ธนาธร โบ้ยโดนสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เลยไม่ทำ Blind trust  ดูชัดๆ เจตนาบิดเงื่อนไข MOU คำชี้แจงฟังไม่ขึ้น!

@กลายเป็นนักการเมืองที่ประกาศตัวคือทางเลือกใหม่ แต่ถึงวันนี้ "ธนธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กลับกลายเป็นบุคคลมากปัญหา โดยเฉพาะวิธีการทำการเมืองที่กลายมาเป็นบ่วงมัดตัวเอง ชนิดไม่ต้องไปโทษใครแต่ควรโทษตัวเองเป็นสำคัญ นับแต่การเปิดเบื้องลึกเบื้องหลังชีวิต คนชื่อ ธนาธร นายทุนนิตยสารฟ้าเดียวกัน ที่ถูกมองว่ามีเนื้อหาสาระวิพากษ์วิจารณ์ สถาบันเบื้องสูง ในหลากหลายมิติ หรือกระทั่้งการมีภาพไปปรากฎเป็นแนวร่วมนปช.ในการชุมนุมทางการเมืองสี่แยกคอกวัว กระทั่งนำมาซึ่งความสูญเสียในหมู่คนไทยอย่างน่าเศร้าที่สุด

@กลายเป็นนักการเมืองที่ประกาศตัวคือทางเลือกใหม่  แต่ถึงวันนี้  "ธนธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่  กลับกลายเป็นบุคคลมากปัญหา   โดยเฉพาะวิธีการทำการเมืองที่กลายมาเป็นบ่วงมัดตัวเอง  ชนิดไม่ต้องไปโทษใครแต่ควรโทษตัวเองเป็นสำคัญ   นับแต่การเปิดเบื้องลึกเบื้องหลังชีวิต  คนชื่อ ธนาธร   นายทุนนิตยสารฟ้าเดียวกัน   ที่ถูกมองว่ามีเนื้อหาสาระวิพากษ์วิจารณ์ สถาบันเบื้องสูง ในหลากหลายมิติ  หรือกระทั่งการมีภาพไปปรากฎเป็นแนวร่วมนปช.ในการชุมนุมทางการเมืองสี่แยกคอกวัว  กระทั่งนำมาซึ่งความสูญเสียในหมู่คนไทยอย่างน่าเศร้าที่สุด  

จนล่าสุดความพยายามในการแสดงตัวเป็นนักการเมืองยุคใหม่  โปร่งใส่ในการทำงาน   เริ่มทำให้กระแสสังคมตีกลับเป็นเชิงลบ   เมื่อดูเหมือนว่าสิ่งที่ ธนาธร  เลือกทำ เป็นแค่วิธีการทางการตลาดใช่หรือไม่   จากบริบทคำอธิบายที่ไม่ต่างกับคำแก้ตัว  เรื่องเหตุผลทำให้ไม่มีการโอนหุ้น ในการครอบครองของผู้ที่เข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปไว้กับกองทุนเป็นผู้ดูแลแทน หรือ   Blind trust เหมือนที่ประกาศไว้ต่อสาธารณะ

 

ธนาธร


ไล่เรียงแต่ละประโยค ที่  ธนาธร  เลือกชี้แจงกับสังคม  โดยสรุปใจความสำคัญเป็นดังนี้  


1.เหตุการณ์หรือกระแสข่าว เรื่อง  Blind trust มีเจตนาเพื่อโจมตีทำลายความน่าเชื่อถือของตน   
2.ธนาธร อ้างว่าได้มีการจดหมายถึงบริษัทเอกชน  2  แห่งที่ได้มีการประสานงานติดต่อเรื่องการฝากโอนหุ้นให้บริหารดูแล   เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2562  ก่อนส่งอีเมล์ให้ทางบริษัทในวันที่ 26  สิงหาคม 2562 
3.เหตุผลที่ธนาธรทำจดหมาย เพราะต้องการขอโทษถึงความล่าช้าที่เกิดขึ้น  ด้วยเพราะถูกสั่งห้ามการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.โดยศาลรัฐธรรมนญ  
และ4.การทำประชาสัมพันธ์จุดยืนทางการเมืองของพรรคอนาคตใหม่  ว่า ประกอบด้วยหลักการอะไรบ้าง  ทั้งการสร้างประชาธิปไตย  ปฏิรูปกองทัพ  หยุดการรัฐประหาร   เป็นต้น

