ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน ศึกนี้ไม่ธรรมดา ! ขอบอกว่าใหญ่หลวงนัก คำเตือนถึง พล.อ.ประยุทธ์ โดยคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ได้ระบุเอาไว้ว่า ต้องการฝากถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กองทัพและหน่วยงานความมั่นคงของประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับพรมบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งเป็นคนแรกในรัชกาลที่ 10 ทั้งความเหมะสม และเหตุผลที่คนส่วนใหญ่เชียร์พล.อ.ประยุทธ์ คือเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีสูงยิ่ง ประสานกับสามารถทำงานร่วมกับกองทัพได้ เพื่อที่จะดูแลบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย สยบระบอบทักษิณให้อยู่หมัด นี่คือความรู้สึกประชาชนที่เทใจให้พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งตัวผมด้วย

มาถึงวันนี้ ระบอบทักษิณกำลังจะหมดความหมาย ต้องสยบแพ้ภัยตัวเองไป ด้วยคลื่นลูกใหม่ที่เข้ามาแทนที่ ไม่ใช่ใครธนาธรและเหล่าสหายภายใต้โลโก้ของพรรคอนาคตใหม่นั่นเอง ตอนที่ทักษิณ ชินวัตร กระโดดเข้าสู่เวทีการเมืองนั้น เป้าหมายหลักคือเรื่องอำนาจและผลประโยชน์ที่ต้องการตอบสนองกลุ่มบริษัทและครอบครัวตระกูลของตนเอง แต่แนวคิดของทักษิณนั้น พลังซ้ายล้าหลัง และคนรุ่นใหม่เรียกตัวเองว่ากึงซ้าย กึ่งเสรีนิยมประชาธิปไตย ได้ผนึกกำลังกันเข้าไปหนุนทักษิณ ชินวัตร เมื่อทักษิณ ได้ข้อสรุปว่าสถาบันคืออุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้ทักษิณคุมอำนาจในประเทศนี้อย่างเต็มที่ กลุ่มที่เข้าไปสนับสนุนทักษิณได้พยายามใช้ทฤษฎีในการต่อสู้ ทฤษฎีในการปฏิวัติสังคมมาเคลื่อนไหวและดำเนินการจนสามารถยกระดับการต่อสู้ให้มีกองกำลังติดอาวุธในเมือง พยายามที่จะก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น เพื่อก่อการเปลี่ยนแปลงให้ได้ โดยมีการประสานจากต่างชาติ ทั้งในแง่เอากองกำลังเข้สมาสนับสนุนหากเกิดการปะทะกัน ระหว่างกองกำลังไม่ทราบฝ่าย โดยอ้างว่าเป็นกองกำลังของประชาชนกับกองทัพ รวมทั้งมีการประสานในเวทีทางการทูต เพื่อที่จะบีบคั้น บีบบังคับรัฐบาลและกองทัพให้ยอมสยบให้ดำเนอนการตามความต้องการ พวกที่คอยสนับสนุนอยู่ที่ต่างประเทศทางการทูตก็คือเครือข่ายประเทศตะวันตกทั้งหลาย แต่ปรากฏว่าการยกระดับการต่อสู้ในปี 53 ไม่ประสบผลสำเร็จแต่หลังจากนั้น ขบวนการที่เรียกตัวเองว่าขบวนการ "ตาสว่าง" ของเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งเอาประเด็นนี้ไปขยายโจมตีสถาบันอย่างหนักหน่วงและรุนแรง กระทำอย่างเปิดเผยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ท้ายที่สุดพวกนี้หนีออกนอกประเทศหมดแล้ว เพราะกลัวความผิดที่ร้ายแรง รวมทั้งความผิดตามมาตรา 112

แต่หลังจากจบเหตุการณ์พฤษภา 53 ไป ขบวนการต่อสู้ของระบอบทักษิณ ก็ยังเคลื่อนไปในแนวเดิม โจมตีสถาบันโจมตีกองทัพ โดยเฉพาะกองทัพว่าเข่นฆ่าประชาชน ขยายผลเรื่องนี้ลงสู่การเลือกตั้ง เอาความนิยมที่เคยมีแต่เดิมต่อทักษิณ ท้ายที่สุดก็ประสบชัยชนะในการเลือกตั้ง พยายามที่จะเอาทักษิณกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการนำเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับสุดซอย แต่ท้ายที่สุดก็โดนพลังมวลชน กปปส. ออกมาต้าน คนนับบล้านที่เคลื่อนออกมา ไม่ใช่เพราะรักสุเทพ แต่ต้องการสู้กับทักษิณ ท้ายที่สุดกองทัพจึงได้เข้ายึดอำนาจ

