ถือเป็นอีกหนึ่งคดีประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทย กับกรณีพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายนพรุจ หรือ นพรุฒ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 , นายวีระศักดิ์ เหมะธุลิน , นายวันชัย นาพุทธา , นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. , นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. เป็นจำเลยที่ 1-7 ในคดีหมายเลขดำ อ.3531/2552 ความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ฯ ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีอาวุธ , โดยเป็นหัวหน้า หรือผู้มีหน้าที่สั่งการ , ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังขู่เข็ญ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้ที่มั่วสุมเลิกไปแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสอง , 215 , 216 , 297 , 298 ประกอบมาตรา 33 , 83 , 91 อันเป็นความผิดสืบเนื่องจากการบุกรุกบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ (ในขณะนั้น) เมื่อช่วงปี 2550

ถือเป็นอีกหนึ่งคดีประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทย  กับกรณีพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10  เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายนพรุจ  หรือ  นพรุฒ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 , นายวีระศักดิ์ เหมะธุลิน , นายวันชัย นาพุทธา , นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. , นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. เป็นจำเลยที่ 1-7   ในคดีหมายเลขดำ อ.3531/2552 ความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ฯ ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง  โดยมีอาวุธ ,  โดยเป็นหัวหน้า หรือผู้มีหน้าที่สั่งการ , ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังขู่เข็ญ  และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้ที่มั่วสุมเลิกไปแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสอง , 215 , 216 , 297 , 298 ประกอบมาตรา 33 , 83 , 91  อันเป็นความผิดสืบเนื่องจากการบุกรุกบ้านพักสี่เสาเทเวศร์  ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์  ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ (ในขณะนั้น) เมื่อช่วงปี  2550 

ล่าสุด   ศาลอาญา รัชดาภิเษก   ได้นัดอ่านคำพิพากษาชั้นฎีกา   คดีดำเลขที่ 3531/2552    เป็นครั้งที่ 4    หลังจากมีการเลื่อนมาแล้วด้วยเหตุผลต่าง ๆ   โดยเฉพาะในช่วงประกาศการควบคุมแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ซึ่งคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) ได้มีประกาศเรื่องการบริหารจัดการคดีภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 และยังอีกด้วยประกาศคำแนะนำของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ด้วย ที่ให้ผู้รับผิดชอบราชการศาล ใช้ดุลพินิจพิจารณาเลื่อนคดีจัดการพิเศษ , คดีสามัญ , คดีสามัญพิเศษทุกคดี

 

ศาลฎีกายืนโทษจำคุก วีระกานต์ , ณัฐวุฒิ ร่วมพวกปลุกระดม บุกปิดล้อม บ้านป๋าเปรม ปี 50

โดยคำพิพากษาศาลฎีกาสั่งจำคุกอดีตแกนนำนปช. 2 ปี 8 เดือน ซึ่ง ศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันเเล้วว่าการกระทำของจำเลยที่ 1,4-7 มีพฤติการณ์ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองเป็นเรื่องร้ายเเรงที่จำเลยทั้งหมดขอให้ลงโทษสถานเบาเเละรอการลงโทษนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้นศาลเห็นพ้องกับที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษพิพากษายืนจำคุกจำเลยทั้งหมดคนละ 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

 

ศาลฎีกายืนโทษจำคุก วีระกานต์ , ณัฐวุฒิ ร่วมพวกปลุกระดม บุกปิดล้อม บ้านป๋าเปรม ปี 50

 

ศาลฎีกายืนโทษจำคุก วีระกานต์ , ณัฐวุฒิ ร่วมพวกปลุกระดม บุกปิดล้อม บ้านป๋าเปรม ปี 50

 

ศาลฎีกายืนโทษจำคุก วีระกานต์ , ณัฐวุฒิ ร่วมพวกปลุกระดม บุกปิดล้อม บ้านป๋าเปรม ปี 50


ทั้งนี้ก่อนหน้าองค์คณะผู้พิพากษาได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา  เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2562  แต่ นายวีระกานต์ จำเลยที่ 4 อ้างป่วย  ศาลจึงเลื่อนนัดมานัดครั้งที่ 2  เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2562  ปรากฏว่า ที่จำเลยที่ 4-7 ขอกลับคำให้การเดิมจากปฏิเสธสู้คดี  เป็นขอรับสารภาพผิด ศาลอาญาจึงต้องส่งคำพิพากษากลับไปให้ศาลฎีกาพิจารณาใหม่  ก่อนศาลอาญาจะนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาครั้งที่ 3 วันที่ 6 ก.พ. 2563  แต่ก็มีเหตุให้ต้องเลื่อนอ่านคำพิพากษาฎีกาอีกครั้ง  เพราะนายนพรุจ จำเลยที่ 1 ได้ย้ายที่อยู่ไม่สามารถส่งหมายนัดให้นายนพรุจได้ ศาลอาญาจึงเลื่อนนัดมาเป็นวันที่ 30 เม.ย. และเกิดมาตรงกับช่วงเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19)  จึงมีการเลื่อนนัดเป็นวันที่ 26 มิ.ย.นี้  


โดยคดีดังกล่าว ศาลอาญาเคยมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2558 ให้จำคุก นายนพรุจ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน ฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่ฯ ส่วน นายวีระกานต์, นายณัฐวุฒิ, นายวิภูแถลง และ นพ.เหวง จำเลยที่ 4-7 คนละ 4 ปี 4 เดือน ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายฯ และเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของ เจ้าพนักงานฯ และให้ยกฟ้องนายวีระศักดิ์ และ นายวันชัย จำเลยที่ 2-3  พร้อมมีคำสั่งให้ริบของกลาง

 

ศาลฎีกายืนโทษจำคุก วีระกานต์ , ณัฐวุฒิ ร่วมพวกปลุกระดม บุกปิดล้อม บ้านป๋าเปรม ปี 50


ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2560   ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า พวกจำเลยมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน  ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานฯ ตามมาตรา 138 วรรคสอง  ให้จำคุกคนละ 1 ปี และมีความผิดฐานมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายโดยเป็นหัวหน้าสั่งการ ซึ่งเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ตามมาตรา 215 วรรคหนึ่งและวรรคสาม, มาตรา 216 ประกอบมาตรา 83 ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 215 วรรคสาม เพียงกรรมเดียว จำคุกคนละ 3 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 4-7 คนละ 4 ปี คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 4-7 คนละ 2 ปี 8 เดือน ส่วน นายนพรุจ จำเลยที่ 1 สั่งให้จำคุก 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา พร้อมให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2-3

 

ศาลฎีกายืนโทษจำคุก วีระกานต์ , ณัฐวุฒิ ร่วมพวกปลุกระดม บุกปิดล้อม บ้านป๋าเปรม ปี 50

 

ศาลฎีกายืนโทษจำคุก วีระกานต์ , ณัฐวุฒิ ร่วมพวกปลุกระดม บุกปิดล้อม บ้านป๋าเปรม ปี 50

 

ศาลฎีกายืนโทษจำคุก วีระกานต์ , ณัฐวุฒิ ร่วมพวกปลุกระดม บุกปิดล้อม บ้านป๋าเปรม ปี 50

 

ศาลฎีกายืนโทษจำคุก วีระกานต์ , ณัฐวุฒิ ร่วมพวกปลุกระดม บุกปิดล้อม บ้านป๋าเปรม ปี 50