ยิ่งทวนข้อกม.ยิ่งชัด ธนาธร ควักเงินปล่อยกู้ อนาคตใหม่ ผิดโดยเจตนา  ลุ้นหนักเลย..โทษ(ทำผิด)จะไปถึงไหน?

ต้องย้ำว่าเป็นประเด็นร้อนสุด ๆ สำหรับการพิจารณาคำร้องว่าด้วยการปล่อยกู้ยืมเงิน ระหว่างพรรคอนาคตใหม่ กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือ อีกนัยหนึ่งก็คือ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ทำหน้าที่เป็นนายทุนพรรคไปพร้อม ๆ กัน แม้จะรวมใจกันเดินหน้าแก้ตัว อ้างว่าการให้กู้ยืมเงินไม่เป็นการละเมิดต่อบทบัญญัติกฎหมาย เพราะตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ไม่ได้มีข้อห้ามเรื่องการกู้เงิน หรือไม่ถือเป็นรายได้ หรือ เงินบริจาค แต่ให้เรียกว่าหนี้สิน ท่ามกลางข้อคำถามว่าโดยเจตนาจะหลบเลี่้ยงกฎหมายไปเพื่ออะไร

ต้องย้ำว่าเป็นประเด็นร้อนสุด ๆ  สำหรับการพิจารณาคำร้องว่าด้วยการปล่อยกู้ยืมเงิน   ระหว่างพรรคอนาคตใหม่  กับ  นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  หรือ อีกนัยหนึ่งก็คือ  หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่  ที่ทำหน้าที่เป็นนายทุนพรรคไปพร้อม ๆ กัน  แม้จะรวมใจกันเดินหน้าแก้ตัว  อ้างว่าการให้กู้ยืมเงินไม่เป็นการละเมิดต่อบทบัญญัติกฎหมาย เพราะตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560  ไม่ได้มีข้อห้ามเรื่องการกู้เงิน  หรือไม่ถือเป็นรายได้  หรือ เงินบริจาค  แต่ให้เรียกว่าหนี้สิน  ท่ามกลางข้อคำถามว่าโดยเจตนาจะหลบเลี่้ยงกฎหมายไปเพื่ออะไร

โดยกรณีดังกล่าว  สืบเนื่องมาจากการที่นายศรีสุวรรณ  จรรยา  เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ไปยื่นหลักฐานคำร้องให้ กกต. ดำเนินการไต่สวน สอบสวน และเอาผิดนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ตาม ม.66 วรรคสอง ประกอบ ม.125 

 

นายศรีสุวรรณ  จรรยา


เนื่องจากรูปแบบการให้กู้ยืมเงิน กับพรรคการเมือง ไม่ได้มีการกำหนดไว้เป็นช่องทางการเข้าถึงเงินใช้จ่ายสำหรับพรรคอนาคตใหม่  หรือ ไม่มีบัญญัติไว้ตาม มาตรา 62  แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560   

 


นอกจากนี้ถ้าตีความเป็นอย่างอื่น  เช่น  เงินบริจาค   ก็จะมีข้อกำหนด  ควบคุมไว้  ตามมาตรา 66  ว่า บุคคลใดจะบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมือง  มีมูลค่าเกินสิบล้านบาทต่อพรรคการเมืองต่อปีมิได้ 

และในกรณีที่บุคคลนั้นเป็นนิติบุคคล การบริจาคเงิน  ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองไม่ว่าพรรคเดียวหรือหลายพรรคเกินปีละห้าล้านบาท   ต้องแจ้งให้ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นทราบในการประชุมใหญ่คราวต่อไปหลังจากบริจาคแล้ว

นอกจากนี้พรรคการเมืองจะรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดซึ่งมีมูลค่าเกินวรรคหนึ่งมิได้  ตามมาตรา 66  วรรคสอง

@ขณะเดียวกันเมื่อตรวจสอบช่องทางการออกของเงินพรรคการเมือง หรือ ระบบบรายจ่าย ก็มีกฎหมายเกี่ยวเนื่องไว้เช่นกัน ว่า  สามารถนำไปดำเนินการในเงื่อนไขใด ๆ ได้บ้าง   

อาทิ   มาตรา  87   กำหนดว่า  เงินและทรัพย์สินของพรรคการเมืองต้องนําไปใช้จ่าย   เพื่อดําเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคการเมือง    ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งของพรรคการเมืองและสมาชิก   และค่าใช้จ่ายในการบริหารพรรคการเมือง


และพรรคการเมืองต้องเปิดเผยค่าใช้จ่าย  ในการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์การดําเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองไม่ว่าในรูปแบบใด  ให้สมาชิกและประชาชนทราบเป็นการทั่วไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่คณะกรรมการกําหนด


ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เงินของพรรคการเมือง ไม่ถูกนำไปใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย  หรือ ผิดวัตถุประสงค์   เนื่องจากเงินทุนพัฒนาพรรคการเมือง  ส่วนหลัก ๆ ก็มาจากเงินภาษีประชาชน และงบประมาณรายจ่ายของประเทศ    รวมถึงมีข้อความปรากฎอยู่ใน   มาตรา  78   (6)   ว่า    กองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมือง     ประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน    หรือ  ประโยชน์อื่นใดที่พรรคการเมือง   ได้มาโดยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ  ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้  

