ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน รัฐบาล "ลุงตู่" ไปยากต้องกล้าคิดใหม่ตัดกลุ่มสามมิตรทิ้งไปเถิด

 

ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน รัฐบาล "ลุงตู่" ไปยากต้องกล้าคิดใหม่ตัดกลุ่มสามมิตรทิ้งไปเถิด โดยคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ได้ระบุเอาไว้ว่า ท่านผู้ชมจำนวนมากนะครับถามผมเข้ามาว่ามีปัญหาอะไรกับรัฐบาลลุงตู่หรือเปล่า ถึงเสนอย้ำซ้ำว่าให้มีการยุบสภา ผมก็ขอเรียนอย่างนี้นะครับว่าไม่ได้มีเป้าหมายอะไรที่เป็นพิเศษหรือชอบไม่ชอบใครเป็นกรณีพิเศษนะครับ แต่จากประสบการณ์การทำข่าวมาเกือบ 40 ปีนะครับเห็นการเมืองมาอย่างยาวนานทุกยุคทุกสมัยนะครับ

 

นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2524 เป็นต้นมา ยืนยันนะครับว่ารัฐบาลเสียงข้างมากที่มีเสียงปริ่มน้ำเพียงแค่ 4 เสียงและมีพรรครัฐบาลนับ 10 พรรค คนเป็นนายกรัฐมนตรีและพรรคที่เป็นแกนนำหลักนะครับเหนื่อยอย่างแน่นอนเพราะจะถูกต่อรอง ถูกข่มขู่ ถูกเรียกร้องตลอดเวลาให้ปฏิบัติตามความต้องการของพรรคร่วมรัฐบาลนะครับ ที่สำคัญนะครับในครั้งนี้กลับกลายเป็นว่านอกเหนือจากพรรคร่วมรัฐบาลเองแล้วนะครับ พรรคหลักอย่างพรรคพลังประชารัฐที่เสนอชื่อลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรีเองก็กลายเป็นพรรคที่เป็นตัวปัญหาเองซะอีกนะครับ สิ่งที่เราเห็นตั้งแต่ก่อนที่จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมานี่นะครับ ไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่ต่อรองเล่นเชิงเล่นท่า เรียกร้องนะครับ ตัวพรรคพลังประชารัฐ

 

คนในพรรคพลังประชารัฐโดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรเองก็มีลีลาอยู่ตลอดเวลาในการที่จะส่งสัญญาณเรียกร้องบีบและกดดันไปถึงลุงตู่ เห็นไหมครับเดี๋ยวมาดูรายละเอียด ผมจะขยายให้เห็น สุภาษิตโบราณว่าไว้ครับท่านผู้ชม ใส่เสื้อถ้ากลัดกระดุมเม็ดแรกผิด กระดุมทุกเม็ดจะผิดหมด รัฐบาลลุงตู่นี่นะครับมีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำตั้งขึ้นมามีรัฐมนตรี 4 คนลาออกมาตั้งพรรคการเมืองพรรคนี้ขึ้น ตั้งใจที่จะเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรี กระดุมเม็ดแรกที่กลัดผิดคือการรับกลุ่มสามมิตรเข้ามาในพรรค การรับตัวบุคคลไม่ใช่เรื่องแปลกแม้ตัวบุคคลจะภาพพจน์ไม่ได้เรื่อง

 

แต่การรับเข้ามาเป็นกลุ่มยิ่งหนักกว่าอีกครับ เพราะเห็นได้ถึงเจตนาของกลุ่มสามมิตรที่สร้างความเป็นกลุ่มขึ้นมาก่อนที่จะเข้ามาในพรรคพลังประชารัฐ นั่นต้องการให้เห็นว่าฉันแน่ ฉันมีเครือข่ายมีพลพรรคนะ เข้ามาแล้วต้องมีอำนาจในพรรค และหลังจากเข้ามาผลการเลือกตั้งปรากฏว่าล้มเหลวไม่เป็นท่า ได้มาไม่กี่เสียงครับ แต่แม้จะไม่กี่เสียงเราก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนครับ ก่อนวันโหวตนายกรัฐมนตรีกลุ่มสามมิตรนะครับก็ไปจัดประชุมแล้วบอกมี สส.ในสังกัด 30 คน แถลงต่อผู้สื่อข่าวอ้างว่าที่ต้องมาประชุมนี้ก็เพราะเตรียมการซักซ้อม สส.ในกลุ่มเพื่อที่จะช่วยตอบโต้ในสภา

