จับตาอนาคตประชาธิปัตย์  ผลัดใบแล้วงัย จับสัญญาณ “กรณ์” คับใจอยู่ยาก??

จับตาอนาคตประชาธิปัตย์ ผลัดใบแล้วงัย จับสัญญาณ “กรณ์” คับใจอยู่ยาก??

กลายเป็นประเด็นร้อนการเมืองเวลานี้  เมื่อสมาชิกพรรคคนสำคัญ อย่าง คุณกอร์ปศักดิ์  สภาวสุ  ประกาศตัดสินใจลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ แม้ว่าจะร่วมสุขร่วมทุกข์กันมานานถึง 23 ปี “กอร์ปศักดิ์ลาออก  ทำไมถือเป็นประเด็นใหญ่??

คำถามนี้น่าสนใจ เพราะคุณกอร์ปศักดิ์ ก็บอกเองว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์มานาน แต่เหตุผลจริงมันแค่นั้นหรือ!!! ย้อนประวัติส่วนตัว  นายกอร์ปศักดิ์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านวิศวกรรมศาสตร์ จาก มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 2514 และได้ประกาศนียบัตรการอบรมบริหารชั้นสูง จาก มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนเส้นทางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ นายกอร์ปศักดิ์ ไม่ใช่นักการเมืองธรรมดา แต่เคยเป็นส.ส.นครราชสีมาถึง 5 สมัย รวมทั้งยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสำคัญๆ อย่าง อุตสาหกรรม,กระทรวงการคลัง ก่อนจะได้รับความไว้วางใจให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ   

 

ไม่เท่านั้น นายกอร์ปศักดิ์ยังมีบทบาทสำคัญร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  อดีตนายกรัฐมนตรี  ในฐานะเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่หลายคนจำภาพได้ไม่ลืม เมื่อต้องร่วมเผชิญกับความรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่าจากกองทัพคนเสื้อแดงในช่วงปี 2553 ไม่จบเท่านั้นกับงานการเมืองภายในพรรคประชาธิปัตย์ นายกอรปศักดิ์ก็ถือเป็นบุคลากรที่ทำงานให้พรรคอย่างสุดความสามารถคนหนึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

 

จับตาอนาคตประชาธิปัตย์  ผลัดใบแล้วงัย จับสัญญาณ “กรณ์” คับใจอยู่ยาก??

ยกตัวอย่างการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค ในช่วงปี 2540-2544 รองเลขาธิการพรรคในปี 2542-2546 และ ยังเป็นเหรัญญิก พร้อมกับมีรายชื่อเป็นกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ในคราวเดียวกัน ต้องย้ำอีกครั้งว่า ถึงนาทีนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่า เหตุผลจริงๆ ในการลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ของคุณกอร์ปศักดิ์  คืออะไร แต่ปฏิกิริยาจากระดับแกนนำพรรคก็พอบอกได้ว่า... งานนี้ไม่ธรรมดา?? นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง โพสต์เปิดประเด็นทันที เพราะรู้แน่ว่าต้องมีคำถาม สมาชิกระดับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ลาออก... พรรคจะวิกฤตหรือไม่ แยกเป็นประเด็นสั้น กระชับ ได้ใจความ  นายสาทิตย์ขึ้นต้นเลยว่า สำหรับผม คิดมานานแล้วว่า วันหนึ่งพรรคจะต้องมาถึงจุดนี้ เหตุผลประกอบแบบพอสรุปความได้  ก็เพราะ พรรคการเมืองแบบประชาธิปัตย์ จะรวมตัวอยู่ได้ ก็ต้องมีวิถีการเมือง ที่สมาชิกทุกคนมีแนวคิดไปทางเดียวกัน หรือประนีประนอมกันได้

 

ซึ่งตรงข้ามกับปัจจุบันที่นายสาธิต ใช้คำว่า  ถ้ามีแนวคิดต่างกันสุดขั้ว หรือไม่มีแนวทางประนีประนอมกันได้  ก็ต้องเกิดภาพแยกทาง จะเหลือแค่แกน หรือ CORE ที่แนวคิดตรงกัน หรือ คล้ายกัน  หรือ รับกันได้ โดยสาระทั้งหมด สรุปใจความว่า ระดับแกนนำอย่างคุณสาทิตย์ มองเห็นปัญหาภายในพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแรก ด้วยหลักความคิดที่แตกต่างเรื่องจุดยืนการเมือง ที่พรรคประชาธิปัตย์เองก็ต้องกลับมามองตัวเองเหมือนกัน ว่าจะไปต่ออย่างไรดี

 

จับตาอนาคตประชาธิปัตย์  ผลัดใบแล้วงัย จับสัญญาณ “กรณ์” คับใจอยู่ยาก??
 

