สืบเนื่องจากที่ก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ ในคดีการถือครองหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งมีทั้ง ส.ส. สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ และกลุ่มคนมาให้กำลังใจถึงหน้าศาลรัฐธรรมนูญ

สืบเนื่องจากที่ก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ ในคดีการถือครองหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งมีทั้ง ส.ส. สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ และกลุ่มคนมาให้กำลังใจถึงหน้าศาลรัฐธรรมนูญ

โดยผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส. ของ นายธนาธร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นายธนาธร หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง นับแต่วันที่ 23 พ.ค. 2562 

 

 

ล่าสุด มีรายงานว่าที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้สำนักงานกกต.ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจทุ่งสองห้องให้ดำเนินคดีอาญากับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรณี รู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีคุณสมบัติในการสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แต่ยังใช้สิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ผิดมาตรา 151 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ให้สมาชิกภาพส.ส.ของนายธนาธร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) จากกรณีถือหุ้นสื่อ บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อยู่ในวันที่ 6 ก.พ. 2562  ซึ่งเป็นวันที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อต่อกกต. โดยโทษตามมาตรา 151  ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10ปี  ปรับตั้งแต่ 2 หมื่น-2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี

 

มติกกต.เดินหน้าฟ้องคดีอาญา ธนาธร ถือหุ้นสื่อฝืนสมัครส.ส. ถ้าผิดโทษแรง

 ทั้งนี้การพิจารณาเรื่องดังกล่าว หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพส.ส.ของนายธนาธรสิ้นสุดลง สำนักงานกกต.ได้มีการเสนอเรื่องให้ที่ประชุมกกต.พิจารณาไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง แต่ที่ประชุมกกต.ได้ให้ทางสำนักงานฯนำเรื่องดังกล่าวไปปรับปรุงเนื่องจากเห็นว่าการจะดำเนินคดีอาญากับนายธนาธรแตกต่างจากคดีตัดสิทธิทางการเมืองที่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ 


โดยคดีอาญานั้นต้องมีข้อมูลที่ชี้ให้เห็นถึงเจตนาว่าขณะที่นายธนาธร ยื่นลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่นั้น นายธนาธรรู้ว่าตนมีลักษณะต้องห้ามใช้สิทธิสมัครตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3)  แต่ยังคงสมัคร พยานหลักฐานประกอบจึงต้องมีน้ำหนักเพราะการสู้คดีก็ต้องสู้กันถึง 3 ศาล  อย่างไรก็ตามการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนจากเหตุนี้ไม่ใช่นายธนาธรเป็นคนแรกที่กกต.ดำเนินการ โดยก่อนหน้านี้ผู้สมัครส.ส. ที่กกต.มีคำวินิจฉัยว่ารู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เพราะมีลักษณะต้องห้ามเช่น สังกัดพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองเดียวไม่ถึง 90 วันจนถึงวันเลือกตั้ง   กกต.ก็จะมอบให้สำนักงานกกต. ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่สน.ทุ่งสองห้อง เช่นเดียวกัน

 

 

มติกกต.เดินหน้าฟ้องคดีอาญา ธนาธร ถือหุ้นสื่อฝืนสมัครส.ส. ถ้าผิดโทษแรง