เพราะเขาคนเดียว!!  สมมุติว่า “ทักษิณ” วางมือการเมือง  10 ปีเต็ม ๆ ความรุนแรงประเทศไทย จะหมดไป??

ถึงตรงนี้ต้องอมรับว่าการตีความโพสต์ล่าสุด นช.ทักษิณ ชินวัตรขอจัดงานวันเกิดในวัย 70 ปี แบบเงียบๆ คือ การวางมือการเมือง คือประเด็นใหญ่ทางการเมืองจริงๆ ใหญ่ขนาดไหน ต้องย้อนกลับไปในปี 2552 หลังทักษิณ ที่วันนี้อยู่ในสถานะนักโทษหนีคดีอาญา ถูกปฏิวัติยึดอำนาจ ในปี 2549 ทักษิณ ชินวัตร คนนี้แหละ เป็นผู้จุดชนวนความรุนแรงให้กับประเทศไทย

ถึงตรงนี้ต้องอมรับว่าการตีความโพสต์ล่าสุด   นช.ทักษิณ ชินวัตรขอจัดงานวันเกิดในวัย  70  ปี แบบเงียบๆ คือ การวางมือการเมือง   คือประเด็นใหญ่ทางการเมืองจริงๆ

 

ใหญ่ขนาดไหน   ต้องย้อนกลับไปในปี  2552  หลังทักษิณ ที่วันนี้อยู่ในสถานะนักโทษหนีคดีอาญา  ถูกปฏิวัติยึดอำนาจ ในปี 2549   ทักษิณ ชินวัตร  คนนี้แหละ เป็นผู้จุดชนวนความรุนแรงให้กับประเทศไทย

 

นี่ไม่ใช่การขุดเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ แต่เป็นความจริงที่พูดกัน ในวันที่มีข่าวทักษิณ คิดจะวางมือการเมือง

 

ยกตัวอย่างวันที่ 27  มีนาคม  2552  ทักษิณ วีดิโอลิงค์เข้าไปที่การชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ทด้านหน้า ทำเนียบรัฐบาล  ระบุข้อความพาดพิง  กล่าวหา   พล.อ.เปรม  เป็นผู้อยู่เบื้องหลังรัฐประหาร พ.ศ. 2549  และองคมนตรีบางท่าน อย่าง พล.อ.สุรยุทธ์ และ ชาญชัย ลิขิตจิตถะ ได้ใช้อำนาจทหารค้ำตำแหน่งของนายอภิสิทธิ์

 

จนกลายเป็นวาทกรรมที่ถูกนำมาใช้ต่อเนื่องในหมู่คนเสื้อแดง  และแนวรวมต่อต้านรัฐบาลจากการรัฐประหาร  ว่า  เป็นการวางแผนของผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ  

 

ต่อมาในวันที่  30 มีนาคม  2552  ทักษิณ วีดิโอลิงค์  ยกระดับการปลุกระดม ผ่านคำพูดว่า “ถ้าเสียงปืนนัดแรกดังขึ้นเมื่อไหร่  จะกลับมาประเทศไทย ร่วมกับพี่น้องคนเสื้อแดงต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย” 

เพราะเขาคนเดียว!!  สมมุติว่า “ทักษิณ” วางมือการเมือง  10 ปีเต็ม ๆ ความรุนแรงประเทศไทย จะหมดไป??

 

แน่นอนการว่าคำพูดชวนเชื่อของทักษิณ ไม่ใช่แค่การปลุกระดม ให้เกิดความรู้สึกร่วมว่าถูกรังแกทางการเมือ ง แต่ถูกตีความว่าเป็นการส่งสัญญาณความรุนแรงในรูปแบบหนึ่ง

 

เหตุการณ์ชัด ๆ เลย ก็คือหลังจาก ทักษิณ  ชี้ชวนให้คนเสื้อแดงเห็นว่า ตนเองถูกรังแก จากอำมาตย์  หรือ บุคคลนอกรัฐธรรรมนูญ  ซึ่งทักษิณจะหมายถึงแค่เหล่าองคมนตรี หรือไม่  ไม่มีใครรู้  แต่เหตุการณ์ต่อจากนั้น  คือ ความรุนแรงล้วน ๆ  จากกลุ่มบุคคลที่ถูกเรียกว่า  ฮาร์ดคอร์เสื้อแดง

 

และเหตุความรุแรงที่คนไทยจำไม่ลืม  แม้เวลาจะผ่านมาแล้วถึง 10 ปี ก็คือกรณี เหตุการณ์วันที่ 11  เมษายน  2552  คนเสื้อแดง  โดยการนำของ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง   บุกเข้าไปในโรงแรม รอยัล  คลิฟ  บีช  รีสอร์ท  ในลักษณะก่อเหตุวุ่นวาย  ทำลายสิ่งของ  เพื่อขัดขวางประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ซัมมิท

 

ถัดจากนั้นอีกเพียง  1  วัน คือในวันที่ 12 เมษายน  2552  คนเสื้อแดงก็บุกเข้าไปในกระทรวงมหาดไทย  ในช่วงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี    กำลังเตรียมประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

 

 จนเป็นเหตุทำให้เจ้าหน้าที่รัฐได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก   โดยเฉพาะ  นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี   และคนขับรถ  ซึ่งกลายเป็นภาพที่ย้ำให้เห็นว่า  ชนวนความรุนแรงในรอบ   10  ปีที่ผ่านมา เกิดจากกระบวนการยุยง ปลุกปั่น  ให้เกิดความเกลียดชัง  ของแกนนำแดงนปช.  ที่มี ทักษิณ ชินวัตร  ให้การสนับสนุน  อย่างปฏิเสธเป็นอื่นไม่ได้

