เปิดศาลรธน.ไต่สวน คดี ธนาธร ถือหุ้นวี-ลัค มีเดีย จับตา 10 พยานปากสำคัญ  เสียวไส้แทนจริงๆ?

เปิดศาลรธน.ไต่สวน คดี ธนาธร ถือหุ้นวี-ลัค มีเดีย จับตา 10 พยานปากสำคัญ เสียวไส้แทนจริงๆ?

ถือเป็นอีกจังหวะสำคัญทางการเมือง สำหรับนายธนาธร  จึงรุ่งเรืองกิจ  ที่ระยะนี้อาจหายหน้าหายตาไปบ้าง  เพราะมีภารกิจใหญ่ในการเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการถือหุ้น บริษัทวี-ลัค ทีเดีย   อันเป็นความผิดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ  จนทำให้หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่  ถูกคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้พักการทำหน้าที่ ส.ส. เป็นการชั่วคราว  ระหว่างรอขั้นตอนพิสูจน์ความผิดถูก ตามคำร้องของกกต.

กรณีดังกล่าวถ้าย้อนความโดยสังเขป  ก็คือ เหตุเริ่มต้นจากการที่ทางคณะกรรมการเลือกตั้ง หรือ กกต.ได้ดำเนินการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยสมาชิกภาพของนายธนาธร ในการดำรงสถานะสมาชิกผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา 

 

นายธนาธร


โดยเป็นคำร้องตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 82 วรรคสี่   กรณีความปรากฎหรือมีเหตุอันควรสงสัยต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง   ว่า    นายธนาธร ในฐานะส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ  เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด  อันเป็นลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. 

 


และเป็นเหตุให้สมาชิก ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 101 (6)  ประกอบมาตรา 98  (3)     ซึ่งระบุถึงบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้าม  มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร   โดยการมีระบุชัดเจนถึงข้อห้าม  สำหรับบุคคลที่เข้าข่าย  การเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ

 


@ ไล่เรียงแต่ละประเด็นที่ต้องจับตา เพราะเป็นข้อกังขาซึ่งค้างคามาโดยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา  แม้ว่านายธนาธรจะพยายามชี้แจงแต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล

 


เริ่มต้นจาก    1.การแจ้งวันถือครองหุ้น และ การโอนหุ้น   บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด  ของนายธนาธร  ไปให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ  มารดา   โดยมีข้อน่าสังเกตเรื่องวันดำเนินการที่แตกต่างกันอยู่  คือ ในวันที่  8 มกราคม  2562  และ วันที่ 21  มีนาคม 2562    ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีผลต่อการพิจารณาว่าคุณสมบัติการเป็นส.ส.ของธนาธร  ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือไม่   เนื่องจากนายธนาธร  ในฐานะหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่  ได้ยื่นเอกสารสมัครรับเลือกตั้งต่อกกต.ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์  2562    

 


2.หลักฐานปรากฏตามเอกสาร  2 ฉบับ    มีความต่างที่จะต้องนำไปพิจารณาตามหลักกฎหมาย   คือ  เอกสารที่เรียกว่า “ตราสารโอนหุ้น”  หรือ  Share  Transfer  Document  ลงชื่อ นายธนาธร   แสดงรายละเอียด เรื่อง การโอนหุ้น  จำนวน  675,000  หุ้น  หมายเลขหุ้น 1350001-2025000   ให้แก่ นางสมพร  จึงรุ่งเรืองกิจ   โดยมีการลงลายมือชื่อประกอบ ลงวันที่  8  มกราคม 2562    

 

 

ในขณะที่เอกสารแบบ  บอจ.5    แสดงสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น   บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด    ระบุว่าคัดจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น   เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562   ระบุข้อมูลว่า นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ  ถือครองหุ้นจำนวน  2,250,000 หุ้น  โดยจำนวนหุ้นดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นหุ้นที่ได้รับการโอนหุ้น  ตามเลขหมายหุ้นเดียวกับของนายธนาธร   คือ  1350001-2025000   จำนวน 675,000 หุ้น  ลงวันที่  21 มีนาคม 2562  

