2562 เวลา 10.00 น. ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดำ 567/2562 คดีหมายเลขแดงที่ 357/2562 ระหว่าง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ (ผู้ฟ้องคดี) กับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ถูกฟ้องคดี) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

ทั้งนี้นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ฟ้องว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมาย กรณีผู้ฟ้องคดีมีหนังสือขอให้ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ว่ามีการเปิดเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ และเว็บไซต์ส่วนตัว เพื่อสื่อสารกับสาธารณชน อันถือเป็นเจ้าของสื่อมวลชนใดๆ ที่เข้าข่ายเป็นการขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญและทำให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหรือไม่ ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีมีมติไม่รับกรณีตามหนังสือร้องเรียนของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณาโดยไม่ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามหนังสือ ที่ ลต 0019/252 ลว. 18 มีนาคม 2562 เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหาย

 

ศาลปกครองสูงสุด ยกคำร้องเรืองไกร สอบคุณสมบัติบิ๊กตู่

 

 

 

สำหรับคดีนี้ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การดำเนินการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ด้วยเหตุขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยของผู้ถูกฟ้องคดีมิใช่การกระทำทางปกครองหรือการใช้อำนาจทางปกครอง คดีนี้จึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตาม มาตรา 197 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับ มาตรา 9 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ พ.ศ. 2542 ผู้ฟ้องคดีจึงยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด

 

ศาลปกครองสูงสุด ยกคำร้องเรืองไกร สอบคุณสมบัติบิ๊กตู่

 

ล่าสุดวันนี้( 5 มิ.ย. ) ศาลปกครองกลางได้อ่านคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดในคดีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ฟ้อง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้เพิกถอนมติของ กกต.ที่วินิจฉัยข้อร้องเรียนของผู้ฟ้องคดีว่า การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดช่องทางสื่อสารกับสาธารณชนในรูปแบบเฟชบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ รวมถึงเว็บไซต์ส่วนตัว ไม่อาจถือว่าเข้าข่ายการเป็นเจ้าของกิจการสื่อมวลชนใดๆ อันจะมีผลเป็นการเข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ จึงไม่รับกรณีตามหนังสือของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณา ซึ่งศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา ผู้ฟ้องคดีจึงยื่นคำร้องอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด

 

ศาลปกครองสูงสุด ยกคำร้องเรืองไกร สอบคุณสมบัติบิ๊กตู่

 

โดยศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ในการวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวด้วยเหตุขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่  ตามมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 และมาตรา 210 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ผู้ถูกฟ้องคดีจึงมีอำนาจที่จะพิจารณาวินิจฉัยว่า กรณีใดที่จะต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ การที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีมติไม่รับกรณีตามหนังสือของผู้ฟ้องคดี จึงเป็นการใช้อำนาจของผู้ถูกฟ้องคดี อันเป็นกระบวนการและขั้นตอนที่บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะในรัฐธรรมนูญ ข้อพิพาทนี้ จึงไม่ใช่คดีปกครองที่อยู่ในอำนาจพิพากษาของศาลปกครอง

 

อย่างไรก็ตาม ศาลปกครองสูงสุด จึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง ไม่รับคำฟ้องของ นายเรืองไกรไว้พิจารณา ทั้งนี้เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้นในการอุทธรณ์คดีนี้แล้ว คดีที่ฟ้องจึงถือเป็นการสิ้นสุดขั้นตอนตามกฎหมาย

 

ศาลปกครองสูงสุด ยกคำร้องเรืองไกร สอบคุณสมบัติบิ๊กตู่

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ส.ส.วัน-ลูกเฉลิม โพสต์ น่าจะลาออกจากพรรคด้วย

ประวิตรพูดถึงม็อบต้านบิ๊กตู่กลับนั่งนายกฯ เผยจากการประเมินข่าว

โหรฟองสนามทำนายดวง"อภิสิทธิ์"เกณฑ์เปลี่ยนงานโดดเด่นมาก

"ไอติม"ลาออกประชาธิปัตย์ ในฐานะนักประชาธิปไตย รับไม่ได้การสืบทอดอำนาจ?