ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน เอาไงดี “ลุงตู่” ??? ถูกสวนแล้วนะว่าไม่ใช่ทหารจะมาสั่งอย่างโน้นอย่างนี้

ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณ ได้นำเสนอในตอน เอาไงดี “ลุงตู่” ??? ถูกสวนแล้วนะว่าไม่ใช่ทหารจะมาสั่งอย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ได้ระบุเอาไว้ว่า   สวัสดีครับท่านผู้ชมครับ วันนี้พบกันนอกสถานที่อีกครั้งหนึ่งครับ ช่วงนี้ภารกิจเยอะเหลือเกินครับ แต่ภารกิจผมจะยุ่งเหยิงอย่างไรก็ไม่ยุ่งเท่ากับการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือลุงตู่หรอกครับ จะเอาอย่างไรกันดีล่ะครับลุงตู่ จะไปข้างไหนกันดี คนโน้นก็จะเอาอย่างนั้น คนนั้นก็จะเอาอย่างนี้ ที่จะเอาอย่างโน้นอย่างนี้อย่างนั้นกันนี่นะครับ 


ทั้งสิ้นทั้งปวงมาจากอำนาจและผลประโยชน์ทั้งสิ้น และที่เป็นเหตุให้เกิดอย่างนี้นี่นะครับ สาเหตุหลักมาจากการที่รัฐบาลมีเสียงข้างมากปริ่มน้ำ มากกว่าพรรคฝ่ายค้านเพียงแค่ 8 เสียง นั่นก็คือรัฐบาลมีเกินครึ่งมา 4 เสียง 254 ในขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้านมี 246 แรงเหวี่ยงแค่ 5 เสียงล่ะครับ ทำให้รัฐบาลกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยทันที นี่คือปัญหาหลักครับที่ทำให้เกิดการต่อรองจากคนโน้นคนนี้ พรรคนั้นพรรคนี้ กลุ่มโน้น กลุ่มนี้ อยู่ตลอดเวลา และสาระสำคัญนะครับของรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำในครั้งนี้ก็คือ การที่มีพรรคร่วมรัฐบาลถึง 19 พรรคนะครับ มีตั้งแต่พรรคร้อยกว่าเสียงแบบพรรคพลังประชารัฐไปจนถึงพรรคห้าสิบกว่าเสียงอย่างประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และกลายเป็นพรรคสิบเสียง ห้าเสียง สามเสียง สองเสียง หนึ่งเสียง แตกกระจัดกระจายกันไม่มีชิ้นดีครับท่านผู้ชม 

การที่แตกกระจัดกระจายอย่างไม่มีชิ้นดีนี่แหละครับ ทำให้ทุกคนรู้ว่านี่คือจุดอ่อนของรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ การต่อรองตำแหน่ง ผลประโยชน์นะครับเกิดขึ้นทันที ในพรรคพลังประชารัฐกลุ่มโน้นกลุ่มนี้กลุ่มนั้น โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรนี่นะครับ ซึ่งวันนี้นายสมศักดิ์ได้ออกมาบอกว่าไม่มีกลุ่มสามมิตร จะไม่มีได้อย่างไรก็ในวันที่ 4 มิถุนายน ก่อนหน้าจะเลือกนายกรัฐมนตรี 1 วัน ก็ไปประชุมและบอกว่าตัวเองมีเสียงอยู่ 30 เสียงนะครับ กลับมาดูในพรรคประชาธิปัตย์นะครับระหว่างกลุ่มแพ้กับกลุ่มชนะนะครับ จัดสรรตำแหน่งลงค่อนข้างจะลงตัว แต่ก็ปรากฎว่ามีคนในพรรคบอกว่าจะต้องตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีว่ามีความโปร่งใสมากน้อยแค่ไหน

 เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอรัปชั่นหรือไม่ และไม่ทันขาดคำล่ะครับ ศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องมืออาชีพก็มาร้องนายนิพนธ์ บุญญามณี ว่ามีคดีค้างคาอยู่ที่ ปปช. นี่ก็เป็นปัญหาของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต้องมานับพรรคเล็กพรรคน้อยทั้งหลายหรอกครับ ที่วันนี้นะครับมีการเคลื่อนไหวกันอย่างเต็มที่ต่อรอง ล่าสุดดำรงค์ พิเดชนะครับ หัวหน้าพรรคอนุรักษ์ผืนป่าก็ออกมายืนยันจะเป็นฝ่ายค้านอิสระซะแล้ว เพราะไม่มีการพูดคุยเจรจาในเรื่องตำแหน่งที่ตนเองอยากได้ โดยเฉพาะการทำงานด้านสิ่งแวดล้อม เพราะวันนี้กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม พรรคพลังประชารัฐก็มอบให้กับพรรคชาติไทยพัฒนา

