นับถอยหลังชี้ชะตา “ธนาธร” ได้เวลาเบิกพยาน “วี-ลัค มีเดีย” ปล่อยข้อแก้ตัวรัว ๆ จำคำ “อ.แก้วสรร” ไว้ ระวังจะพาคนอื่นเดือดร้อน!?

@ นับตั้งแต่วันที่  23  พฤษภาคม  2562    เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้องกกต.  ให้พิจารณาสมาชิกภาพการเป็นส.ส.ของ  ธนาธร  จึงรุ่งเรืองกิจ  หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และมีมติเสียงข้างมากให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย จนผ่านพ้นมากว่า 5 เดือนแล้ว   ต้องถือว่านับจากระยะนี้้เป็นต้นไป  ใกล้ที่จะได้ข้อสรุปทางคดีแล้ว สำหรับสถานะทางการเมืองของ ธนาธร  ว่าจะได้ไปต่อหรือรับบทผู้นำการเมืองนอกสภา เหมือนที่พยายามทำตลอดต่อเนื่อง  

 

 

ไทม์ไลน์สำคัญต้องเริ่มต้นนับจากวันที่ 18  ตุลาคม 2562   เมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ  ได้นัดไต่สวนพยานฝ่ายผู้ร้อง หรือ ธนาธร  จำนวน 10 ปาก   เพื่อสอบทานข้อเท็จจริง  อันเกี่ยวเนื่องกับการโอน-ซื้อ หุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย  จำกัด   เนื่องจากมีข้อสงสัยว่า ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นก่อนวันรับสมัครเลือกตั้งหรือไม่

 

นับถอยหลังชี้ชะตา ธนาธร ได้เวลาเบิกพยาน วี-ลัค มีเดีย ปล่อยข้อแก้ตัวรัว ๆ จำคำ อ.แก้วสรร ไว้ ระวังจะพาคนอื่นเดือดร้อน!?


เนื่องจากถ้า ธนาธร   ไม่ได้ทำตามขั้นตอนกฎหมาย   ย่อมอาจเข้าข่ายกระทำผิดว่าด้วยการเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน อันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกผู้แทนราษฎร  และเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสมาชิกผู้แทนราษฎร  สิ้นสุดลงตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา   98 (3) 

@ ประเด็นสำคัญของกรณีนี้ ไม่ได้อยู่ที่องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะใช้เวลากี่วันในการไต่สวนพยานทั้ง 10 ปาก แต่ประเด็นที่ต้องจับตาคือ พยานของ ธนาธร  ที่จะเข้าสู่กระบวนการนำสืบข้อเท็จจริงใครบ้าง


โดยก่อนหน้านี้ สนข.ทีนิวส์ เคยนำเสนอแล้วว่า นอกจากนายธนาธรในฐานะคู่ความ   ย่อมมีบุคคลสำคัญ  อย่าง  นางสมพร  จึงรุ่งเรืองกิจ  ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่  บริษัทวี-ลัค มีเดีย  และเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญ  ในการซื้อ-โอนหุ้น ของนายธนาธร และภรรยา ไปให้หลานชาย 2 คนเป็นผู้ถือหุ้นแทน    

 
นอกจากนั้นต้องจับตาชื่อพยานบุคคลอย่าง   นายทวี  และ   นายปิติ จรุงสถิตพงศ์     ในฐานะ  2 หลานชายที่มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับการถือครองหุ้นแทนนายธนาธร และ ภรรยา    ด้วยเหตุผลที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความบังเอิญที่เกิดขึ้น 

 

เพราะเป็น 2 รายชื่อที่ถูกนำมาอ้างหลังจากเกิดข้อคำถาม  เรื่องสัดส่วนผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุม   วิสามัญผู้ถือหุ้น  บริษัทวี-ลัค มีเดีย  ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 19 มีนาคม  2562   หลังจากนายธนาธร  ยืนยันว่าได้ขาย-โอนหุ้นไปให้นางสมพร ผู้เป็นมารดาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562   

 

รวมถึงเป็นไปได้ว่า  นาง  รวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ   คืออีกหนึ่งพยานที่ถูกเรียกเข้าให้ข้อมูล    ในขั้นตอนการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ   เพราะถือเป็นบุคคลทีมีชื่อปรากฎอยู่ในหลายช่วงขั้นตอน  ที่กระบวนการขาย-โอนหุ้น บริษัท วี-ลัคมีเดีย  เกิดขึ้น    โดยเฉพาะกรณันายธนาธร   ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562   โดยยืนยันว่า   การโอนหุ้นมีผลสำเร็จตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562    แต่อ้างว่าเช็คที่ได้รับจาการชำระค่าหุ้น  บริษัทวี-ลัค ทีเดีย  ยอดเงินจำนวน 6,750,000  บาท  ซึ่งได้รับจากนางสมพร   ยังไม่ได้นำเช็คที่ชำระค่าหุ้นไปขึ้นเงิน   