การเข้ายึดอำนาจของกองทัพ ความจริงทักษิณได้เตรียมการต่อสู้ต้องการให้มวลชนมาปะทะกับมวลชน มีการเอาคนเสื้อแดงมาชุมนุมที่พุทธมณฑลสาย 4 เพื่อที่จะเคลื่อนกำลังปะทะกับมวลชน กปปส. กำลังติดอาวุธต่างๆ มีการเตรียมการไว้พร้อมพรรค  และเมื่อมีการรัฐประหาร ก็จะมีการประกาศว่าเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น แกนนำส่วนหนึ่งหนีไปต่างประเทศ มีการจัดตั้งเครือข่ายองค์กรคล้ายๆ NGO ระหว่างประเทศขึ้น เพื่อเชื่อมโยงประสานเป็นเครือข่ายในการลุกขึ้นสู้ แต่ด้วยความชาญฉลาดในการยึดอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ประกาศภาวะฉุกเฉิน ประกาศกฎอัยการศึก การเคลื่อนกำลังออกมาก่อนที่จะมีการยึดอำนาจแล้วให้คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย มาเจอกันที่หอประชุมกองทัพบก สามารถควบคุมแกนนำทั้งหมดเอาไว้ได้ แผนการลุกขึ้นสู้ของทักษิณหรือระบอบทักษิณก็ไม่สำเร็จล้มเหลวลงอย่างไม่เป็นท่า แต่ความล้มเหลวของทักษิณและระบอบทักษิณในขณะนั้นก็ไม่ได้ทำให้เครือข่ายของระบอบทักษิณละความพยายาม เราจะเห็นได้ว่าเครือข่ายประเทศตะวันตกยังโจมตีรัฐไทยอย่างเป็นระยะ สหรัฐอเมริกาแสดงออกอย่างเปิดเผยผ่านทูต ไม่ว่าจะกี่คนที่เข้ามาประจำอยู่ในประเทศไทยแถลงกดดันโจมตีรัฐไทยมาโดยตลอด ยังรอจังหวะเวลา นั่นเพราะสหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกต้องการเข้ายึดกรุงฐานทัพอู่ตะเภา เพื่อไว้ดุลกำลังกับจีน ความพยายามของเครือข่ายตะวันตกยังเดินต่อไป จนการเลือกตั้งปี 2562 เสร็จสิ้นลง