 แน่นอนล่ะครับไม่ว่ารัฐมนตรีว่าการ รัฐมนตรีช่วย สองเสียงจะเอารัฐมนตรีช่วยได้อย่างไร จะไปเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ก็อยู่ที่พรรคชาติไทยเขาจะให้หรือไม่ให้ นี่แหละครับเป็นประเด็นที่ค้างคาอยู่ทั้งสิ้น นี่แค่ขนาดเริ่มต้นนะครับท่านผู้ชม โหวตรัฐมนตรีผ่านไปมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าลงมาแล้ว ยังไม่ได้จัดตั้งคณะรัฐมนตรี ยังไม่ได้เข้าสู่ขั้นตอนการบริหารราชการแผ่นดินอย่างจริงๆจังๆ การแก่งแย่ง การต่อรองผลประโยชน์เกิดขึ้นจนประชาชนเบื่อหน่ายและเอือมระอาซะแล้ว ลองจินตนาการต่อไปครับว่าเมื่อรัฐบาลจัดตั้งแล้ว มีคณะรัฐมนตรีแล้ว ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้วนะครับ ผลที่เกิดตามมาคืออะไร มันจะเกิดผลประโยชน์มากมายจากการจัดทำงบประมาณประจำปี จากการกระจายงบประมาณไปที่หน่วยงานต่างๆนะครับ ผลประโยชน์ต่างๆในการที่กรม กระทรวง จะดำเนินการบริหารให้เป็นไปตามนโยบายนะครับ ใครได้ไม่ได้นะครับจะมีการวิ่งเต้นนะครับ 

 

คนที่เคยสนับสนุนพรรคนะครับ จี้จะเอาตรงโน้นจะเอาตรงนี้นะครับ ทุกคนก็จะพุ่งเข้ามา ถ้ารัฐบาลเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากที่มีเสถียรภาพ 270 เสียง 280 เสียง สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น แต่เพราะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยปริ่มน้ำนะครับ สส. 1 คน 2 คน 3 คน ก็ก่อให้เกิดปัญหาเสถียรภาพของรัฐบาลแล้ว เกิดแรงเหวี่ยงต่อรัฐบาลแล้ว นี่คือข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ครับ โดยข้อเท็จจริงดังที่ผมได้เรียนไปแล้วนะครับท่านผู้ชมครับ ในขณะนี้ไม่ว่าลุงตู่จะมั่นใจอำนาจของตัวเองขนาดไหน จะมีกองทัพกี่กองทัพสนับสนุนก็ตามแต่ ไม่มีความหมายครับ เพราะกองทัพทั้งกองทัพไม่สามารถรักษารัฐบาลลุงตู่ในสภาได้ ในสภา สส.เพียง 1 คน 2 คน 3 คน 4 คน 5 คน นี่นะครับ

 ล้มรัฐบาลลุงตู่ได้ อันนี้แหละครับที่บอกว่ารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำจึงมีปัญหา เอาอย่างรูปธรรม เมื่อไม่กี่ว่าที่ผ่านมานะครับในการประชุมสภา ได้มีผู้มีบารมีในรัฐบาลคนนึงได้โทรไปหาสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เพื่อจะพูดในเรื่องของการโหวต ว่าควรจะโหวตกันยังไง สุริยะตอบผู้มีบารมีคนนั้นว่ายังไงทราบไหมครับ ผมไม่ใช่ทหารที่จะมาสั่งอย่างโน้นอย่างนี้ จนเกือบจะมีเรื่องกันในสภาครับท่านผู้ชม นี่คือตัวอย่างดังนั้นจะเอาอย่างไรดี แม้วันนี้ชัดเจนแล้วว่าลุงตู่จะมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนะครับ ไม่มีทางที่จะเป็นอย่างอื่น แต่จะทำอย่างไรต่อครับ เมื่อรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำไม่มีความมั่นคงนะครับ โอกาสที่จะไปมีอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ลุงตู่จะต้องคิดในวันนี้ก็คือการที่จะต้องเอาพรรคพลังประชารัฐเดินหน้าในทางการเมืองอย่างไรต่อไป เมื่อเข้ามานั่งเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว นั่นก็คือจะต้องกำหนดยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปล่ะครับ ซึ่งจะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันไม่ช้าไม่นานแน่นอน จากเหตุผลที่ผมได้เรียนไปแล้ว 

และที่สำคัญ จะมั่นใจได้อย่างไรล่ะครับ ว่าถ้าเลือกตั้งครั้งหน้าเสียงจะชนะ ไม่ปริ่มน้ำแบบนี้ เพราะฝ่ายค้านเข็มแข็ง แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา มีทางเดียวที่ผมเรียนและยืนยันมาเสมอครับ การตัดสินใจตั้งคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ต้องฟังเสียงประชาชน ต้องเอาประชาชนเป็นหลังพิงให้ประชาชนร้องโอ้โห ไม่ใช่ร้องยี้นะครับ และใช้ระยะเวลาที่เหลือทำงานอย่างเต็มที่โดยตัวนายกรัฐมนตรี จะต้องชัดเจน เกิดการทุจริตต่อไปไม่ได้ ทุ่มเทการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จี้ไปที่พรรคร่วมทุกพรรคให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพราะพรรคร่วมก็จะได้ประโยชน์นะครับ เลือกตั้งครั้งใหม่เอาให้เด็ด เอาให้ชนะ ให้เสียงเลยจากปริ่มน้ำให้ได้ นั่นแหละครับเป็นทางออกของประเทศ ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นก็ต้องยึดอำนาจ ไม่ได้ซิครับ วันนี้ยึดอำนาจก็ผิดกฎหมาย และไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆแน่นอน ตัวใครตัวมัน