ส่งผลให้เกิดข้อคำถามว่า   กรณีเงินกู้ที่พรรคอนาคตใหม่ได้มาจากนายธนาธร  จะถูกนำมารวมอยู่ด้วยหรือไม่   ถ้าอ้างว่าไม่ถือเป็นเงินรายได้  ไม่ถือเป็นเงินบริจาคก็ตาม  และพรรคอนาคตใหม่  สามารถนำเงินของพรรคไปใช้หนี้คืนให้กับนายธนาธร  ได้หรือไม่   ตามระเบียบกฎหมาย  

 

ธนาธร

ด้วยเหตุดังกล่าว  จึงเป็นที่มาของการสอบทานความคืบหน้าการดำเนินการจาก    พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  ซึ่งระบุว่า   ที่ประชุม กกต.ได้มีการพิจารณาสำนวนตรวจสอบกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่   ถูกร้องว่าให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน 191 ล้านบาท  เพื่อดำเนินกิจการพรรคอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมืองแล้ว  โดยให้สำนักงานนำเรื่องดังกล่าวไปดำเนินการตามขั้นตอนให้ถูกต้อง คือ นำไปเข้าคณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้ง  ก่อนเพื่อพิจารณาพยานหลักฐาน   และมีความเห็นก่อนที่จะเสนอ กกต.พิจารณาโดยเร็วอีกครั้ง  

 


@ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าพรรคอนาคตใหม่  จะพยายามบิดเบือนข้อกฎหมายในแง่มุมใด   ต้องถือว่าประเด็นการให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน  จำนวนกว่า 190 ล้าน ก็มีประเด็นให้สมควรแก่เหตุนำเข้าสู่ขั้นตอนการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

 

 


ยกตัวอย่างความเห็นของ อ.ชูชาติ  ศรีแสง   อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา   ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมจากประเด็นที่มีการออกมาโต้แย้งของแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ตามรายละเอียดสำคัญ ๆ ดังนี้  "นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวในเรื่อง " เงินกู้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ใช่หรือมั่ว ชัวร์หรือไม่ "  

 

 อ.ชูชาติ  ศรีแสง

 

ตอนหนึ่งว่า พรรคอนาคตใหม่ได้ใช้เงินที่กู้ยืมนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้นายธนาธรแล้วบางส่วน   ตามหลักพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560  มาตรา  87  วรรคหนึ่งบัญญัติว่า เงินและทรัพย์สินของพรรคการเมืองต้องนําไปใช้จ่ายเพื่อดําเนินกิจกรรม  ทางการเมืองของพรรคการเมือง  ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งของพรรคการเมืองและสมาชิก และค่าใช้จ่ายในการบริหาร

 

พรรคการเมือง

ขณะที่มาตรา 132  หัวหน้าพรรคการเมือง  กรรมการบริหารพรรคการเมือง และเหรัญญิก พรรคการเมืองผู้ใดนําหรือยินยอมให้บุคคลอื่นนําเงินหรือทรัพย์สินของพรรคการเมืองไปใช้จ่าย เพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือบุคคลอื่น หรือนําไปใช้เพื่อการอื่นใด อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 87  วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

นอกจากนี้เงินและทรัพย์สินของพรรคการเมืองต้องนำไปใช้จ่ายในเรื่องต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 87  วรรคหนึ่ง คือ 
1.เพื่อดําเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคการเมือง
2.ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งของพรรคการเมืองและสมาชิก และ
3.ค่าใช้จ่ายในการบริหารพรรคการเมือง


เช่นนี้การนำไปชำระหนี้เงินกู้ให้แก่นายธนาธรไม่สามารถกระทำได้ เพราะไม่ได้ระบุไว้ในมาตรานี้  ส่วนการนำเงินของพรรคอนาคตใหม่ ไปชำระหนี้ให้แก่นายธนาธร จึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 87  วรรคหนึ่ง  ดังนั้นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมทั้งกรรมการบริหารที่ตกลงยินยอมให้นำเงินของพรรค ไปชำระหนี้เงินกู้ให้แก่นายธนาธรจึงมีความผิดตามมาตรา  132  ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่  5 ปี ถึง 10  ปี หรือปรับตั้งแต่  100,000 บาท ถึง  200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ดังนั้นถ้านายธนาธรและกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่  ถูกดำเนินคดีในความผิดตามมาตรา 132   และถูกลงโทษ  พรรคอนาคตใหม่ไม่ต้องกล่าวว่า  ถูกใครบุคคลใดกลั่นแกล้งเพราะนายปิยบุตรเป็นผู้นำมาเปิดเผยด้วยตนเอง


@เท่านั้นกับแง่มุมกฎหมาย ก็ยังมีความเห็นเชิงวิชาการของ   อ.เสรี สุวรรณภานนท์  ประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ฟันธงชัดเจนว่าเงินกู้พรรคอนาคตใหม่ ต้องถือเป็นรายได้ของพรรคการเมือง  ดังรายละเอียดว่า ...


