ลัคนาเมืองของมฤตยู!! "ฟองสนาน" ทำนายดวงเมืองไม่ใช่ 2475 แต่ระวังการต่อสู้ทางอุดมการณ์-ความคิด

ลัคนาเมืองของมฤตยู!! "ฟองสนาน" ทำนายดวงเมืองไม่ใช่ 2475 แต่ระวังการต่อสู้ทางอุดมการณ์-ความคิด

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.62 โหรฟอง สนาน จามรจันทร์ นักทำนายดวงชะตาชื่อดังได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุดังว่า... แม้ภูมิปัญญาด้านโหรของผู้เขียนจะสรุปว่าการมาทับลัคนาเมืองของมฤตยูรอบนี้จะไม่ใช่รอบ 2475 แต่ก็ขอสรุปภาพรวมสำคัญจากหนังสือที่เคยเขียนไว้สองเล่มคือคู่มือรับมือมฤตยูผู้อาเพศวางจำหน่ายเมษายน 2559 และหนังสือลอกคราบใหม่ประเทศไทยที่ตีพิมพ์ตั้งแต่มกราคม 2558 โดยสำนักพิมพ์กรีนส์ปัญญาญาณมาเป็นกรอบกว้างๆให้พอเข้าใจยิ่งขึ้นและช่วยกันระมัดระวังสถานการณ์ในบ้านเมืองดังนี้

 

1.เรื่องร้าย-ดี สามารถเกิดขึ้นในเมืองตลอดเหมือนธรรมชาติของชีวิต อ่านอาการจากดวงเมืองคือหากช่วงใดสถานการณ์นิ่งผิดปกติให้ระวังตัวไว้เพราะบางอย่างไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้ แต่หากช่วงใดเกิดวิกฤติหรือยุ่งยากมักจะมีโอกาสที่ดีตามมา

 

2.ในบรรดาเรื่องทั้งดีและร้ายในเมืองนั้น ตั้งแต่ประมาณมีนาคม 2559 เป็นต้นมามฤตยูจรเจ้าของภัยอาเพศ-การปฎิวัติ-เปลี่ยนแปลงใหญ่มาทับลัคนาดวงเมืองที่สถิตราศีเมษเป็นรอบที่สามจนเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในเมือง การเมือง บุคคลสำคัญในเมืองพรรคการเมืองฯลฯชนิดล้อคถล่มคาดไม่ถึง และการเขย่านี้จะยังไม่จบจนกว่าจะหลังกรกฎาคม2565ไปแล้ว  ส่วนผลที่คาดไว้ก็จะเหมือนที่ย้ำบอกตลอดคือหากเรายืนอยู่ข้างกำแพงพระนครในเดือนกรกฎาคม2565 มองย้อนกลับมาเราจะถามตัวเองว่าเมืองเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

 

3.ไม่ว่ามฤตยูจรจะเขย่าแค่ไหนการมาทับลัคนาเมืองของมฤตยูรอบนี้จะคล้ายๆรอบเจ็ดปีของปลายรัชกาลที่สามต่อต้นรัชกาลที่สี่ ไม่ร้ายแรงเท่ากับการมารอบที่สองคือระยะเจ็ดปีของการปฎิวัติสยาม 2475

 

4.แม้จะไม่คล้ายรอบ 2475 แต่นับตั้งแต่ 2 มีนาคม 2562 เป็นต้นมาเกิดปรากฎการณ์ใหญ่แทรกเข้ามาในดวงเมืองรัตนโกสินทร์ คือการเริ่มปรากฏขึ้นปลายขอบฟ้าของยุคใหม่-ยุคที่ 13 ของเมืองยุคใหม่นี้จะกินเวลายี่สิบปี

 

ลัคนาเมืองของมฤตยู!! "ฟองสนาน" ทำนายดวงเมืองไม่ใช่ 2475 แต่ระวังการต่อสู้ทางอุดมการณ์-ความคิด

5.สิบยุคก่อนในอดีตจากหนังสือโหราศาสตร์ใทยในวรรณคดีของอ.เทพย์ สาริกบุตรคือมหากาฬ-พันธุยักษ์-รักบัณทิต-สนิทธรรม-จำแขนขาด-ราชโจร-ชนร้องทุกข์-ยุคทมิฬ-ถิ่นกาขาว-ชาววิไลหรือราชวิไล  ต่อจากยุคชาววิไล ผู้เขียนได้คิดการเกิดและอาการสำคัญของยุคสิบเอ็ดคือช่วงเวลายี่สิบปีที่โชติช่วงชัชวาล นำก๊าซธรรมชาติที่พบในอ่าวไทยมาใช้ทำโครงการพัฒนาพื้นที่ชายทะเลภาคตะวันออก ส่วนยุคสิบสอง คือ ยี่สิบปีที่เพิ่งผ่านไปคือยุคโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ท

 