 

ข้อเท็จจริงเหรอครับ พรรคพลังประชารัฐมี สส.ใหม่เข้ามาจำนวนมากมายที่ยังไม่รู้เทคนิคและวิธีการปฏิบัติตัวในสภา รวมทั้งข้อบังคับต่างๆ ถ้าจะมีการอบรมซักซ้อม ทำไมถึงไปจัดกันเฉพาะกลุ่มสามมิตรครับ แล้วทำไมพรรคนี้ ผู้บริหารพรรคถึงยอมให้กลุ่มสามมิตรไปจัดแบบนั้น ผู้บริหารพรรคทำไมไม่ทักท้วง รู้เห็นเป็นใจหรือทักท้วงไม่ได้ เพราะกลุ่มสามมิตรเล่ห์เหลี่ยมในทางการเมืองสูงกว่า กดดันผู้บริหารพรรคเอาไว้ได้ แล้วก็เป็นไปตามคาดจริงๆนะครับ เราจะเห็นได้นะครับการเจรจาในการตั้งรัฐบาลนั้นนะครับได้มีการดำเนินการเจรจามาเป็นระยะ พรรคการเมืองต่างๆยอมเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐเพื่อที่จะโหวตพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาหรือลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรี

ทั้งๆที่อีกฝั่งอีกฝ่ายนะครับเรียกร้องไปเข้าร่วมเสนอตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้เสียด้วยซ้ำ เขาก็ไม่ไป ยอมมาร่วมพรรคพลังประชารัฐ ยอมที่จะโหวตให้ลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะความเชื่อว่าพลเอกประยุทธ์นั้นจะนำพาบ้านเมืองไปได้ แต่หลังจากที่การเจรจารอบแรกจบลง ความปั่นป่วนก็เกิดขึ้นเพราะกลุ่มสามมิตรที่ไปดำเนินการเจรจาต่อรองซ้อนการเจรจาที่ดำเนินการไปแล้วก่อนหน้านั้น ต้องถามล่ะครับว่าไม่ปรากฏตัวผู้ที่ดำเนินการเจรจาว่าที่เรียบร้อยที่ตกลงกันโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยนั้นเจรจากับใคร และแน่นอนล่ะครับการที่พรรคประชาธิปัตย์ยอมเจรจายอมรับในข้อตกลงด้วย

 

 พรรคภูมิใจไทยด้วยนั้น แสดงว่าคนเจรจาต้องมีอำนาจนะครับ และน่าจะเป็นพลเอกประยุทธ์เองหรือไม่หรือเป็นคนที่พลเอกประยุทธ์มอบหมาย นั่นค่อนข้างที่จะแน่นอน ไม่อย่างนั้นนะครับสองพรรคหลักนะครับไม่มายืนยันที่จะร่วมด้วยอย่างแน่นอน นี่คือประเด็นที่เกิดขึ้น แต่ถามว่ากลุ่มสามมิตรที่อยู่ในพรรคพลังประชารัฐเองทำไมถึงไม่ตระหนักข้อนี้ เคลื่อนไหวเห็นได้ว่าเป็นการเคลื่อนไหวแบบน้ำเน่า ไม่ว่าจะมีการมาประชุมซักซ้อมนะครับก่อนการประชุมเพื่อแสดงพลังดังที่ได้เรียนไปแล้ว และหลังจากนั้นนะครับก็ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่สนใจ หรือเพราะอาจจะคิดว่าโหวตนายกรัฐมนตรีไปแล้วนะครับ ยังไงพรรคร่วมรัฐบาลเป็นของตาย ไม่ใช่ล่ะครับ ผมเรียนท่านผู้ชมแบบนี้ มันจะเป็นของตายไปได้อย่างไร

 

