ชะตากรรมความเจ็บปวดของ "สนธิรัตน์"  เมื่อ "สามมิตร" มองไม่เห็นหัว

กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงทางการเมืองกับสถานการณ์ของพรรคพลังประชารัฐ ที่ตกอยู่ในสภาวะระส่ำ แม้ว่า “พล.อ. ประยุทธ์” จะเผยแพร่ "สาร ขอโทษประชาชนแทน พลังประชารัฐที่เปิดฉากแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีกันในระหว่างการจัดโผคณะรัฐมนตรี แต่ในเวลาต่อมา “กลุ่มสามมิตร” แถลงและอีกหนึ่งในสาระสำคัญคือ สมาชิกในกลุ่มสามมิตรเตรียมเสนอญัตติขับไล่สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการ พลังประชารัฐ ออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่าไม่เหมาะสมจะดำรงตำแหน่ง "เป็นภัยต่อความมั่นคงของพรรคและของรัฐบาลเป็นอย่างสูง " เพราะฉะนั้นในตอนนี้เรามาติดตามกันในตอน ชะตากรรม ของสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการ พลังประชารัฐ

กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงทางการเมืองกับสถานการณ์ของพรรคพลังประชารัฐ ที่ตกอยู่ในสภาวะระส่ำ แม้ว่า “พล.อ. ประยุทธ์” จะเผยแพร่ "สาร ขอโทษประชาชนแทน พลังประชารัฐที่เปิดฉากแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีกันในระหว่างการจัดโผคณะรัฐมนตรี

แต่ในเวลาต่อมา “กลุ่มสามมิตร” แถลงและอีกหนึ่งในสาระสำคัญคือ สมาชิกในกลุ่มสามมิตรเตรียมเสนอญัตติขับไล่สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการ พลังประชารัฐ ออกจากตำแหน่ง  โดยให้เหตุผลว่าไม่เหมาะสมจะดำรงตำแหน่ง "เป็นภัยต่อความมั่นคงของพรรคและของรัฐบาลเป็นอย่างสูง "  เพราะฉะนั้นในตอนนี้เรามาติดตามกันในตอน ชะตากรรม ของสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการ พลังประชารัฐ
 

ประโยคที่ติดตรึงอยู่สำหรับการแถลงข่าวของ “กลุ่มสามมิตร” เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม  เห็นจะเป็นคำพูดของ “สิระ เจนจาคะ”  ส.ส. กทม.พลังประชารัฐ กลุ่มสามมิตร เปิดเผยว่า สมาชิกในกลุ่มสามมิตรเตรียมเสนอญัตติขับไล่สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการ พปชร. ออกจากตำแหน่ง

 

โดยให้เหตุผลว่าไม่เหมาะสมจะดำรงตำแหน่ง "เป็นภัยต่อความมั่นคงของพรรคและของรัฐบาลเป็นอย่างสูง ถ้าปล่อยไว้เป็นเลขาฯ เป็นอันตรายต่อพรรคมาก ท่านบริหารงานผิดพลาดหลายเรื่อง ไม่มีภาวะผู้นำ ส.ส. เข้าไม่ถึงตัว ไม่เคยได้รับการแก้ไข ไม่ยึดโยงกับ ส.ส. ในพรรค ไม่เห็นหัว ส.ส. ในพรรคแม้แต่คนเดียว

 

ยังไม่จบเพียงเท่านั้นเพราะ ยังได้พูดต่อไปถึง “สนธิรัตน์” ว่า ไม่ให้ความสำคัญกับปัญหาในพรรค ท่านเป็นเลขาฯ พรรคก็คือเป็นแม่บ้านที่จะมาดูแลทุกอย่าง ไม่ว่าเรื่องความเป็นอยู่ ความสามัคคี ท่านทำให้พรรคเราแตกแยก ปัญหาอยู่ที่ตัวเลขาฯ ชัดเจน"

 

ชะตากรรมความเจ็บปวดของ "สนธิรัตน์"  เมื่อ "สามมิตร" มองไม่เห็นหัว

หลังจากกลุ่มสามมิตรแถลงเสร็จสิ้น ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา 1 กกรกฎาคม สนธิรัตน์ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ พร้อมเน้นย้ำว่า ยอมแล้ว ไม่ขอรับตำแหน่งคุมกระทรวงพลังงาน เสียใจพลังประชารัฐร้าวฉาน   สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่าไม่เคยอยากเป็นและไม่ขอรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

 

ตั้งแต่เข้ามาทำงานการเมือง ตนมีความทุ่มเทตั้งใจรับใช้ชาติบ้านเมืองในตำแหน่งต่างๆ โดยเมื่อได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐก็ตาม ทั้งนี้  ตนได้มุ่งมั่นตั้งใจที่จะนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าให้หลุดพ้นจากปัญหาที่สะสมมา ทำงานอย่างเต็มความสามารถและได้มุ่งมั่นสร้างประโยชน์ให้ตกกับประชาชนในหน้าที่นั้นๆ

 

