กอร์ปศักดิ์ ไม่ใช่คนแรกและคนสุดท้ายที่ลาออกจาก ปชป.จับตาพรรคใหม่ไม่นานเกินรอ!!!

ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณได้นำเสนอ ตอนกอร์ปศักดิ์ ไม่ใช่คนแรกและคนสุดท้ายที่ลาออกจาก ปชป.จับตาพรรคใหม่ไม่นานเกินรอ!!!

ในรายการเที่ยงตรงกับสนธิญาณได้นำเสนอ ตอนกอร์ปศักดิ์ ไม่ใช่คนแรกและคนสุดท้ายที่ลาออกจาก ปชป.จับตาพรรคใหม่ไม่นานเกินรอ!!! โดยคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธ ระบุว่า อีกไม่กี่วันเราจะเห็นหน้าตาของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่อย่างแน่นอนครับ ข่าวล่าสุดท้ายบอกว่าหลายคนอาจจะหลุดโผนะครับหลังจากที่ปรากฎโผไปตามสื่อต่างๆ ก็ต้องจับตาดูกันล่ะครับว่าท้ายที่สุดแล้วนะครับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาจะเลือกมีชื่อ ครม.ยี้เพื่อดุลเสียงในสภา หรือว่าเลือก ครม.ที่ยืนกลางใจประชาชนแม้เสียงข้างน้อยก็ไม่แคร์ เพื่อจะเดินหน้าทางการเมืองในทิศทางที่ถูกต้องต่อไป

 อันนี้ต้องจับตากันครับ วันนี้อยากให้มาดูพรรคประชาธิปัตย์กันซักนิดครับก่อนหน้าจะมีการเลือกประธานรัฐสภา ระหว่างมีการเจรจาร่วมรัฐบาล ข่าวสารพรรคประชาธิปัตย์หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย เงียบหายไประยะหนึ่ง วันนี้เกิดประเด็นขึ้นมาอีกครั้งครับเมื่อมีข่าวว่ากอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ได้ลาออกจากพรรค ก็ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เกิดกระแสขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งว่าเกิดอะไรขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์ จะดูกระแสเรื่องนี้นะครับก็ต้องทำความเข้าใจและรู้จักก่อนนะครับว่ากอร์ปศักดิ์ สภาวสุ นี่เป็นใครนะครับ ก่อนหน้านี้ต้องถือว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในพรรคอย่างยิ่งนะครับเมื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี พ.ศ.2551 นั้นนะครับ 

กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ขึ้นสู่ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ นั่นถือว่าไม่เบาทีเดียว และมีความสำคัญอย่างยิ่งนะครับหลังจากที่ทำงานในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจมาประมาณหนึ่งปีเศษๆ ปรากฎว่ากอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ได้ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจครับ แต่การลาออกครั้งนั้นไม่ใช่เพราะมีปัญหาในพรรค แต่เป็นการลาออกเพื่อปรับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลนะครับ จากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจกอร์ปศักดิ์ มานั่งในตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญนะครับ ถือเป็นขุนพลคู่กาย คู่ใจของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเลยทีเดียว

 หลังจากที่มาทำงานได้ในระยะหนึ่งนะครับก็เกือบจะครบปีในปี พ.ศ.2553 อภิสิทธิ์ก็ยุบสภา ว่ากันว่าการยุบสภาของอภิสิทธิ์ในครั้งนั้นเป็นข้อเสนอของกอร์ปศักดิ์ นั่นเอง และหลังจากนั้นนะครับบทบาทของกอร์ปศักดิ์ สภาวสุก็หายไปจากเส้นทางทางการเมืองโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ เพราะไม่ได้ดำรงตำแหน่ง ส.ส. ยิ่งพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในสถานะพรรคฝ่ายค้านก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย มาบวกกับการรัฐประหารของคณะ คสช. บทบาทของกอร์ปศักดิ์ก็เรียกว่าจมหายไป ดังนั้นนะครับเมื่อมีคนทักท้วงว่า กอร์ปศักดิ์ มาลาออกในตอนที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังตกต่ำย่ำแย่ ไม่เป็นการทิ้งพรรคหรือ นี่คือเหตุผลที่กอร์ปศักดิ์พูดว่า นอกเหนือจากเหตุผลอื่นแล้วนะครับ

 สิบปีไม่มีบทบาทในพรรคมานานแล้ว สิ่งที่เราต้องจับตาดูล่ะครับว่าเหตุผลที่กอร์ปศักดิ์ยังไม่ได้พูดคืออะไร และจะมีส่วนเชื่อมโยงไปสู่ทิศทางอย่างไรของพรรคประชาธิปัตย์ในอนาคตข้างหน้า ถ้าเราส่องกล้องเข้าไปมองพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของหัวหน้าพรรคคนใหม่คือจุรินทร์ ลักษณะวิสิตในขณะนี้นะครับ เราก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าบทบาทภายในพรรคนะครับยังอยู่ภายใต้ผู้มีบารมีชื่อ ชวน หลีกภัย บรรยัติ บรรทัดฐาน ชัดเจนว่าสองท่านนี้คือผู้ที่สนับสนุนจุรินทร์ ลักษณะวิสิตให้ชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกลายมาเป็นผู้บริหารพรรคในขณะนี้ โดยผู้ที่ลงมือปฏิบัติการ เดินเกมในการหาเสียงต่างๆคือนิพนธ์ บุญญามนีนะครับ ซึ่งเป็นคนสนิทของบรรยัติ บรรทัดฐานและเคยเป็นอดีตเลขาส่วนตัวของชวน หลีกภัย นะครับ แม้จุรินทร์จะประกาศว่าพรรคประชาธิปัตย์ยุคใหม่จะบริหารแบบอเวนเจอร์ นั่นก็หมายถึงไปกันเป็นทีมเหมือนในหนังอเวนเจอร์นะครับ แต่ปรากฎว่าเมื่อจุรินทร์เปิดตัวทีมอเวนเจอร์เศรษฐกิจยุคใหม่ หรือที่เรียกว่าเศรษฐกิจทันสมัย