ประเด็นที่ต้องขยายความก็คือวันนี้ ถ้าพูดกันแบบตรงไปตรงมา พรรคประชาธิปัตย์ก็อยู่ภาวะสับสนตัวเองเหมือนกัน คือ วันหนึ่งต่อต้านระบอบทักษิณ ต่อต้านเผด็จการทุนสามานย์ แต่ขณะเดียวกันก็เคยต่อต้านเผด็จการทหาร แต่พอเกิดกรณีของพล.อ.ประยุทธ์ และคสช.ขึ้น  สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก็เลยกำหนดสถานะตัวเองไม่ถูกว่าจะยืนอยู่ตรงจุดไหน สุดท้ายก็เลยกลายเป็นความแตกต่างทางความคิด และเกิดการลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งกับมุมมองของนายสาทิตย์ ไม่คิดว่าสถานการณ์ขณะนี้ของพรรคคือวิกฤต แต่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่คนในพรรคประชาธิปัตย์ต้องมานั่งคุยกันว่าจะไปต่ออย่างไรดีให้เหมาะสมสถานการณ์ แน่นอนว่าสิ่งที่คุณสาทิตย์พูดหรือพยายามอธิบายต่อสังคม แฟนๆ พรรคประชาธิปัตย์อาจเข้าใจและพยายามเอาใจช่วย แต่ใครจะรู้ว่ารอยร้าวที่เกิดขึ้นจะกลับสมานเหมือนเดิมได้อีกหรือไม่ จุดสำคัญจุดหนึ่งที่ “สำนักข่าวทีนิวส์” ขออนุญาตโฟกัสก็คือ สถานะของนายกรณ์  จาติกวณิช  ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตรมว.คลัง เพราะหลังเจ้าตัวให้สัมภาษณ์แบบมีนัยยยะว่า...   

 

ถ้าพรรคไม่ต้องการเรา ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เพราะเราคิดว่าเรายังสามารถทำงานได้ เรายังสามารถทำงานให้ประเทศชาติได้มากกว่านี้ ถ้าเราอยู่ที่อื่น  อันนี้ก็ต้องพิจารณา เพราะตอนนี้อายุ 55 ปี  คงมีเวลาทำงานอีกอย่างน้อย 10 ปี ก็โพสต์ถึงการลาออกจากพรรคของนายกอร์ปศักดิ์เหมือนกัน ทำนองว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย ด้วยครั้งหนึ่งก็เคยทำงานการเมืองร่วมกับ นายกอร์ปศักดิ์ และ ช่วยกันฝ่าฟัน วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์  ปี 2551-2553  รวมถึงร่วมกันคิดนโยบายอีกหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจประเทศ

 

จบท้ายนายกรณ์ สรุปว่าถ้าคุณกอร์ปศักดิ์จะไม่กลับมามีบทบาททางการเมืองอีก แต่สิ่งที่ท่านได้ทำไว้ก็ยังจะอยู่ในความทรงจำของผมและหลายๆ คนตลอดไป และผมถือว่าโชคดีที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับท่านในช่วงสำคัญของบ้านเมือง พรรคเราโชคดีที่มีท่านเป็นสมาชิกมากว่า 20 ปี คงไม่ต้องแปลความใดๆ สำหรับคำว่าพรรคโชคดีที่มีคุณกอร์ปศักดิ์เป็นสมาชิกมากว่า 20 ปี แต่สิ่งที่ต้องค้นหาก็คือทำไมบุคคลที่ทำเพื่อพรรคมาตลอด เลือกตัดสินใจอย่างนี้  แล้วกับอนาคตคุณกรณ์ล่ะจะตัดสินใจอย่างไร ถือเป็นเรื่องน่าคิด หลังจากพรรคประชาธิปัตย์เปิดตัวทีมอะเวนเจอร์เศรษฐกิจ โดย มีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคเป็นประธานคณะทำงาน