 

 


ตรงนี้จึงกลายเป็นประเด็นในเชิงข้อกฎหมาย ว่า นายธนาธรได้โอนหุ้นก่อนหรือหลังจากยื่นสมัครับเลือกตั้ง   เนื่องจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1129  โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 1129 วรรคสาม  มีเงื่อนไขว่าด้วยความสมบูรณ์เรื่องการโอนหุ้นตามกฎหมาย  

 

 


โดยเนื้อหาของมาตรา 1129   วรรรคแรก คือ  "อันว่าหุ้นนั้นย่อมโอนกันได้โดยมิต้องได้รับความยินยอมของบริษัท เว้นแต่เมื่อเป็นหุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้นซึ่งมีข้อบังคับของบริษัทกําหนดไว้เป็นอย่างอื่น"

 

 

 

วรรคสอง  "การโอนหุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้นนั้น ถ้ามิได้ทําเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อของผู้โอนกับผู้รับโอนมีพยานคนหนึ่งเป็นอย่างน้อยลงชื่อรับรองลายมือนั้น ๆ ด้วยแล้ว ท่านว่าเป็นโมฆะ อนึ่งตราสารอันนั้นต้องแถลงเลขหมายของหุ้นซึ่งโอนกันนั้นด้วย

 

 

 

และ วรรคสาม  "การโอนเช่นนี้จะนํามาใช้แก่บริษัทหรือบุคคลภายนอกไม่ได้  จนกว่าจะได้จดแจ้งการโอนทั้งชื่อและสำนักของผู้รับโอนนั้นลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น"

 

เปิดศาลรธน.ไต่สวน คดี ธนาธร ถือหุ้นวี-ลัค มีเดีย จับตา 10 พยานปากสำคัญ  เสียวไส้แทนจริงๆ?

 

ทั้งนี้โดยรายละเอียดของการนำสืบค้นหาข้อเท็จจริง  ที่เป็นประเด็นข้อกังขา สำหรับเรื่องการถือหุ้นของนายธนาธร  ค่อนข้างมีรายละเอียดมาก และเป็นที่มาของการให้โอกาสนายธนาธรนำหลักฐานชี้แจงอย่างเต็มที่ ก่อนจะกำหนดไต่สวนพยานบุคคล     

 

เปิดศาลรธน.ไต่สวน คดี ธนาธร ถือหุ้นวี-ลัค มีเดีย จับตา 10 พยานปากสำคัญ  เสียวไส้แทนจริงๆ?


โดยรายละเอียดที่มีการเปิดเผยออกมาล่าสุด  ก็คือ  การนัดหมายนัดไต่สวนพยานบุคคลจำนวน 10 ปาก  (วันที่ 18  กันยายน 2562)     หลังจากเมื่อวันที่  4 กันยายน  2562  ที่ผ่านมา  ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้องของนายธนาธร   กรณีขอให้ศาลพิจารณาคำร้องยกเลิกคำสั่งให้นายธนาธร หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยหรือคำสั่ง  ด้วยเห็นว่ายังไม่ปรากฏพฤติการณ์    อันเป็นเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เดิม จึงให้ยกคำร้อง

 

 

 

และเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2562    ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติไม่อนุญาตให้นายธนาธรขยายเวลาขอชี้แจงพยานเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2  อีก 15 วัน  ตามที่ยื่นคำร้อง  เนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมา เคยขยายเวลารอบแรกให้แล้วเป็นเวลา  30 วัน  สมควรแก่เหตุเพียงพอต่อการเตรียมเอกสารหลักฐานชี้แจงคำร้องที่มีการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ  

 

 

 

