เมื่อผู้ลี้ภัย จอม เพชรประดับ ออกหน้าชื่นชมอนค. แกะคำพูดคล้ายกันมากๆพล่ามรักสถาบัน แต่วิจารณ์หมิ่นเหม่?

@ นอกเหนือจากภาพปรากฎในกลุ่มผู้ลี้ภัย ที่ออกมาแสดงภาพให้เกิดความรู้สึกคล้อยไปตามพฤติการณ์ ก่อนสนข.ทีนิวส์จะชี้ชัดว่าเป็นแค่ความจอมปลอม ของทั้งนายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ อดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กับ สุนัย จุลพงศธร นักเคลื่อนไหวล้มเจ้า และอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย

@ นอกเหนือจากภาพปรากฎในกลุ่มผู้ลี้ภัย  ที่ออกมาแสดงภาพให้เกิดความรู้สึกคล้อยไปตามพฤติการณ์  ก่อนสนข.ทีนิวส์จะชี้ชัดว่าเป็นแค่ความจอมปลอม  ของทั้งนายจรัล  ดิษฐาอภิชัย   อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ  อดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กับ สุนัย จุลพงศธร  นักเคลื่อนไหวล้มเจ้า และอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย 

อีกหนึ่งปฏิกริยาที่ก่อเกิดขึ้นจาก  นายจอม  เพชรประดับ  สื่อมวลชนที่ประกาศตัวเป็นฝั่งตรงข้ามรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และคสช. ก็มีทั้งความน่าสนใจและสื่อความให้เห็นในอีกหลายมิติทางการเมือง  หลังจากเจ้าตัวออกมาโพสต์ข้อความว่า  "ถึงเวลา"โยนผ้า"เพื่ออำลาสังเวียนแล้วครับ 5 ปีที่ต่อสู้มา บอกกับตัวเองว่าทำเต็มที่ ตามศักยภาพที่มี และทำดีที่สุดแล้ว..ครับ"

 

เมื่อผู้ลี้ภัย จอม เพชรประดับ ออกหน้าชื่นชมอนค. แกะคำพูดคล้ายกันมากๆพล่ามรักสถาบัน แต่วิจารณ์หมิ่นเหม่?


เนื่องจากประเด็นที่  นายจอม เพชรประดับ   ใช้คำว่าอำลาสังเวียน   สรุปสุดท้ายเป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้  ว่า  แท้จริงไม่ใช่สามัญสำนึก  คว ามรับผิดชอบชั่้วดี  เพราะเหตุผลที่  จอม เพชรประดับ  ขยายความในลำดับต่อมา  คือ  ผลที่ก่อเกิดมาจาก  เนื้อความตอนหนึ่งที่ปรากฎในเฟซบุ๊ก ว่า  "ผมผิดหวังกับเพื่อไทย (พลังประชาชน-ไทยรักไทย-ไทยรักษาชาติ) หลายต่อหลายครั้งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา  แต่ด้วยเพราะเห็นใจที่ถูกรังแก ถูกกระทำมาโดยตลอดจึงเอาใจช่วยสนับสนุนให้ได้รับความเป็นธรรมและพยายามผลักดัน หนุนเสริมให้เป็นพรรคที่มีหลักการและอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

 


และแล้วความหวังก็พังพินาศลงอีกครั้ง  กับการที่  ส.ส.พรรคเพื่อไทย  พร้อมใจกันลงมติอนุมัติ พ.ร.ก.โอนกำลังพลและงบประมาณ  ด้วยเหตุผลเพราะว่า  “จะเป็นหลักประกันว่าทหารจะไม่ทำรัฐประหารอีก”....แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า นี่เป็นเหตุผลที่มาจากพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสังคมไทย

 


@ขณะที่ถ้าหลายคนยังจำได้  ผลการลงมติที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต่อพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นหน่วยงานบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ.2562 มีผู้เห็นชอบ  374 คน  ไม่เห็นด้วย 70 คน และงดออกเสียง 2 คน  

โดย ส.ส. 70 คนที่ลงมติไม่เห็นด้วยเป็นของพรรคอนาคตใหม่ทั้งหมด   แต่ขณะเดียวกันก็มี  3  ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งลงคะแนนเห็นชอบ ประกอบด้วย  1.  น.ส.กวินนาถ ตาคีย์  ส.ส.ชลบุรี  2. นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี และ  3. พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี    โดยทั้งหมดมีการระบุว่าจะมีการดำเนินการกับผู้ลงมติไม่เป็นไปทิศทางเกียวกับพรรคอนาคตใหม่

 

 

อย่างกรณีของ  น.ส.กวินนาถ ถูกระบุว่ามีการกระทำผิดวินัยตามข้อบังคับพรรค   คณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณของพรรค  จึงจะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง ก่อนส่งเรื่องและทำความเห็นไปให้คณะกรรมการบริหารพรรควินิจฉัยเพื่อมีมาตรการอย่างหนึ่งอย่างใด    สำคัญที่สุด มีคำสั่งห้ามให้ น.ส. กวินนาถ ตาคีย์ ดำเนินกิจกรรมใดๆ กับพรรคอนาคตใหม่ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยจากคณะกรรมการบริหารพรรคออกมา