ในการประกาศผลเมื่อวันที่ 24 มีนาคม นั้นจะต้องชัดเจนและต้องสรุปว่าคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงได้แสดงออกผ่านผลการเลือกตั้งอย่างพรรคอนาคตใหม่ที่นำโดยธนาธรและปิยบุตร ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่าเป็นขบวนการชังเจ้าหรือไม่ปลื้มสถาบัน ผลการเลือกตั้งดังกล่าวแค่ทำให้ผู้รับผิดชอบบ้านเมืองในขณะนี้ ไม่ว่าจะเปนกองทัพ หน่วยงานความมั่นคงต่างๆตกใจเล็กน้อย ว่าธนาธรได้ใช้สื่อ สาร New Media อย่างมีพลัง อย่างชาญฉลาดจึงทำให้ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง อนิจจา น่าเป็นห่วงจริงๆ ที่ต้องกล่าวคำอนิจจาด้วยความเหนื่อยหน่ายเพระาทั้งๆที่ธนาธรประกาศอย่างเปิดเผยอย่างชัดเจนว่าต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยไปตามแนวคิดของเขา แนวคิดของกลุ่มนี้คืออะไร แนวคิดคือประชาธิปไตยที่อนุญาตให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีอยู่ เขาจะดำเนินการยกระดับการต่อสู้ของประชาชนผ่านระบบรัฐสภา ทำด้วยแนวทางสันติภายใต้กรอบของกฎหมาย เตรียมการที่จะนำพาการเลือกตั้ง ลงสู่ระดับท้องถิ่นในทุกระดับ ไม่ได้หวังผลการเลือกตั้งหรอกครับ แต่ต้องการใช้เวทีการเลือกตั้งท้องถิ่นขย่มระบบเดิม ซึ่งประกอบไปด้วย สถาบัน กองทัพ ศาล หรืออะไรก็ตามแต่ พร้อมทั้งเขย่าความคิดของประชาชนด้วยตรรกะง่ายๆ อธิบายอย่างมีเหตุมีผล ด้วยการใช้ความจริงเพีงครึ่งเดียว เหมือนที่ทำได้มาแล้ว ในการเลือกตั้งทั่วไป ยิ่งเกิดประกฏการณ์ของช่อ หรือพรรณิการ์ วาณิช ก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าความคิดของช่อและเพื่อนที่ประสานกันเป็นเครือข่าย ใช้โซเชียลมีเดียอย่างเป็นระบบนั้น ถึงเวลาก็ยกขบวนเข้ามาพรรคอนาคตใหม่ และที่สำคัญไม่มีใครเคยตั้งคำถามเลยว่า ความคิดของช่อและเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งนั้นเกิดขึ้นจากอะไร ทำไมคนเหล่านี้ถึงคิดอย่างนี้ บอกได้ให้รู้ว่านี่คือผลพวงการต่อสู้ของซ้ายไดโนเสา กับซ้ายใหม่เสรีนิยมตะวันตก ที่แฟงตัวอยู่ในสถาบันการศึกษาชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นธรรมศาสตร์ จุฬาฯ เกษตรฯเชียงใหม่ ศิลปกร เหล่านี้เป็นต้น พวกเขาอบรมบ่มเพาะ ความตชคิดอย่างเป็นระบบ ความคิดที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์ สังคม อธิบายไม่ว่าจะมุมไหน ด้านใด ก็ดูเป็นเหตุเป็นผลตามความคิดของพวกเขา ผมเข้าใจเพราะผมเคยถูกอบรมอย่างนั้นมาแล้ว เด็กเหล่านี้จึงตื่นตัว แต่ตื่นแล้วเห็นความจริ
หรือไม่ นั่นไม่ใช่แน่นอนเพราะสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงครึ่งเดียว ก็ขอบอกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำกองทัพ หน่วยงานความมั่นคงทั้งหลาย ว่าศึกครั้งนี้น่ากลัว และที่เห็นและเป็นอยู่นั้น ขอบอกว่าคิดกันอย่างมักง่าย คิดเพียงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากการฝีมือการใช้โซเชียลมีเดีย มิหนำซ้ำขณะที่กำลังตั้งรัฐบาล เสียงปริ่มน้ำอยู่นี่ บรรดานักการเมืองน้ำเน่าทั้งหลาย ก็แก่งแย่งตำแหน่ง โดยเฉพาะในพรรคพลังประชารัฐที่หนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีเอง คิดดูว่าความรู้สึกของประชาชนจะเป็นอย่างไร เสื่อมถอยเสื่อมทรุดมั้ยครับ พล.อ.ประยุทธ์ เคยด่านักการเมืองเหล่านี้ แล้ววันนี้นักการเมืองเหล่านี้ก็มาเป็นฐานของพล.อ.ประยุทธ์ ในขณะที่ธนาธรปิยบุตรและเครือข่ายยังเดินทำงานอย่างเป็นระบบ พูดถึงแต่เรื่องอุดมการณ์และสิ่งที่ประชาชนจะได้

คิดว่าผลระยะยาวจะเป็นอย่างไร คงไม่ต้องบอกว่าจะเป็นอย่างไร ทางแก้มีไหม? มีครับ เราเคยผ่านวิกฤตอย่างหนักหน่วงมาแล้ว ในสงครามของขบวนการคอมมิวนิสต์ แก้ได้ไหมครับ? แก้ได้ อยากรู้ ต้องมาถามสนธิญาณครับ ไม่ใช่โอ้อวด แต่ถ้าคิดว่าผมให้ราคากับธนาธรเกินไป ให้ราคากับพรรคอนาคตใหม่เกินไป ก็แล๊วแต๋ ตามใจท่านล่ะครับ สวัสดีครับ

 

อ่านข่าวที่อาจจะเกี่ยวข้อง :

“สนธิญาณ” สดุดี “พลเอกเปรม” สามัญชน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน

อย่าประมาท!! "สนธิญาณ"พรรคเล็กตัวแปรสำคัญ!! หลังเลือกตั้ง..จับมือทักษิณ..สกัดลุงตู่!

"สนธิญาณ"ล่อนจ้อน"หญิงหน่อย-ปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทย" ตกยกพรรค เหมือนผึ้งแตกรังบทอวสานของ"ทักษิณ"?

"สนธิญาณ"ฟันธง!! "ทักษิณ"หลอก "หญิงหน่อย"เพื่อไทยหลอกประชาชน...คนไทยเชื่อไหม ?