ส่วนประเด็นว่าด้วยพยานบุคคลจำนวน 10 ปาก  จะประกอบด้วยใครบ้าง  ถ้าพิจารณาจากรายละเอียดในสำนวนการอ้างอิงของนายธนาธรที่ผ่านมาตั้งแต่ต้น และรวมถึงเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องในหลักฐานข้อเท็จจริง  เกี่ยวกับการโอนหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย  มีความเป็นไปได้ว่า  

 

 

นอกเหนือจากตัว กกต. และ นายธนาธรในฐานะคู่ความ  ย่อมจะมีบุคคลสำคัญ  อย่าง  นางสมพร  จึงรุ่งเรืองกิจ  ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่  บริษัทวี-ลัค มีเดีย  และเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญ  ในการซื้อ-โอนหุ้น ของนายธนาธร และภรรยา ไปให้หลานชาย 2 คนเป็นผู้ถือหุ้นแทน    

 

 

@ไม่ใช่แค่ นางสมพร ผู้เป็นมารดา ที่ถือเป็นพยานปากสำคัญ ในการจะนำพาให้นายธนาธร  หลุดรอดจากข้อกล่าวหาเรื่องการถือหุ้นสื่อหรือไม่   

 


นอกจากนั้นต้องจับตาชื่อพยานบุคคลอย่าง   นายทวี  และ   นายปิติ จรุงสถิตพงศ์     ในฐานะ  2 หลานชายที่มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับการถือครองหุ้นแทนนายธนาธร และ ภรรยา    ด้วยเหตุผลที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความบังเอิญที่เกิดขึ้น 

 

 

 เพราะเป็น 2 รายชื่อที่ถูกนำมาอ้างหลังจากเกิดข้อคำถาม  เรื่องสัดส่วนผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุม   วิสามัญผู้ถือหุ้น  บริษัทวี-ลัค มีเดีย  ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 19 มีนาคม  2562   หลังจากนายธนาธร  ยืนยันว่าได้ขาย-โอนหุ้นไปให้นางสมพร ผู้เป็นมารดาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562   

 

 


ขณะเดียวกันก็เป็นไปได้ว่า  นาง รวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ  ผู้เป็นภรรยาก็อยู่ในข่ายต้องเป็นพยานในชั้นการไต่สวน  เนื่องด้วยครั้งหนึ่ง  นายธนาธร   ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562   โดยยืนยันว่า   การโอนหุ้นมีผลสำเร็จตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562   เพียงแต่เช็คที่ได้รับจาการชำระค่าหุ้น  บริษัทวี-ลัค ทีเดีย  ยอดเงินจำนวน 6,750,000  บาท  ซึ่งได้รับจากนางสมพร  ยังไม่ได้นำเช็คที่ชำระค่าหุ้นไปขึ้นเงิน  

 

 


ทั้งนี้ นายธนาธร  ได้ระบุว่า  " ตนมีหลักฐานในรายละเอียดตรงนี้ครบถ้วนแล้ว   โดยมักจะเก็บเช็คเอาไว้ประมาณ 2-3 เดือน  หลักฐานการตีตราหน้าตั๋ว  ส่วนภรรยาจะเอาเช็คจะไปขึ้นเงินเมื่อไรนั้น มันก็เป็นเรื่องของเขา 

 

 

 

เพราะเขาได้ทำหน้าที่ในเรื่องการดูแลเรื่องการเงินต่างๆของตนเอง  และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะก่อนจะออกจากบ้าน  ตนต้องไปขอเงินภรรยา  เนื่องจากไม่มีแม้แต่บัตรเอทีเอ็ม  มีแต่เครดิตการ์ด แล้วเงินสดทั้งหมดก็ขอจากแฟนผมทุกเช้า ดังนั้นเช็คที่ได้มาจึงเอาไปให้แฟนเป็นคนดูแล"

 

 


