พระราชดำรัสคือสิ่งสำคัญ  นาวารัฐ “ลุงตู่” ต้องยึดมั่น   วิถีการเมืองไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องระวังให้รอบด้าน...ไม่มีแล้วม.44 !??

ในทางปฏิบัติต้องถือเป็นการนับหนึ่งอย่างเป็นทางการ สำหรับรัฐบาลใหม่ในการเข้าทำหน้าที่บริหารประเทศ หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าถวายสัตย์

ในทางปฏิบัติต้องถือเป็นการนับหนึ่งอย่างเป็นทางการ  สำหรับรัฐบาลใหม่ในการเข้าทำหน้าที่บริหารประเทศ  หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าถวายสัตย์

วโรกาสนี้  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ทรงมีพระราชดำรัสแก่คณะรัฐมนตรี   ความว่า ขอถือโอกาสนี้ ให้พรให้ท่านมีกำลังใจ  ความมั่นใจ  ความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ได้ตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สุขและความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน

งานใดๆ ก็ต้องมีอุปสรรค  งานใดๆ ก็ต้องมีปัญหา เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องแก้ปัญหา และเข้าหางาน  เพื่อให้การบริหารประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามสถานการณ์   โดยแก้ไขให้ตรงเป้าตรงจุด และมีความเข้มแข็งอดทน   ก็ขอให้คณะรัฐมนตรี และรัฐบาลได้มีกำลังใจ  มีพลังที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยดี ด้วยความถูกต้องต่อไป

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ถือเป็นพรและหลักการอันสำคัญสูงสุด  ที่คณะรัฐมนตรีจะต้องยึดเหนี่ยวในการบริหารราชการแผ่นดิน  

ด้วยเพราะองค์ประกอบทางการเมือง  รัฐบาลชุดปัจจุบันมีความเสี่ยงในหลายด้าน โดยเฉพาะเสถียรภาพจากคะแนนเสียงในสภาฯ  และ  ความหลากหลายทัศนคติ  ก่อนจะมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล  อย่างที่เห็นชัดเจนก็คือ  เรื่องของแนวคิด  การต่อรองทางอำนาจการเมือง  ซึ่งไม่รู้ว่าจะเชื่อมให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยไร้ซึ่งรอยปริแยกได้หรือไม่

ดังนั้นแม้ว่า  พล.อ.ประยุทธ์   จะแสดงความเชื่อมั่น  ต่อความร่วมไม้ร่วมมือของนักการเมือง  ในการทำงานบริหารประเทศ  ผ่านคำพูดบางช่วงบางตอนว่า    

“ผมยินดีจริงๆ จะได้ไม่มีปัญหากันต่อไปในอนาคต  ที่ผ่านมามีปัญหากันอยู่บ้าง จะด้วยความเข้าใจหรือด้วยเจตนาดีก็ตาม  แต่เราได้พิสูจน์แล้วว่า  เราได้เดินหน้าประเทศมาถึงวันนี้ได้รัฐบาลใหม่อย่างสมบูรณ์

ดังนั้นผมคิดว่าสิ่งที่เราต้องเตรียมการกันต่อไป  คือ  การแถลงนโยบายและการจัดทำพระราชบัญญัติงบประมาณ   เพื่อให้การบริหารประเทศเดินหน้าไปสู่ความเรียบร้อย ประเทศชาติหยุดไม่ได้  จะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม   แต่เราต้องยุติปัญหาบางปัญหาที่ไม่จำเป็นออกไปให้ได้บ้าง  และสร้างความรักความสามัคคี ประเทศชาติให้มากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งหลักชัยของเราคือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมถึงประชาชนด้วย


พระราชดำรัสคือสิ่งสำคัญ  นาวารัฐ “ลุงตู่” ต้องยึดมั่น   วิถีการเมืองไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องระวังให้รอบด้าน...ไม่มีแล้วม.44 !??