ฉายภาพตัวอย่างเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์  ก็เพื่อเปิดประเด็นใหม่ ถ้าทักษิณวางมือการเมือง จะเกิดอะไรขึ้น

ชัดยิ่งกว่าชัด ๆ คือ ความรุนแรงในบ้านเมือง ที่เกิดขึ้นจากการปลุกระดมต่อต้านอำนาจรัฐ  ตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา  มีโอกาสสูงจะเดินไปถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ   อย่างกรณีการใช้มวลชนคนเสื้อแดง  เป็นเหยื่อการเมือง  ก่อกวนความสงบสุขประเทศ  ในรูปแบบต่าง ๆ จะหมดไป

ยกตัวอย่างล่าสุดเลย  กรณีการประชุมผู้นำอาเซียนซัมมิท  ครั้งล่าสุด  ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ  ปรากฎว่าได้รับความชื่นชมอย่างมากจากทุกฝ่าย   ต่างจากปี 2552  ซึ่งล่มไม่เป็นท่าเพราะมวลชนคนเสื้อแดง

หรือกรณีประเทศไทยเราต้องเผชิญกับความรุนแรง  ในปี  2553  การใช้กองกำลังติดอาวุธชุดดำ  แทรกตัวในการชุมนุมคนเสื้อแดง  กราดยิงอาวุธสงคราม  จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ  เสียชีวิต  ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ   ประชาชนผู้บริสุทธิ์  ที่ถูกปลุกระดมให้ออกมาทำสงครามไพร่  อำมาตย์  ก็มีโอกาสน้อยจะเกิดขึ้นอีก

ซึ่งข้อมูลจากการรวบรวมของ  ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร  (ศูนย์เอราวัณ)   พบว่าในช่วงเหตุการณ์รุนแรงปี  23553   มีผู้บาดเจ็บ  จำนวน 863 คน  แยกเป็นพลเรือน  519 คน  ทหารและตำรวจ 344 คน และผู้เสียชีวิต จำนวน 27 คน  แยกเป็นพลเรือน 22 คน  ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 คน   รวมผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารและพลเรือน  ทั้งหมด 890 คน 

ไม่นับรวมอีก 27 ชีวิต ที่ต้องสูญเสียในช่วงการชุมนุมปี  2557  ซึ่งหลักฐานปรากฏชัดเจน   มีกองกำลังติดอาวุธ  ออกมาเคลี่อนไหวโจมตีมวลชน กปปส. เป็นระยะ ๆ

โดยเฉพาะจากผลคำพิพากษา  ศาลฎีกา เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2560  ในการลงโทษจำคุกตลอดชีวิต   4 จำเลย ประกอบด้วย 

1.นายชัชวาล หรือชัช ปราบบำรุง อายุ 48 ปี

2.นายสมศรี มาฤทธิ์ อายุ 43 ปี

3.นายสุนทร ผิผ่วนนอก อายุ 52 ปี

และ 4. นายทวีชัย วิชาคำ อายุ 42 ปี

ในมูลฐานความผิด  เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน  โดยการร่วมกันใช้เครื่องยิงลูกกระสุนระเบิด ขนาด 40 มิลลิเมตร แบบเอ็ม 79 ยิงลูกระเบิดชนิดสังหาร(HE) ขนาด 40 มิลลิเมตร  เข้าใส่ผู้ชุมนุม  กปปส.  บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชดำริ

 

จนให้มีผู้เสียชีวิต  3 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส   ไม่อาจประกอบกรณียกิจได้ตามปกติอีก 9 ราย  และ   มีผู้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจด้วยจำนวน 12 ราย

 

ต้องย้ำว่านี่เป็นเพียงหนังตัวอย่าง แต่เป็นตัวอย่างจริง ๆ  ที่เป็นผลโยงมาจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองในรอบ  10 ปีของทักษิณ ชินวัตร   

เพราะความเป็นจริง หลังยุคปี  2553  ที่มีกองกำลังเสื้อดำติดอาวุธ  ก็ยังมีการก่อเกิดแดงฮาร์ดคอร์ออกมาในหลายช่วงเหตุการณ์การเมือง  อย่างเช่นกรณีของ  “โกตี๋” หรือ นาย   วุฒิพงศ์   กชธรรมคุณ  ดีเจวิทยุเสื้อแดง  ซึ่งเริ่มต้นจากการใช้สถานีวิทยุเอฟเอ็ม 105.65 จังหวัดปทุมธานี  เป็นสถานที่เคลื่อนไหวปลุกระดม ต่อต้านกปปส.

 

จนท้ายสุดมีการตรวจค้น  จนพบว่า  โกตี๋   ก็คือกองกำลังติดอาวุธกลุ่มใหม่   ที่แฝงตัวในหมู่คนเสื้อแดง  และมีเครือข่ายกระจายไปในหลายจุดทั่วประเทศ  ก่อนถูกหน่วยงานความมั่นคงบุกเข้าจับกุมพร้อมอาวุธสงครามเป็นจำนวนมาก   และทุกคนให้การสารภาพ ทำงานร่วมโกตี๋มานาน   จนท้ายสุด  โกตี๋ ได้หนีคดีข้ามไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน  โดยไม่ทราบชะตากรรมมาจนถึงทุกวันนี้

 

ทั้งหมดนี้ สนข.ทีนิวส์จะบอกว่า ในกรณีถ้า ทักษิณ วางมือทางการเมืองจริง ๆ เราก็เชื่อว่าความรุนแรงทางการเมือง ที่เคยเป็นมาตลอดกว่า 10 ปี ก็จะจบลงตามไปด้วย ถามว่าเพราะอะไร ..เราเชื่อแน่ว่าทุกคนรู้ดีว่าเพราะอะไร??