 


@ทีนี้เราจะไปไล่ดูในแต่ละประเด็น ว่าข้อกล่าวอ้างของนายธนาธรสมเหตุสมผลหรือไม่

 


ประเด็นแรกก็คือ จำเป็นหรือไม่ที่นายธนาธรถูกศาลสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.แล้ว  จะต้องชะลอการโอนหุ้นไปยังกองทุน ตามสิ่งที่มีการประโคมข่าวประชาสัมพันธ์   เป็นเจตนาสร้างความใหม่ทางการเมืองว่า  Blind trust โดยหลักความเป็นจริง  กรณีนี้ไม่มีเหตุผลเลยที่จะต้องเลื่อน  เพราะไม่ว่าจะอยู่ในสถานะส.ส.หรือไม่  วันนี้ ธนาธร  ก็คือหัวหน้าพรรคอนาคคใหม่  และเป็นนักการเมืองเต็มตัว  

 

 

ประเด็นต่อ ๆ มา คือ  เรื่อง  Blind trust เป็นพันธกิจที่ ธนาธร  เจตนาสร้างขึ้นมาเอง โดยไม่มีข้อบังคับทางกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น  จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 18 มีนาคม  2562  โดย ธนาธร ได้นัดหมายสื่อทุกแขนงให้ไปร่วมทำข่าว เรื่อง   การบริหารจัดการทรัพย์สินของตนหลังการเลือกตั้ง  ซึ่งก็ต้องย้ำว่าเป็นหลักการทำงานเรื่องการบริหารจัดการทรัพย์สิน ตามขั้นตอนหลังการเลือกตั้ง  

 

ธนาธร โบ้ยโดนสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เลยไม่ทำ Blind trust  ดูชัดๆ เจตนาบิดเงื่อนไข MOU คำชี้แจงฟังไม่ขึ้น!

ธนาธร อ้างด้วยซ้ำในวันที่  18  มีนาคม  ว่า  เหตุผลที่ตัดสินใจ เลือกทำ   Blind trust  เพราะไม่อยากให้สังคมเคลือบแคลงสงสัย   และตั้งคำถามว่านายธนาธร  เข้ามาทำงานการเมืองเพื่อปกป้องหรือหาผลประโยชน์ของตัวเองหรือไม่  ดังนั้นการกระทำเช่นนี้ของตน  จึงเป็นการกระทำเพื่อลบข้อครหา   ไม่ให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยที่นักธุรกิจที่มาทำงานการเมือง

 

 


สำคัญสุดเลย ธนาธร ไปไกลถึงขนาด แถลงต่อสื่อมวลชน  ถึงข้อดีเรื่อง  Blind trust ว่า  การแยกทรัพย์สินจะช่วยให้ทำงานการเมืองไม่ว่องแว่ก รับใช้ประชาชนได้อย่างเต็มที่  และนี่คือการสร้างมาตรฐานความโปร่งใส มาตรการดูแลรักษาผลประโยชน์  ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เป็นนักธุรกิจมาก่อน

 

 


ส่วนรูปแบบการจัดการ   Blind trust ที่กลายมาเป็นเอกสาร  บันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU) การจัดการทรัพย์สินของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด  เมื่อวันที่  18 มีนาคม  การที่ นายธนาธร อ้างว่าจะโอนหุ้นในบริษัทมหาชนหรือที่ดิน  ทั้งหมดไว้กับ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด     แต่ขอเหลือเก็บไว้ในนามส่วนตัวบ้าง  คือ บ้าน รถ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน  

 