 ปรากฎว่าผู้นำทีมเป็นรองหัวหน้าพรรคที่ชื่อปริญญ์ พานิชภักดิ์ เป็นบุตรชายของศุภชัย พานิชภักดิ์ ปริญญ์ ก้าวเข้ามาด้วยการสนับสนุนจุรินทร์ภายในพรรคจึงได้เป็นหัวหน้าคณะทำงานทางด้านเศรษฐกิจในครั้งนี้ พร้อมทั้งระดมผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจด้านต่างๆเข้ามา 10 คน ซึ่งถือว่าเป็นคนหน้าใหม่ เป็นคนเลือดใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น ทีมเศรษฐกิจชุดนี้ ทีมอเวนเจอร์ที่จุรินทร์เปิดตัวและหมายมั้นปั้นมือว่าจะขับเคลื่อนผลงานของพรรคให้เป็นที่ประจักษ์นั้นไม่ปรากฎชื่อของทีมเศรษฐกิจยุคเก่าเลย โดยเฉพาะชื่อของกรณ์ จาติกวณิช เป็นที่รับรู้และยอมรับกันครับว่ากรณ์คือมือเศรษฐกิจคนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ และจะเรียกได้ว่าเป็นผู้บริหารเศรษฐกิจคนสำคัญของประเทศก็ได้

 เมื่อครั้งที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โชว์ฝีมือทำงานจนเป็นที่ยอมรับ เรียกว่าได้รับรางวัลรัฐมนตรีคลังดีเด่นของโลกเลย ในยุคของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำการเลือกตั้งในครั้งนี้ กรณ์ก็เป็นรองหัวหน้าพรรคที่คุมยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ แต่เมื่อกรณ์ลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคกับจุรินทร์ ลักษณะวิสิตในห้วงเวลาที่ผ่านมาแล้วก็พ่ายแพ้ให้จุรินทร์ไป เรียกว่าอย่างหมดรูปนะครับ ชื่อของกรณ์ก็หายออกไปจากกระบวนการหรือตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์ แน่นอนครับคุณจุรินทร์ก็ต้องจัดทีมใหม่ที่เป็นทีมของตัวเองเข้ามาเหมือนกับทีมอเวนเจอร์เศรษฐกิจนี่แหละครับ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง กรณ์ยืนยันว่ายังจะทำงานให้พรรคประชาธิปัตย์ต่อไป แม้จะไม่มีบทบาทอะไรในพรรค ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็ตามที แต่ก็ทำได้ในฐานะหน้าที่ ส.ส.เพียงเท่านั้น จึงเป็นเรื่องที่จะต้องจับตาว่าทีมเศรษฐกิจของจุรินทร์ชุดใหม่หลังจากที่ตั้งรัฐบาลแล้วนี่นะครับจะช่วยทำงานให้จุรินทร์นำพาพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมามีชื่อเสียงให้กลับมาเป็นที่ยอมรับของประชาชนได้หรือไม่นะครับ

ซึ่งแน่นอนครับถ้าสำเร็จนะครับนั่นก็คือชื่อของกรณ์ จาติกวณิช และอีกหลายคนซึ่งเคยทำงานให้พรรค เคยมีบทบาทโดดเด่นนะครับก็ต้องห่างหายไป ก็อยู่ที่ว่ากรณ์ จาติกวณิชหรือคนเหล่านี้จะได้กลับมามีบทบาทอีกครั้ง เพราะสามารถมาช่วงชิงการนำในพรรค มาลงแข่งการเลือกตั้งครั้งใหม่ แล้วประสบความสำเร็จ หรือว่าถอดใจ ถอยออกตั้งแต่จังหวะเวลาที่เหมาะสม อันนี้ต้องจับตาดูกันครับ กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ถอยออกไปในวัย 70 ปี ไม่ใช่เรื่องแปลกล่ะครับ เพราะห่างหายจากพรรคไปแล้วถึง 10 ปี นะครับ เป็นเหตุผลที่พอจะยอมรับได้ แต่ชัดเจนครับว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคของใครคนใดคนหนึ่ง การต่อสู้ในพรรคเป็นเรื่องปกติธรรมดา 

แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายหลังจากการต่อสู้ ฝ่ายพ่ายแพ้ก็มักจะไม่มีบทบาทในพรรค เพราะการจัดสรรตำแหน่งกัน ทำให้ฝ่ายแพ้ถอยออกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ มีบทเรียนให้เห็นหลายครั้งหลายหน ดังนั้นนะครับการลาออกของกอร์ปศักดิ์ไม่ใช่คนแรกในพรรคประชาธิปัตย์ และผมเรียนว่าจะไม่ใช่คนสุดท้ายอย่างแน่นอน ก็ต้องจับตาดูล่ะครับว่าคนต่อไปที่จะลาออกนะครับในห้วงจังหวะเวลาที่เหมาะสมตามที่ผมว่าจะเป็นใคร และจะเกิดพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาอีกหรือไม่นะครับ ผมยืนยันได้ว่านี่ไม่ใช่แค่คำวิเคราะห์แต่เป็นข่าวสารที่มีที่มาและมีที่ไป โปรดตามกันด้วยใจระทึกครับ สวัสดีครับ