6.ยุคที่ 13 ของกรุงรัตนโกสินทร์ที่เริ่มปรากฏมาตั้งแต่ 2 มีนาคม 2562 ที่จะกินระยะเวลายาวนานไปอีกยี่สิบปีนี้สรุปคือน่าจะเป็นยุค 4.0 ขึ้นไป ที่ผู้เขียนคนยุคเกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สองมึนงง ด้วยจากที่เคยใช้กระดานชนวนเปลี่ยนมาเป็นจอกระจก

 

7.ตีความตามหลักโหร การเกิดของยุคที่สิบสาม-4.0ขึ้นไปนี้เกิดจากการแตะร่วมราศีของพฤหัสบดีจรหัวหน้าดาวดีและพระเสาร์จรหัวหน้าดาวร้ายในราศีธนู ซึ่งเป็นภพที่เก้า-ศุภะของเมืองซึ่งแม้จะเจริญรุ่งเรืองหลายด้านแต่ก็มีเรื่องที่ต้องระวังคือ ภพศุภะนี้ครูโหรผู้ล่วงลับยอดธง ทับทิวไม้ให้หนึ่งในความหมายในหนังสือโหราศาสตร์เศรษฐกิจและการเมือง คือทัศนะ-อุดมการณ์-ศาสนา-ปรัชญาและลัทธิการเมือง ผู้เขียนจึงคาดว่าตลอดระยะเวลายี่สิบปีของยุคที่สิบสามนี้จะมีการต่อสู้ทางอุดมการณ์อย่างเข้มข้น
ตัวอย่างในอดีตของเหตุการณ์สำคัญในยุคที่หัวหน้าดาวดีและร้ายร่วมกันในภพศุภะดวงเมืองคือการเกิดขึ้นของขบวนการแบ่งแยกดินแดนภาคใต้ และการเกิดขึ้นของลัทธิคอมมิวนิสต์

 

8.ในหนังสือลอกคราบใหม่ประเทศไทยจึงได้เตือนว่าการเกิดขึ้นของยุคที่สิบสามให้ระวังการต่อสู้ทางความคิดที่สำคัญซึ่งขณะเขียนหนังสือในปี 2558 ก็ยังคาดหมายไม่ได้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ขณะเริ่มเห็นชัดเจนประเด็นแรกคือประชาธิปไตย-ไม่เป็นประชาธิปไตย

 

ลัคนาเมืองของมฤตยู!! "ฟองสนาน" ทำนายดวงเมืองไม่ใช่ 2475 แต่ระวังการต่อสู้ทางอุดมการณ์-ความคิด

9.การต่อสู้รอบนี้จะเป็นไปตามอาการของมฤตยูคือความล้ำสมัยระหว่างรุ่น(ยุค)ของคนของเมืองรัตนโกสินทร์คือคนรุ่นใหม่บอกอีกฝ่ายว่าล้า-ตกสมัย ขณะที่คนรุ่นเก่ามองเด็กรุ่นใหม่ว่าไร้รากหรือวิตถารแล้วทำสงครามไซเบอร์ชนิดเลือดท่วมจอกระจก
หากไม่ระวังเกรงความขัดแย้งบนจอจะกลายเป็นบนถนนในช่วงที่ดาวจรเดินยุทธ์หรือปะทะกันในช่วงยี่สิบปีของยุค นี่คือสิ่งที่สังคมพึงระวัง พร้อมกับการแทรกแซงหรืออิทธิพลของต่างชาติ

 

10.ส่วนผลของการปะทะกันจะเป็นอย่างไรนั้นคงคาดหมายยาก แต่สิ่งหนึ่งที่พอจะบอกได้คือชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ออกแบบมาเข็มแข็งและอยู่รอด หากมีเหตุเพศภัยใดๆก็ผ่านพ้นไปได้แม้บางครั้งจะสาหัสหรือเส้นยาแดงผ่าแปด เช่นเรื่องลัทธิคอมมิวนิสต์สู้กันแทบเป็นแทบตาย และกองทัพเวียดนามจ่อชายแดนแต่เมืองเราก็ไม่ล้มเป็นโดมิโน่เหมือนที่ต่างชาติคาดหมาย-หรือคนไทยบางกลุ่มทิ้งเมืองไปเพราะกลัว สถานการณ์ภาคใต้ขณะนี้เริ่มจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นผิดหูผิดตา

 

11.จึงเป็นคำถามทิ้งท้ายว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะเดินผ่านยุคที่สิบสามโดยไม่เสียเลือดเนื้อคนไทย ส่วนผู้เขียนก็ทำได้เพียงแต่ส่งสัญญาณทางโหรและพยายามปฏิวัติเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้ากับยุคสมัย แต่ที่จะเปลี่ยนแปลงยากคือความคิดซึ่งคนรุ่นใหม่อาจจะเห็นว่าคร่ำครึ และยังพร้อมจะปกป้องความคิด-ความเชื่อนั้นเต็มที่