และพูดด้วยซ้ำว่าการดำเนินการทั้งหมด  จะแล้วเสร็จในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม   พร้อมย้ำว่านี่จะเป็นมาตรฐานใหม่  ที่ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหน ใช้ private fund  ด้วยความสมัครใจมาก่อน  ทั้งหมดนี้จึงถือเป็นนวัตกรรมใหม่ ยกระดับมาตรฐานแสดงความจริงใจให้เกิดต่อสาธารณะ

แถลงการธนาธร


ตอนท้ายนายธนาธร ยังพูดถึง  นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ  ผู้เป็นมารดา ว่าก็แม่จะขายหุ้นมติชนในระยะอันใกล้นี้ด้วย   เพื่อให้เกิดความสบายใจและไม่เกิดข้อครหา

 


@ชัดเจนยิ่งที่สุดว่า กระบวนการทั้งหมด เป็นเรื่องของความสมัครใจ   มีกำหนดการรายละเอียดชัดเจน  แต่กลายเป็นว่า พอถึงเวลา ธนาธร  เลือกอ้างว่าเพราะถูกศาลรัฐธรรมนูญพักการทำหน้าที่ส.ส. เลยหยุดทุกขั้นตอนไว้ก่อน

 


จุดน่าสนใจก็คือ สังคมไทยทราบก่อนอยู่แล้วว่า   ธนาธร ไม่ใช่นักการเมืองคนแรกที่มีแนวทางเรื่อง  Blind trust แต่นักการเมืองรุ่นพี่ ๆ อีกถึง 15 คน  ก็เข้าสู่กระบวนการในลักษณะดังกล่าว  คือ  การมอบหมายให้บริษัทจัดการกองทุน นำทรัพย์สินไปบริหารระหว่างดำรงตำแหน่งทางการเมือง

  


อาจแตกต่างกันบ้างตรงที่  นักการเมืองเหล่านั้น   กระทำตามบทบัญญัติกฎหมาย   ว่าด้วย   หลักการว่ารัฐมนตรีต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน  หรือบริษัท หรือไม่คงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท   เนื่องจากเจตนารมณ์ของกฎหมาย  เป็นไปเพื่อมิไห้รัฐมนตรีและคู่สมรสมีส่วนได้เสียในธุรกิจ  และห้ามรัฐมนตรีผู้นั้นเข้าไปบริหารจัดการได้ใดใด  ในหุ้นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interests) ได้ 

 


กรณีดังกล่าว  ธนาธร  ก็รู้ว่าถ้าวันหนึ่งมีโอกาสทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหาร  ต้องเข้าสู่กระบวนการดังกล่าวเช่นกัน   แต่การตัดสินใจประกาศเรื่องแนวทาง  Blind trust ตั้งแต่แรกเริ่ม  หรือ  ในช่วงที่ยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาล  ก็เพียงเพื่อการสร้างกระแสให้เห็นสังคม  เข้าใจว่า  ตนเองเป็นนักการเมืองที่ยึดหลักความโปร่งใส      ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใด ๆ  เลยที่ ธนาธรต้องเลื่อนขั้นตอนการโอนหุ้นและทรัพย์สินบางส่วน  ให้     บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด  ดูแลตามหนังสือข้อตกลง  MOU ที่ทำขึ้นเมื่อวันที่ 18  มีนาคม 2562  

 

 


@ อย่างไรก็ตามเนื่องจากประเด็นดังกล่าวนี้ มีรายละเอียดค่อนข้างมาก  โดยเฉพาะสิ่งที่  ธนาธร  เลือกนำเสนอไว้ในวันที่ 18 มีนาคม แต่ปล่อยเวลาจนล่วงเลย  มาถึงเดือนกันยายน  แล้วอ้างเหตุผลเรื่องคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ

 

 