จากถ้อยคำของพล.อ.ประยุทธ์  คงไม่ต้องอธิบาย ขยายความว่า ลึกๆในใจของพล.อ.ประยุทธ์ กังวลหรือไม่ อย่างไร กับ ครม.ชุดใหม่ แต่มีนัยสำคัญทางการเมืองอย่างแน่นอน

ถ้าถามว่าอะไรเป็นสื่อความห่วงใยของพล.อ.ประยุทธ์    ต้องโฟกัสไปที่    Wording   ยอมรับเองว่า      ที่ผ่านมามีปัญหากว่าจะได้เป็นรัฐบาลใหม่      ไม่เท่านั้นยังปรารภด้วยว่า  ในอนาคตไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น    ความเป็นรัฐบาลผสม   มีความจำเป็นต้องยุติปัญหาที่ไม่จำเป็นออกไป   

นี่จึงเป็นโฟกัสต่อไปว่า   รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์   จะรับมือในแต่ละสถานการณ์การเมือง  จากนี้อย่างไร   กับบททดสอบจากฝ่ายค้าน    ซึ่งเริ่มต้นแล้วกับการตรวจสอบคุณสมบัติ  การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี   ว่ามีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ 

โดยการอ้างถึงบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ  หมวด 8 มาตรา 160  (6)  รัฐมนตรีต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98  ซึ่งตามมาตรา 98  (15)   ได้ระบุถึงคุณสมบัติของบุคคลต้องห้าม   เรื่อง  การเป็นพนักงาน หรือ  ลูกจ้างของหน่วยราชการ  หน่วยงานของรัฐ หรือ  รัฐวิสาหกิจหรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ

 ส่วนฉากต่อไปต้องเตรียมรับมือ  คือ   การอภิปรายนโยบายรัฐบาล    ที่ดูคล้ายจะเป็นการซักฟอกเต็มรูปแบบ    ไม่นับรวมการคุยค้นประวัติรัฐมนตรี    ที่จะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ   ซึ่งคนหนึ่งที่โดนหนักทุกวัน  ก็คือ  นายอุตตม  สาวนายน   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง    กรณีมีชื่อเป็นกรรมการ บมจ.กรุงไทย    กรณีการปล่อยกู้กลุ่มบริษัทในเครือกฤษดามหานคร 

 

พระราชดำรัสคือสิ่งสำคัญ  นาวารัฐ “ลุงตู่” ต้องยึดมั่น   วิถีการเมืองไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องระวังให้รอบด้าน...ไม่มีแล้วม.44 !??

 ย้ำว่านี่เป็นแค่น้ำจิ้มทางการเมืองที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ต้องเผชิญ และต้องปรับตัวรับมือกับทุกสถานการณ์ให้ได้  เพราะจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่หัวหน้าคสช. อีกแล้ว

ย้ำว่าไม่ได้เป็นหัวหน้า คสช. ที่มีอำนาจตามมาตรา   44   ที่สามารถดำเนินการกับกรณีปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ทันที   จากเดิมถ้าหัวหน้าคสช.เห็นว่า เป็นการจําเป็นเพื่อประโยชน์ ในการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ  การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือเพื่อป้องกัน ระงับ หรือ ปราบปรามการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน

 ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีอํานาจสั่งการ ระงับยับยั้ง หรือกระทําการใด ๆ ได้ ไม่ว่าการกระทํานั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ และให้ถือว่าคําสั่งหรือการกระทํา

 

รวมทั้งการปฏิบัติตามคําสั่งดังกล่าว เป็นคําสั่ง หรือการกระทํา หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด   ทั้งนี้เมื่อได้ดําเนินการดังกล่าวแล้ว ให้รายงานประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว”

ประการสำคัญเลยกับเวทีสภาผู้แทนราษฎร  ที่มีฝ่ายค้านซึ่งก็มาจากกระบวนการเลือกตั้ง และอ้างมาโดยตลอดว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย  พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะอดีตหัวหน้าคสช.จะต้องเจอขวากหนาม   และการท้าทายอีกมากมาย จากทั้งนักการเมืองอาชีพ และนักเคลื่อนไหวคู่ปรับคสช.ในอดีต  ไม่นับรวมกลุ่มก้อนที่มีทัศนคติชังเจ้า  และเห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ ตลอดจนกองทัพ  คือ เป้าหมายการโค่นล้ม   ดังจะเห็นได้จากหลากหลายความพยายาม  แก้กฎหมายเพื่อลดทอน  บทบาทกองทัพ  ด้วยสารพัดเหตุผล  เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ไกลกว่า การฟื้นระบอบประชาธิปไตย

 และทั้งหมดนี้ถ้าจะเรียกว่าหนังตัวอย่างก็น่าจะได้  กับแรงเสียดทานข้างหน้าของพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี แม้ว่าจะเพิ่งเอ่ยถึงความสุข ที่เห็นการจัดตั้งรัฐบาลใหม่สำเร็จสักทีก็ตาม