มากันที่กรณีของคุณช่อ พรรณิการ์เธอปรากฏตัวออกมาแล้วหลังจากที่เก็บตัวเงียบหายไปนาน หลังจากที่เกิดประเด็นปัญหาเรื่องการโพสต์เฟสบุ๊คถูกแชร์การออกมา ปรากฏวันนี้หน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับการออกมาชี้แจ้งของคุณช่อ พรรณิการ์เอาไว้ อย่างหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ลงบอกว่าโพลช่อขอสังคมลืมอดีตมองปัจุบัน ส่วนหนังสือพิมพ์ผู้จัดการลงไว้ว่า ช่อของอภัยที่โพสต์รูปรับปริญญารับมองกลับรู้สึกมีความไม่เหมาะสม

มากันที่กรณีของคุณช่อ พรรณิการ์เธอปรากฏตัวออกมาแล้วหลังจากที่เก็บตัวเงียบหายไปนาน หลังจากที่เกิดประเด็นปัญหาเรื่องการโพสต์เฟสบุ๊คถูกแชร์การออกมา ปรากฏวันนี้หน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับการออกมาชี้แจ้งของคุณช่อ พรรณิการ์เอาไว้ อย่างหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ลงบอกว่าโพลช่อขอสังคมลืมอดีตมองปัจุบัน ส่วนหนังสือพิมพ์ผู้จัดการลงไว้ว่า ช่อของอภัยที่โพสต์รูปรับปริญญารับมองกลับรู้สึกมีความไม่เหมาะสม โดยในเนื้อหาคำชี้แจงของคุณพรรณิการ์ที่ได้ชี้แจงเอาไว้ เรื่องการโพสต์ภาพรับปริญญาเป็นการโพสต์สมัยที่เรียนจบใหม่ๆ ขณะนั้นการเมืองมีความเข้มข้นและก็รุนแรงและมืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยในช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมาซึ่งในยุคที่เธอเป็นนิสิตการเมืองมีความเข้มข้นเพราะมีการรัฐประหารในปี49 ในวันที่เธอเข้าเรียนปี1เพียงไม่กี่เดียวและจบในช่วงที่มีการชุมชุนปี53  เธอใช้คำนั้นซึ่งการที่เราเรียนรัฐศาสตร์ความน่าใจทางการเมืองเป็นไปอย่างเข้มข้นและในคณะรัฐศาสตร์หลายๆมหาลัยก็มีความตื่นตัวและสนใจการเมืองค่อยข้างสูง ส่วนรูปที่โพสต์ส่องไปในประเด็นของการพาดพึงเบื้องสูง คุณพรรณิการ์ก็ชี้แจงจะพาดพึงหรือไม่พาดพึงไม่รู้คงแล้วแต่จะมองกัน สำหรับรูปที่เป็นปัญหาเธอยอมรับว่าเมื่อมองย้อนกลับไปเธอก็รู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากการตีความที่มีหลากหลายของแต่ละคนที่ตีความเธอก็ต้องอภัยที่รูปนี้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจและเธอก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่งที่ภาพๆนี้ทำให้เกิดบทสนทนาไม่สร้างสรรค์บนสือโซเซียลมีเดียและอาจจะสร้างความเกียดชั่งและนำไปสู้บทสนทนาที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายไหนเลยในเหตุการณ์แบบนี้ที่สังคมไทยต้องการเดินไปข้างหน้า