"ตามที่บอกว่า “เงินกู้ยืม ไม่ถือเป็นเงินได้”   มันเป็นเรื่องของระบบทางบัญชี ทางภาษีของบริษัท ห้าง ร้าน ที่เป็นเรื่องของการค้าขายและการทำธุรกิจ ที่มีการลงทุน และต้องนำเงินที่เป็นรายได้มาเสียภาษี  ดังนั้นในส่วนบริษัทห้างร้านในทางบัญชีเงินที่กู้มา. ตามประมวลรัษฎากร จึงไม่เป็นรายได้ที่จะต้องนำมาเสียภาษี


แต่ในส่วนของพรรคการเมือง หากมีการกู้ยืม เงินที่ได้มา ไม่ใช่เงินได้จากธุรกิจการค้า แต่เป็นเงินหรือประโยชน์อื่นใดที่พรรคการเมืองได้มา เมื่อนำมาใช้จ่ายในกิจกรรมของพรรคการเมือง เงินที่ได้มาดังกล่าวจึงเป็นรายได้ของพรรคการเมือง ตามพรป.พรรคการเมือง มาตรา 62 และตามหมวด 5 “รายได้ของพรรคการเมือง”


คำว่า “เงินได้”ตามประมวลรัษฎากร จึงเป็นคนละกรณีกับคำว่า “รายได้” ของพรรคการเมือง ตามพรป.พรรคการเมืองดังกล่าว

 

ดังนั้น เงินที่พรรคการเมืองไปกู้มา จึงเป็นรายได้ของพรรคการเมือง ที่ต้องถูกควบคุม ตาม พรป.พรรคการเมือง มาตรา 62 และตามหมวด 5 ในเรื่อง “รายได้ของพรรคการเมือง” ดังกล่าว

 

และที่มาอ้างว่ามีสัญญากู้ยืมเงินนั้น สัญญากู้ดังกล่าวอาจเป็นนิติกรรมอำพรางก็ได้ ซึ่งนิติกรรมจริงหรือเจตนาที่แท้จริง อาจเป็นสัญญาให้ก็ได้ การที่มาทำเป็นสัญญากู้ยืมเงิน อาจเป็นช่องทางที่จะหาหนทางที่จะไม่ปฏิบัติตาม พรป.พรรคการเมือง ก็อาจเป็นได้ เพราะสามารถไม่ติดใจเรียกคืนในภายหลัง

 

ดังนั้น การให้พรรคกู้เงินแล้วบอกไม่เป็นรายได้ ก็จะกลายเป็นการได้เงินเข้าพรรคโดยไม่มีจำนวนจำกัด และไม่ถูกตรวจสอบ มิฉะนั้นแล้ว ต่อไปใครที่ให้พรรคกู้เงินก็จะได้ตำแหน่งสำคัญๆได้ แต่ต่อไปก็จะบอกว่าไม่คิดใจเงินกู้คืน ก็ไม่ผิดกฎหมาย จึงไม่ต่างอะไรกับการซื้อขายตำแหน่ง

 


โดยเฉพาะการที่พรรคกู้เงินมาได้นำเงินกู้ดังกล่าวมาใช้จ่ายในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง  ยิ่งได้ประโยชน์กับคะแนนเสียงที่ได้รับมา  แล้วบอกว่าเงินกู้ไม่ใช่รายได้   เงินกู้นี้ก็จะไม่เข้าระบบรายได้ที่นำมาเป็นค่าใช้จ่ายของพรรค อันทำให้เห็นได้ว่าเป็นการได้เปรียบพรรคอื่น   เพราะทำให้พรรคการเมืองนั้นได้เงินมาโดยไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย  ในเรื่องรายได้ของพรรคการเมืองดังกล่าว  ยิ่งได้เปรียบพรรคการเมืองอื่น 

 

กรณีดังกล่าวจึงถือว่าเป็นการทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม แต่มันยิ่งทำให้การเมืองไม่เกิดการปฏิรูปและทำให้การเมืองไม่เกิดการพัฒนาให้มันดีขึ้นตามที่ต้องการให้มีการปฏิรูปการเมือง"

 

 

ปิยะบุุตร

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ส.ส.เพื่อไทย ต่อยกันยับ ในห้องหัวหน้าพรรค
-เปิดทุกปมความจริง คดียุบพรรค “อนาคตใหม่” หลัง “ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ พรรณิการ์” ผนึกกำลัง...บลั๊ฟศาลรธน.??
-“ยิ่งลักษณ์” โพสต์ส่งกำลังใจ คนไทยเผชิญน้ำท่วมปี 62 ภาพ “เอาอยู่” ผุดขึ้นมาทันที 8 ปีแล้ว ยังไม่มีใครทุบสถิติทำเสียหาย??
-มาดามเดียร์ ลั่น เอาจริงเรื่องแก้ปัญหาน้ำ ไม่ใช่ดีแต่พูด กรีดฝ่ายค้านมัวแต่ยุ่งปมถวายสัตย์ ไม่ช่วยเหลือ ปชช.เดือดร้อน