ศาลจังหวัดพัทยา จ.ชลบุรี นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำกลุ่มคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุมอาเซียนที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีชรีสอร์ท เมืองพัทยา โดยเป็นกรณีที่ จำเลย 3 คน คือ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ , นายสำเริง ประจำเรือ และนายวรชัย เหมะ มารับฟังคำพิพากษาคดีที่ร่วมกับ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กับพวกรวม 13 คน บุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หลังจากจำเลยทั้ง 3 คน ไม่ได้มาฟังคำพิพากษา โดยอ้างว่าไม่ได้รับหมายเรียกจากศาล ศาลจึงออกหมายเรียกให้มาฟังคำพิพากษาอีกครั้ง

ศาลจังหวัดพัทยา จ.ชลบุรี นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำกลุ่มคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุมอาเซียนที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีชรีสอร์ท เมืองพัทยา  โดยเป็นกรณีที่ จำเลย 3 คน คือ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ , นายสำเริง ประจำเรือ และนายวรชัย เหมะ มารับฟังคำพิพากษาคดีที่ร่วมกับ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กับพวกรวม 13 คน บุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หลังจากจำเลยทั้ง 3 คน ไม่ได้มาฟังคำพิพากษา โดยอ้างว่าไม่ได้รับหมายเรียกจากศาล ศาลจึงออกหมายเรียกให้มาฟังคำพิพากษาอีกครั้ง

ทั้งนี้ปรากฎว่าถึงเวลาศาลฎีกาขึ้นบัลลังก์อ่านคำพิพากษา จำเลยทั้ง 3 ได้ยื่นคำร้องถอนคำให้การและรับสารภาพ เพื่อให้ศาลพิจารณาบรรเทาโทษ ซึ่งศาลจังหวัดพัทยาได้ส่งคำร้องให้ศาลฎีกาวินิจฉัย จึงให้เลื่อนอ่านคำวินิจฉัยของศาลฎีกา ไปเป็นวันที่ 3 ธันวาคม  2562  เวลา 10.00 น.

ศาลฎีกาเลื่อนอ่านคำพิพากษา คดีล้มประชุมอาเซียนซัมมิทอีกรอบ

 

สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกนายอริสมันต์ และพวก รวม 9 คน เป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา ยกเว้นนายสมยศ พรหมมา ที่ศาลยกฟ้องเนื่องจากเป็นมวลชนที่มาร่วมชุมนุม ไม่ใช่แกนนำปลุกระดม พร้อมกับออกหมายจับจำเลยทั้งหมดที่ได้รับโทษ แต่ไม่ได้มาฟังคำพิพากษา ซึ่งในวันนั้นมีเพียงนายศักดิ์ดา นพสิทธิ์ ที่มาฟังคำพิพากษาเพียงคนเดียว และถูกคุมตัวขังเรือนจำทันที

ขณะที่ต่อมามีรายงานข่าวว่า  จำเลย 4 คน ที่ศาลพิพากษาลงโทษไปครั้งก่อน ได้เข้ามอบตัวแล้ว คือ นายพายัพ ปั้นเกตุ , นายพิเชษฐ สุขจินดาทอง , นายสิงทอง บัวชุม  และนพพร นามเชียงใต้  ก่อนจะมีกำหนดนัดหมายอ่านคำพิพากษาอีกครั้งในวันนี้ ( 31  ตุลาคม 2562) 

 

ศาลฎีกาเลื่อนอ่านคำพิพากษา คดีล้มประชุมอาเซียนซัมมิทอีกรอบ


ทั้งนี้คดีดังกล่าวพนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง, นายนพพร นามเชียงใต้, พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์, นายสมญศฆ์ พรมภา,  นายนิสิต สินธุไพร, นายสำเริง ประจำเรือ, นายศักดา นพสิทธิ์, นายสิงห์ทอง บัวชุม, นายธนกฤต หรือวันชนะ ชะเอมน้อย หรือเกิดดี, นายวรชัย เหมะ, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นายแพทย์วัลลภ ยังตรง และ นายพิเชฐ สุขจินดาทอง ทั้งนี้ได้พักคดี พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ และ นายสุรชัย แซ่ด่าน เนื่องจากหลบหนี ขณะที่ นายธรชัย ศักดิ์มังกร และ พ.ต.อ.สมพล รัฐกาญจน์ ศาลชั้นต้นยกฟ้อง

 


ต่อมาเมื่อวันที่ 11 กันยายน  2562  ที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำกลุ่มคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุมอาเซียนที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีชรีสอร์ท เมืองพัทยา เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2552 แต่ปรากฎว่าจำเลยทั้ง 13 คน มาเพียงคนเดียว ศาลจึงได้อ่านคำพิพากษาของนายศักดา นพสิทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 10 ซึ่งชั้นศาลอุทธรณ์ภาค 2 นั้น

 

ศาลฎีกาเลื่อนอ่านคำพิพากษา คดีล้มประชุมอาเซียนซัมมิทอีกรอบ

 

พิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1, 2, 3, 5, 6, 10, 11, 12, 13, 15, 16, 17 คนละ 4 ปีโดยไม่รอการลงโทษ ฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (2) (3) ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ขณะที่ชั้นศาลอุทธรณ์ ก็ให้ปรับจำเลยที่ 1, 2, 3, 5, 6, 10, 11, 12, 13, 15, 16, 17 คนละ 200 บาท ฐานร่วมกันเดินแถวเป็นกระบวนและกระทำในลักษณะกีดขวางการจราจร ตามที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาด้วย

 

โดยบรรยากาศที่ศาลจังหวัดพัทยา มีนายจตุพร พรหมพันธุ์ 1 ในแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)  เดินทางมาให้กำลังในจำเลยทั้ง 3 คนที่มารับฟังคำพิพากษาของศาล และออกมาอธิบายขั้นตอนที่เกิดขึ้น ว่าล่าสุดยังไม่ได้มีการพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 3 ตามที่ปรากฎเป็นข่าวแต่อย่างใด

 

ขณะที่ ในการฟังคำพิพากษาดังกล่าว ไม่พบว่า นายอริสมันต์  พงษ์เรืองรอง  แกนนำแดง นปช.ที่มีส่วนสำคัญ ในการนำมวลชนบุกเข้าไปในโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท มาปรากฎตัวเหมือนเดิม

 

ศาลฎีกาเลื่อนอ่านคำพิพากษา คดีล้มประชุมอาเซียนซัมมิทอีกรอบ