และที่ต้องโฟกัสอีก ก็คือพยานที่เป็น  ทนายความโนตารี   ผู้ลงลายมือชื่อในเอกสารตราสารโอนหุ้น  ลงวันที่ 8 มกราคม 2562   รวมถึงบุคคลที่ถูกจับตาอย่างมากว่าอาจจะต้องถูกเรียกมาเป็นพยาน ก็คือ คนขับรถตู้ฮุนได สีขาว ทะเบียน 7xx 8893 กรุงเทพมหานคร ที่นายธนาธร อ้างว่าเป็นผู้นำตนเองจากการหาเสียงในภาคอีสาน กลับมายังกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 8 มกราคม  2562  ทั้ง ๆ ที่มีข้อเท็จจริงว่าในวันเดียวกันนั้น  นายธนาธรมีกิจกรรมหาเสียงเลือกตั้งอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์  

 

 


ขณะที่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ   ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ  พ.ศ. 2561    โดยเฉพาะ  มาตรา  62  วรรคหนึ่ง   ซึ่งระบุว่า   ในการไต่สวนพยานบุคคล  ไม่ว่าจะเป็นพยานที่ฝ่ายใดอ้างหรือที่ศาลเรียกมาเอง   ให้ศาลสอบถามพยานบุคคลเอง   แล้วให้พยานให้ถ้อยคําในข้อนั้นโดยวิธีแถลงด้วยตนเองหรือตอบคําถามศาล   ศาลอาจถามพยานเกี่ยวกับข้อเท็จจริงใด ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับคดีแม้จะไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นอ้างก็ตาม

 

 

 

วรรคสอง  ระบุว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลอาจอนุญาตให้คู่กรณีซักถามพยานเพิ่มเติมตามประเด็น  และข้อเท็จจริงที่ศาลกําหนดไว้ก็ได้ โดยให้ฝ่ายที่อ้างพยานเป็นผู้ซักถามก่อน

และวรรคสาม  ระบุว่า หลังจากคู่กรณีถามพยานตามวรรคสองแล้ว ห้ามมิให้คู่กรณีฝ่ายใดถามพยานอีก เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

 

 

 


ประเด็นท้ายว่าด้วยวิธีการไต่สวนพยานบุคคลของศาลรัฐธรรมนูญ   จึงน่าจับยิ่งว่า ผลท้ายสุดของการวินิจฉัยที่จะเกิดขึ้น   กับกรณีการถือครองหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย ของนายธนาธร จะจบลงแบบไหน  และพยานที่ถูกเรียกสอบจะสามารถตอบคำถามได้อย่างชัดเจนหรือไม่  เพราะก็เป็นไปได้ว่าการเบิกพยานครั้งนี้อาจนำไปสู่คดีอาญาต่อเนื่องก็เป็นได้
 

 

 

เปิดศาลรธน.ไต่สวน คดี ธนาธร ถือหุ้นวี-ลัค มีเดีย จับตา 10 พยานปากสำคัญ  เสียวไส้แทนจริงๆ?

 

 

เปิดศาลรธน.ไต่สวน คดี ธนาธร ถือหุ้นวี-ลัค มีเดีย จับตา 10 พยานปากสำคัญ  เสียวไส้แทนจริงๆ?

 

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ส.ส.เพื่อไทย ต่อยกันยับ ในห้องหัวหน้าพรรค
-เปิดทุกปมความจริง คดียุบพรรค “อนาคตใหม่” หลัง “ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ พรรณิการ์” ผนึกกำลัง...บลั๊ฟศาลรธน.??
-“ยิ่งลักษณ์” โพสต์ส่งกำลังใจ คนไทยเผชิญน้ำท่วมปี 62 ภาพ “เอาอยู่” ผุดขึ้นมาทันที 8 ปีแล้ว ยังไม่มีใครทุบสถิติทำเสียหาย??
-มาดามเดียร์ ลั่น เอาจริงเรื่องแก้ปัญหาน้ำ ไม่ใช่ดีแต่พูด กรีดฝ่ายค้านมัวแต่ยุ่งปมถวายสัตย์ ไม่ช่วยเหลือ ปชช.เดือดร้อน