 พรรคนึงพรรคใดถอนตัว รัฐบาลก็กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ลุงตู่สิ่งที่ต้องทำ ทำอย่างอื่นไม่ได้ล่ะครับ ก็ต้องยุบสภานะครับ แต่กลุ่มสามมิตรอาจจะคิดว่าลุงตู่จะไม่กล้ายุบสภา เพราะมีเหตุผลในการที่จะดูแลรักษาบ้านเมือง ดังนั้นอาจจะยอมทำข้อเรียกร้องของตัวเอง แต่สำหรับผมนะครับขอเรียนว่าหมากเกมนี้กลุ่มสามมิตรเดินผิดอย่างแน่นอน โดยเฉพาะล่าสุดนะครับที่ให้ธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งรู้กันอยู่ว่าเป็นโฆษกของกลุ่มสามมิตรออกมาโจมตีนายอนุทิน ชาญวีรกูลอย่างรุนแรงว่าการที่ต้องการกระทรวงคมนาคม ไม่ยอมแลกไม่ยอมเปลี่ยนนั้น

 

เป็นเพราะต้องการเอาบริษัทของตนเองเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ ไปในทำนองนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่รุนแรง นั่นคือระดับหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหลักในการร่วมรัฐบาล ถามว่าทำไมคนอย่างนายธนกรกล้า แน่นอนครับต้องมีไฟเขียว จะเป็นไฟเขียวจากกลุ่มสามมิตรหรือไฟเขียวจากผู้บริหารพรรคด้วยหรือไม่ นี่เป็นเรื่องน่าคิด เพราะในขณะนี้ยังไม่เห็นผู้บริหารพรรคออกมาตำหนิติเตียนหรือพูดอะไรนะครับ นายอนุทิน ชาญวีรกูลนะครับต้องอย่าลืมว่าได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีจากอีกฝั่งอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งตัวของนายอนุทินจะรู้ด้วยตัวเองว่าไปวุฒิไม่โหวตให้ก็ไม่ผ่าน จะกลายเป็นเครื่องมือของพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ หรือเพราะด้วยอุดมกาณ์ไปร่วมไม่ได้

 

ตั้งปัญหาในเรื่องของความจงรักภักดี แต่ถ้าเขาไม่เอากับรัฐบาลนี้ นั่นเป็นเรื่องที่มีปัญหา เป็นเรื่องที่พรรคพลังประชารัฐและกลุ่มสามมิตรจะต้องคิด ถึงวันนี้แล้วนี่นะครับมีทางเลือกสำหรับการเมืองไทยอยู่ไม่กี่ทางล่ะครับ ทางเลือกแรกก็ยอมตามกลุ่มสามมิตร แต่นั่นหมายความว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ร่วมด้วย ก็ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แล้วก็ยุบสภาไป สองนะครับ ยอมพรรคร่วมรัฐบาลกลุ่มสามมิตรงอแงนะครับ ไม่โหวตในบางเรื่อง

 เพราะอ้างมี 30 เสียง ก็กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ก็ต้องยุบสภาอีก ทางที่สาม ท่านนายกลุงตู่คิดเสียตั้งแต่ตอนนี้นะครับ จัดวางยุทธศาสตร์ทางการเมืองให้ดี ถ้าคิดจะไปต่อก็ต้องเตรียมการเรื่องยุบสภา และจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ รวบรวมคนที่มีภาพพจน์ดีๆ คนหนุ่มคนสาวหรือผู้สูงวัยอะไรก็ตามแต่ที่มีเจตนาดีทางการเมือง ต้องการรักษาชาติบ้านเมืองมาร่วม อย่าเอานักการเมืองน้ำเน่าเข้าร่วมอย่างเด็ดขาดนะครับ เตะกลุ่มสามมิตรออกไปตั้งพรรคใหม่

 

หลังจากยุบสภาแล้วมาเป็นหัวหน้าพรรคเอง นี่แหละครับโอกาสทางการเมืองที่พลเอกประยุทธ์จะอยู่ต่อในอำนาจได้ ทางที่สี่ พูดแล้วนี่มันหวาดเสียวในการที่จะผิดกฎหมาย แต่สถานการณ์ที่เป็นอยู่นี่นะครับมันตะหงิดๆยังไงไม่รู้ท่านผู้ชมครับ มันมีเรื่องน่าหวาดเสียว จะเข้าทางพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่หรือกลุ่มที่ต่อต้านเผด็จการอยู่หรือไม่ แต่มันก็เห็นสภาพอย่างนี้แล้วนะครับ มันตะหงิดๆมีคนจำนวนมากทนไม่ได้ แต่คนจำนวนมากที่ว่าจะเป็นใครก็ตามแต่ ถ้าเป็นสีเขียวล่ะก็ น่ากลัว สวัสดีครับ