 


ขณะที่ นายวัฒนา  เมืองสุข  สมาชิกพรรคเพื่อไทย   พูดถึงปฏิกริยาที่เกิดขึ้นจากการลงมติในสภาฯของพรรคเพื่อไทย ว่า  " สาระของเรื่องนี้มีเพียง 2 ประเด็น คือ การเปลี่ยนแปลงสายการบังคับบัญชาและวิธีการในการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว  ซึ่งตนเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสายการบังคับบัญชาของ 2 หน่วยทหารดังกล่าวจะตรงและสั้นลงทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนวิธีการนั้นจะเสนอเป็น พรก. หรือ พรบ. ก็คงไม่มีอะไรแตกต่างกัน ..... ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการยืนข้างประชาชนหรือมีความเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ คนละเรื่องกันครับ!!"

 


@ย้อนกลับมาที่ความเห็นของ  นายจอม  เพชรประดับ   ชัดเจนว่ามีหลายประโยค  ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับคำอธิบายความเป็นไปทางการเมืองไทย แต่มีนัยสำคัญน่าพิจารณาในเชิงลึก   ด้วยการชื่นชมพรรคอนาคตใหม่อย่างออกนอกหน้า  

 


ผ่านถ้อยประโยคหลัก  อย่าง " ประชาธิปไตยที่กล้าหาญเสียสละอย่างอนาคตใหม่  คอยเป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชนคอยตอบโต้ ต่อสู้ กับฝ่ายเผด็จการ เรียกร้องประชาธิปไตยแทนประชาชน ... แต่ขณะที่ “เพื่อไทย” พรรคการเมืองที่ประชาชนคาดหวัง และให้กำลังใจมากที่สุด กลับไม่มีความชัดเจน ไม่มีความกล้าหาญมากพอในการต่อสู้กับฝ่ายเผด็จการราชานิยม"

 


และอีกหนึ่งข้อความปรากฎ  " แม้อนาคตใหม่  จะออกมาเพื่อช่วยล่อเป้า เป็นความสนใจของศัตรูที่จ้องจะทำลายเพื่อไทย   แต่แทนที่เพื่อไทยจะจับมือเป็นพันธมิตร บอกเจตจำนงค์ในการปกป้องอุดมการณ์ประชาธิปไตย  ไม่ถึงกับต้องคัดค้าน ไม่อนุมัติ พ.ร.ก.โอนกำลังพลฯ อย่างอนาคตใหม่  แต่อย่างน้อยขั้นต่ำสุดก็ควรจะงดออกเสียง  แต่ไม่ทำ กลับอนุมัติกันอย่างหน้าระรื่น  ไม่ได้แยแสต่อเจตจำนงของประชาชนที่ร่วมต่อสู้และให้การสนับสนุนเพื่อไทยมาโดยตลอดเลยแม้แต่น้อย"

 


@แน่นอนว่า มุมมองความคิดของ นายจอม เพชรประดับ  ไม่ได้จบเพียงการวิพากษ์วิจารณ์   การทำหน้าที่ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย  แต่มีอีกหลายประโยค หลายตอน ที่พาดพิงไปถึงบทบาทของสถาบันเบื้องสูง  

 

 

 

สำคัญที่สุด คือ บังเอิญค่อนข้างจะไปในทิศทางเดีย วกับมุมมองของแกนนำพรรคอนาคตใหม่บางคน    ที่ออกมาสื่อสารต่อสาธารณะหลายครั้ง     ขณะที่ประเด็นทต้องจับตามองก็คือ  เส้นทางของนักลี้ภัยอย่าง  จอม เพชรประดับ  นับจากนี้จะเดินคู่ขนานกับเครือข่ายพรรคเพื่อไทย และไปในทิศทางเดียวกับ พรรคอนาคตใหม่  ในแบบไหน อย่างไร ??

 

 


โดยเฉพาะประโยคสัญญาณบ่งชี้  เรื่องประชาธิปไตย ว่าด้วยการเน้นย้ำอำนาจสูงสุด  ที่บางพรรคการเมือง เคยนำเสนอชุดความคิด  แต่ดูละม้ายคล้ายกับสิ่งที่นายจอม โพสต์ไว้ว่า  ต้องไม่ลืมว่า “สถาบันกษัตริย์” คือมรดกทางการเมืองที่ล้าหลังของมนุษย์   หากปล่อยให้สถาบันกษัตริย์    มีอำนาจหรืออิทธิพลสูงสุดทางการเมือง  มีแต่จะนำประเทศสู่ความล้าหลังถดถอย และเป็นภัยต่อความเป็นประชาธิปไตยอย่างยิ่ง   

 

เมื่อผู้ลี้ภัย จอม เพชรประดับ ออกหน้าชื่นชมอนค. แกะคำพูดคล้ายกันมากๆพล่ามรักสถาบัน แต่วิจารณ์หมิ่นเหม่?