ส่วนประเด็นปัญหาความขัดแย้งในการเข้าดำรงตำแหน่งในกระทรวงที่กล่าวถึงขณะนี้นั้น นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ที่จะเลือกกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งในการทำงาน และพร้อมทำงานในกระทรวงที่ได้รับมอบหมายหากเห็นว่าเหมาะสม/เสียใจในปัญหาที่เกิดขึ้น และไม่ได้เข้าไปมีส่วนรับรู้หรือเกี่ยวข้องกับการดำรงตำแหน่งแต่ประการใด

 

ชะตากรรมความเจ็บปวดของ "สนธิรัตน์"  เมื่อ "สามมิตร" มองไม่เห็นหัว

 

นั่นเป็นคำพูดที่เกิดขึ้นของสนธิรัตน์ที่จะไม่ขอรับดำรงแต่ต้องการที่จะอยากเห็นการเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจ และเพื่อให้เกิดการทำงานที่ราบรื่น  //แต่แม้ว่า “สนธิรัตน์” จะออกมาชี้แจงแต่ภาพที่เห็นคือพรรคพลังประชารัฐ เกิดปัญหาความแตกแยกภายในพรรคจนท้ายที่สุด

 

2 กรกฎาคม 62 “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จับมือ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ออกมาชี้แจงทั้งประเด็นตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งก็เป็นที่ชัดเจนตามกำพูดของ  “สุริยะ” ว่ามาตกลงกันเพื่อให้นายกรัฐมนตรี สบายใจ และไปทำงานเพื่อประเทศชาติ ใครจะอยู่ตรงไหนยังไง เรามอบอำนาจเด็ดขาดให้นายกฯ ตัดสินใจ"

ส่วนกรณีการเสนอขับ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคนั้น นายอุตตม กล่าวว่า การที่ ส.ส.แสดงความเห็นเกี่ยวกับการทำงานของนายสนธิรัตน์ สามารถทำได้ และสนธิรัตน์ เองก็ได้ออกแถลงการณ์แล้ว ประเด็นนี้ไม่ก่อให้เกิดความแตกแยก สนธิรัตน์เข้าใจดี เพราะบางครั้งอาจสื่อสารกันไม่เข้าใจบ้าง ซึ่ง นายสนธิรัตน์ พร้อมมาพูดคุยกับ ส.ส. แต่ตอนนี้เรื่องนี้จบแล้ว

 

ขณะที่ นายสมศักดิ์ ระบุว่า ส.ส.กลุ่มสามมิตร จะไม่ดำเนินการถอดถอน นายสนธิรัตน์ แล้ว หลังได้ทำความเข้าใจหลักการเหตุผลต่างๆ เพราะเกี่ยวโยงการทำงานของนายอนุชา ซึ่งทำงานหนัก แต่การสื่อสารเกี่ยวกับการทำงานของอนุชา ไม่ตรง ไม่ครบ คลาดเคลื่อน เลยคิดว่าการออกมาพูดเมื่อวานนี้ ได้สื่อสารไปยังผู้มีอำนาจให้เข้าใจแล้ว ส่วนจะตัดสินใจยังไงก็ไม่มีปัญหาทั้งสิ้น อีกทั้ง นายสนธิรัตน์ ก็ได้แสดงออกผ่านเอกสารข่าว แสดงน้ำใจออกมาเกินกว่าที่เราพูดคุยกันแล้ว"เราจึงขอหยุดและไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น และก็ได้คุยกับ ส.ส.ในกลุ่มให้เข้าใจแล้ว เพราะเกรงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่"

 

ชะตากรรมความเจ็บปวดของ "สนธิรัตน์"  เมื่อ "สามมิตร" มองไม่เห็นหัว

 

เป้าก็ยังมาตกที่สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เพราะฉะนั้นเรามาติดตามกันที่ ชะตากรรมของ “สนธิรัตน์" ที่” ถือว่าการมาทำงานทางการเมืองถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถ “สนธิรัตน์” มือดี แก้ปัญหาเศรษฐกิจรากหญ้า ขุมพลังสำคัญของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ กรรรมการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และเป็นอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเป็นอดีตประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย

 

สำหรับ “สนธิรัตน์”  ขยับเก้าอี้จากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  ในสมัยรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” จากผลงานเข้าตากรรมการในหลายเรื่อง ทั้งการดูแลปากท้องของประชาชน การผลักดันการเปิดตลาดต่างๆ เพื่อเป็นแหล่งค้าขายและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ การผลักดันร้านธงฟ้าประชารัฐเชื่อมโยงกับโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่เน้นดูแลเศรษฐกิจฐานราก

 

และสิ่งที่ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” โดนกลุ่มสามมิตรกระทำเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมโดน เตรียมเสนอญัตติขับไล่สนธิรัตน์ เลขาธิการ พปชร. ออกจากตำแหน่ง  เป็นสิ่งที่เจ็บปวดสำหรับบทเรียนทางการเมืองของ “สนธิรัตน์” ซึ่งยืนข้างสามมิตร มาโดยตลอด