ด้วยเหตุเช่นนี้  จึงมีข้อพิจารณาประกอบคำอ้างของ ธนาธร  เช่นกัน  ว่า สมเหตุสมผลหรือไม่  เริ่มจาก หนังสือข้อตกลง  MOU  ระหว่าง  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด  กับ นายธนาธร    ตามรายละเอียดย่อหน้าที่สอง  ซึ่งระบุรายละเอียดตอนหนึ่งว่า

 

 

"ลูกค้ามีความประสงค์ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  ในฐานะสมาชิกผู้แทนราษฎร    นายกรัฐมนตรี   และรัฐมนตรี  ตามแต่กรณี   จึงตกลงทำบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ เพื่อกำหนดความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของลูกค้าในระหว่างที่ลูกค้าเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง"

 


ต่อมาเมื่อวันที่  8 พฤษภาคม 2562   คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีการประกาศรับรองชื่อ นายธนาธร  จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นสมาชิกผู้แทนราษฎรตามผลการเลือกตั้ง 

 

 

จากนั้นในวันที่  25  พฤษภาคม 2562 นายธนาธร ได้เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร  เพื่อปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่

 

 

และเป็นครั้งแรกครั้งเดียวที่นายธนาธร  ได้เข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อทำหน้าที่    เนื่องจากก่อนหน้านั้น  เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2562   ศาลรัฐธรรมนูญ  มีมติเสียงข้างมาก ให้ธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร   จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย  จากคำร้องของกกต.เรื่องการถือหุ้นสื่อ บริษัทวี-ลัค มีเดีย 

 

 


กระทั่งล่าสุด  สรุปว่า  ธนาธร   ใช้เวลานานถึง  3  เดือน    ทำจดหมายแจ้งไปยัง  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด ว่า   เพราะคำสั่งห้ามปฏิบัติหน้าที่ เลยทำให้แผนที่วางไว้ว่าด้วย การโอนทรัพย์สินเกิดความล่าช้า  และจะเกิดขึ้นได้อีกครั้ง ก็ต่อเมื่อคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญถูกยกเลิก  

 

 


@ ถึงตรงนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม และคงยังไม่จบง่ายๆ     เพราะด้วยข้อเท็จจริงกรณีการประโคมข่าว    เรื่องการสร้างความโปร่งใสทางการเมือง ว่าด้วย  Blind trust ของนายธนาธร  ก็ชัดเจนอยู่ในตัวเองแล้วว่า  แนวทางการทำการเมืองของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่   ตั้งอยู่บนหลักการอะไร    ในเมื่อ  MOU ที่เซ็นไว้เขียนระบุไว้ชัดเจนว่า Blind trust เกิดจากความประสงค์จะปฏิบัติหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  ในฐานะสมาชิกผู้แทนราษฎร  แต่กลายเป็นว่าในช่วงถูกสั่งพักทำหน้าที่ชั่วคราว เพื่อรอการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ  เศรษฐีหุ้นอย่าง  ธนาธร ก็หยิบยกมาเป็นข้ออ้าง   ทั้ง ๆ ที่ยังไม่สิ้นสภาพความเป็น ส.ส. ใด ๆ เลย

 

 

โอนหุ้น ธนาธร

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ส.ส.เพื่อไทย ต่อยกันยับ ในห้องหัวหน้าพรรค
-เปิดทุกปมความจริง คดียุบพรรค “อนาคตใหม่” หลัง “ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ พรรณิการ์” ผนึกกำลัง...บลั๊ฟศาลรธน.??
-“ยิ่งลักษณ์” โพสต์ส่งกำลังใจ คนไทยเผชิญน้ำท่วมปี 62 ภาพ “เอาอยู่” ผุดขึ้นมาทันที 8 ปีแล้ว ยังไม่มีใครทุบสถิติทำเสียหาย??
-มาดามเดียร์ ลั่น เอาจริงเรื่องแก้ปัญหาน้ำ ไม่ใช่ดีแต่พูด กรีดฝ่ายค้านมัวแต่ยุ่งปมถวายสัตย์ ไม่ช่วยเหลือ ปชช.เดือดร้อน