 

ธนาธร


โดย ธนาธร  ระบุชัดว่า  เช็คมูลค่ากว่า  6  ล้านบาท  ได้มอบให้ภรรรยาไปดำเนินการ  ในฐานะเป็นผู้ดูแลเรื่องการเงินต่าง ๆ ของตนเอง   เนื่องจากตนเองแม้จะออกจากบ้าน   ก็ต้องไปขอเงินภรรยา   เนื่องจากตนเองไม่มีแม้แต่บัตรเอทีเอ็ม  มีแต่เครดิตการ์ด   ซึ่งจากกรณีนี้ไม่รู้ว่าอนาคตภายภาคหน้า  ในประเด็นคำร้องที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบการกระทำความผิด   เรื่องการให้กู้ยืมเงินกับพรรคอนาคใหม่   จำนวน 191,200,000 บาท    จะต้องเดือดร้อนไปถึงนางรวิพรรณ  อีกหรือไม่   ในฐานะผู้ดูแลการเงินของนายธนาธร  ซึ่งย่อมต้องรับรู้เรื่องการให้กู้ยืมเงินกับพรรคอนาคตใหม่  
 

 

 

@ส่วนพยานบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการไต่สวนคำร้องเรื่องการขาย-โอนหุ้น บริษัทวี-ลัค มีเดีย  ซึ่้งเป็นสมาชิกภายในตระกูล "จึงรุ่งเรืองกิจ"  แล้ว  ยังมีบุคคลภายนอกเกี่ยวเนื่อง  
 

อาทิ  กรณีของทนายความโนตารี   ซึ่งปราฎว่าเป็นผู้ลงลายมือชื่อ ในเอกสารตราสารโอนหุ้น  ลงวันที่  8 มกราคม 2562     รวมถึงคนขับรถตู้ฮุนได สีขาว ทะเบียน 7xx 8893 กรุงเทพมหานคร   ที่นายธนาธร อ้างว่าเป็นผู้นำตนเองกลับจากการหาเสียงในภาคอีสาน หรือ  จากบุรีรัมย์วิ่งด่วนกลับมายังกรุงเทพมหานคร   ในวันที่  8  มกราคม  2562     เพื่อภารกิจสำคัญว่าด้วยการโอนหุ้น บริษัทวี-ลัค มีเดีย   ที่ถูกตั้งคำถามว่าทำไมต้องเร่งรีบ  ทุลักทุเล ขนาดนั้น  

 

ธนาธร จึงรุ่งเรื่องกิจ

 

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ   ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ  พ.ศ. 2561    โดยเฉพาะ  มาตรา  62  วรรคหนึ่ง   ซึ่งระบุว่า   ในการไต่สวนพยานบุคคล  ไม่ว่าจะเป็นพยานที่ฝ่ายใดอ้างหรือที่ศาลเรียกมาเอง   ให้ศาลสอบถามพยานบุคคลเอง   แล้วให้พยานให้ถ้อยคําในข้อนั้นโดยวิธีแถลงด้วยตนเองหรือตอบคําถามศาล   ศาลอาจถามพยานเกี่ยวกับข้อเท็จจริงใด ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับคดีแม้จะไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นอ้างก็ตาม

ส่วนวรรคสอง  ระบุว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลอาจอนุญาตให้คู่กรณีซักถามพยานเพิ่มเติมตามประเด็น  และข้อเท็จจริงที่ศาลกําหนดไว้ก็ได้ โดยให้ฝ่ายที่อ้างพยานเป็นผู้ซักถามก่อน

 

และวรรคสาม  ระบุว่า  หลังจากคู่กรณีถามพยานตามวรรคสองแล้ว ห้ามมิให้คู่กรณีฝ่ายใดถามพยานอีก เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล


 
สำคัญเลย ต้องไม่ลืมว่า  กระบวนการไต่สวนพยานทั้งหมด   อ.แก้วสรร อติโพธิ      เคยเขียนบทความเรื่อง  "อนาคต..ของอนาคตใหม่คดีคุณธนาธร"    มีใจความตอนหนึ่งระบุไว้ว่า   "กรณีปัญหาที่กล่าวอ้างว่าตน (ธนาธร)  ได้ขายหุ้นให้มารดาไปแล้ว ตั้งแต่ 8 มกราคม ( 2562)   ถ้า กกต.หรือศาล  เชื่อว่าไม่จริง เป็นกล่าวอ้างย้อนหลังทำเอกสารเท็จมาประกอบ   แล้วอย่างนี้จะมีใครติดคุก  เพราะป้อนความเท็จให้กระบวนการยุติธรรมได้หรือไม่  : กรณีดังกล่าวตัวคุณธนาธร  ไม่มีปัญหา เพราะเขามีสิทธิต่อสู้คดีอยู่แล้ว   สำคัญตรงคำเบิกความของพยาน  เช่นมารดาของคุณธนาธรเอง  ถ้าเป็นเท็จในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ  ดังนี้ก็ติดคุกได้เหมือนกัน ต้องระวังให้ดี"

