ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยสถานภาพความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ กรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (15) หรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยสถานภาพความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ กรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (15) หรือไม่

จากเหตุดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ โดยเห็นว่า ประเด็นแห่งคดีตามคำร้องเป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงไม่ทำการไต่สวนตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 58 วรรคหนึ่ง จึงนัดอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง ในวันพุธที่ 18 กันยายน เวลา 14.00 น.


 

ศาลรธน.วินิจฉัยแล้ว สถานะหัวหน้าคสช.ของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ถือเป็นจนท.รัฐ จึงไม่ขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี (คลิป)


ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ถือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ และผู้ถูกร้อง(พล.อ.ประยุทธ์)จึงไม่มีลักษณะต้องห้าม และความเป้็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องไม่สิ้นสุดลง

 

 

หัวหน้า คสช.

โดยในวันนี้ พลเอกประยุทธ์ ได้มอบหมายให้ทีมกฎหมายมาฟังคำวินิจฉัย ขณะที่ตัวแทนผู้ยื่นคำร้องประธานสภาฯ มอบหมายทีมกฎหมายของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมาร่วมรับฟัง

 

พลเอกประยุทธ์

 

 

คณะศาลตุลาการ ได้พิจารณาลงมติร่วมกัน โดยสรุปว่า ตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมาจากการยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 และต่อมาได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อบริหารราชการแผ่นดิน เห็นได้ว่าการแต่งตั้งตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการยึดอำนาจและเป็นตำแหน่งที่ใช้อำนาจอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ เห็นได้จากการออกประกาศและคำสั่งหลายฉบับ

 

 


หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึง ไม่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชา หรือการกำกับดูแลของรัฐ หรือหน่วยงานของรัฐใด ทั้งเป็นตำแหน่งที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งโดยกฎหมาย ไม่มีกฎหมายกำหนดกระบวนวิธีการได้มา หรือกระบวนการเข้าสู่ตำแหน่ง โดยมีอำนาจหน้าที่เป็นการเฉพาะชั่วคราวในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้มีอำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงปลอดภัยของประเทศและประชาชน 
ดังนั้นตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงไม่มีสถานะตำแหน่งหน้าที่ หรือลักษณะงานทำนองเดียวกันกับพนักงาน หรือลูกจ้างของราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ และไม่ใช่เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ตามมาตรา 98 (15) ผู้ถูกร้อง จึงไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (6) ประกอบมาตรา 98 (15)

 

 


อาศัยเหตุผลดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้อง คือพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว เพราะเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา  170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (15)

 

ศาลรธน.วินิจฉัยแล้ว สถานะหัวหน้าคสช.ของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ถือเป็นจนท.รัฐ จึงไม่ขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี (คลิป)

 

 

ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยที่ 11 / 2562 ลงวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2562 ให้กับผู้แทนผู้ร้อง ผู้แทนผู้ถูกร้องฟังแล้ว ให้ถือว่าคำวินิจฉัยได้อ่านโดยชอบแล้วตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 76 พร้อมให้คู่กรณีคัดถ่ายคำวินิจฉัยได้เมื่อพ้นกำหนด 15 วัน นับตั้งแต่อ่านคำวินิจฉัย

 

 


สำหรับคำร้องดังกล่าว เกิดขึ้นจากเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2562 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย พร้อม ส.ส. รวม 110 คน ได้เข้าชื่อเสนอคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่
 

ศาลรัฐธรรมนูญ

 

ศาลรัฐธรรมนูญ

 

 

ศาลรัฐธรรมนูญ

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ส.ส.เพื่อไทย ต่อยกันยับ ในห้องหัวหน้าพรรค
-เปิดทุกปมความจริง คดียุบพรรค “อนาคตใหม่” หลัง “ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ พรรณิการ์” ผนึกกำลัง...บลั๊ฟศาลรธน.??
-“ยิ่งลักษณ์” โพสต์ส่งกำลังใจ คนไทยเผชิญน้ำท่วมปี 62 ภาพ “เอาอยู่” ผุดขึ้นมาทันที 8 ปีแล้ว ยังไม่มีใครทุบสถิติทำเสียหาย??
-มาดามเดียร์ ลั่น เอาจริงเรื่องแก้ปัญหาน้ำ ไม่ใช่ดีแต่พูด กรีดฝ่ายค้านมัวแต่ยุ่งปมถวายสัตย์ ไม่ช่วยเหลือ ปชช.เดือดร้อน