 


@ ชัดเจนว่าขั้นตอนการไต่สวนพยานบุคคล  ไม่ได้สำคัญเฉพาะตัวนายธนาธร   ว่าจะสามารถทำให้องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อตามพยานหลักฐานทั้งหมดได้ว่า  กระบวนการขาย-โอนหุ้น บริษัทวี-ลัค มีเดีย เกิดขึ้นในวันที่ 8 มกราคม  2562 ครบถ้วนสมบูรณ์ตามกรอบกฎหมายจริง  แต่การเบิกความของพยานทุกคนจะต้องเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ด้วย   มิฉะนั้นอาจเป็นเรื่องแน่

 


อย่างไรก็ตาม ทางด้าน  ธนาธร  จึงรุ่งเรืองกิจ   เองก็แสดงความพร้อมในการเข้าสู่กระบวนการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ  โดยการนำข้อมูลการต่อสู้คดี พร้อมเอกสารประกอบ แสดงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว   มีใจความสำคัญหลายบทตอน  ยืนยันว่า  การขาย-โอนหุ้น บริษัทวี-ลัค มีเดีย  เป็นไปด้วยความถูกต้องทุกประการ  

 

 

อาทิ  1. หุ้น บริษัทวี-ลัค มีเดีย จำนวน 675,000 หุ้น ได้ถือครองมาตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม  2558  ก่อนจะโอนหุ้นให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ในวันที่ 8 มกราคม 2562  ต่อหน้าทนายความโรตารี่  จึงถือว่ากระบวนการโอนหุ้นมีผลสมบูรณ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรคสอง แล้ว

 


ส่วน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรคสาม  ซึ่งระบุว่า "การโอนเช่นนี้จะนำมาใช้แก่บริษัทหรือบุคคลภายนอกไม่ได้ จนกว่าจะได้จดแจ้งการโอนทั้งชื่อและสำนักของผู้รับโอนนั้นลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น"

 

 


ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นส่วนสำคัญอาจทำให้การโอนหุ้นไม่มีผลสมบูณ์นั้น ธนาธร  อ้างว่า  การจดแจ้งในลักษณะดังกล่าว มีการกระทำลงในสมุุดทะเบียนผู้ถือหุุ้น ซึ่งบริษัทจัดทำและเก็บรักษาไว้ที่บริษัท โดยเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1141  ที่กำหนดว่าให้สันนิษฐานว่าข้อความในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเป็นพยานอันถูกต้อง...

 

 


2.กรณีข้อค้างคาใจเรื่องการเดินทางจากบุรีรัมย์มากรุงเทพ เพื่อโอนหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย  ธนาธร  ยืนยันว่าคำชี้แจงที่ผ่านมาเป็นเรื่องจริงทั้งหมด  โดยขึ้นรถตู้จาก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์  ในเวลาประมาณ 11.00 น. ก่อนมาถึงถนนกาญจนาภิเษก ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี  ในเวลาประมาณ 14.57 น. มีใบสั่งจราจรกับข้อมูลของการทางพิเศษฯเป็นหลักฐานยืนยัน ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 8 มกราคม 2562

 

 

3.เหตุผลทำไมนางสมพรต้องโอนหุ้นกลับไปกลับมาให้หลานชายทั้งสองคน  ธนาธร  ระบุว่า เป็นเพราะต้องการให้เข้ามาดูแลติดตามหนี้สินจากลูกหนี้ค้างชำระ   จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องควรสงสัยต่อกรณีที่เกิดขึ้น    และเมื่อพบว่ามียอดหนี้สินจำนวน 11 ล้านบาทที่ไม่อาจทวงคืนได้ เลยตัดสินใจยกเลิกกิจการบริษัทวี-ลัค มีเดีย

 

ธนธร โอนหุ้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ภาพชัดมาก คำแถลงสหภาพยุโรป เชื่อมั่นไทยหลังเลือกตั้ง อีกหนึ่งเคสเมินคำชี้ชวน #ชังชาติ ธนาธร อย่างสิ้นเชิง?
-ดร.อานนท์อธิบายชัดที่มาคำพูดทูตจีน ซัดหนักนักการเมืองบางคน เทียบคนเนรคุณสองแผ่นดิน ทำอะไรไม่มีวันเจริญ
-ธนาธร อ้างบังเอิญเจอ โจชัว หว่อง โบ้ยภาพถ่ายคู่ถูกนำขยายสร้างความเกลียดชัง...ดูกันยาวๆ ระวังกระทบธุรกิจ ไทยซัมมิท ในจีน
-ธรรมนัส ลุย กระบี่ ตามความก้าวหน้า นำร่องเศรษฐกิจพอเพียง หนุนเกษตรแปลงใหญ่ผสมผสาน สร้างรายได้อย่างยั่งยืน