เป็นอีกหนึ่งกระแสพายุทางการเมืองภายในพรรคแกนนำรัฐบาล อย่างพลังประชารัฐ สืบเนื่องจากการที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเป็นประธานมอบนโยบายช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) โดยมีการยกตัวอย่างสภาพเศรษฐกิจที่ทุกประเทศต้องเผชิญจากปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า “เวลานี้พวกเรากำลังเจอพายุลูกใหญ่ ไม่ใช่แค่ประเทศไทย ถ้าไม่ตั้งรับดีๆ ก็จะเหนื่อยกันหมด เช่น สิงคโปร์ต้องยุบสภา เพราะคาดคะเนว่าเศรษฐกิจจะย่ำแย่ลงมาก จึงยุบก่อน เพื่อเลือกตั้งจะได้มีรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ เวลามีพายุ อย่างพายุวิกฤตปี 2540 ได้ผ่านมาแล้ว คนที่จะถูกกระทบก่อนเลยคือ เอสเอ็มอี ซึ่งตัวเล็ก เงินน้อยแต่มีการจ้างงานพอสมควร ถ้าไม่ดูแลเขาปกติจะได้สินเชื่อยากมาก เราจึงต้องดูแลตั้งแต่ต้นทาง ให้อยู่รอดได้ ให้ยังมีการจ้างงานต่อไป"

เป็นอีกหนึ่งกระแสพายุทางการเมืองภายในพรรคแกนนำรัฐบาล อย่างพลังประชารัฐ  สืบเนื่องจากการที่  นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี  กล่าวระหว่างเป็นประธานมอบนโยบายช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)  โดยมีการยกตัวอย่างสภาพเศรษฐกิจที่ทุกประเทศต้องเผชิญจากปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19  ว่า   “เวลานี้พวกเรากำลังเจอพายุลูกใหญ่ ไม่ใช่แค่ประเทศไทย ถ้าไม่ตั้งรับดีๆ ก็จะเหนื่อยกันหมด เช่น สิงคโปร์ต้องยุบสภา เพราะคาดคะเนว่าเศรษฐกิจจะย่ำแย่ลงมาก จึงยุบก่อน เพื่อเลือกตั้งจะได้มีรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ เวลามีพายุ อย่างพายุวิกฤตปี 2540 ได้ผ่านมาแล้ว คนที่จะถูกกระทบก่อนเลยคือ เอสเอ็มอี ซึ่งตัวเล็ก เงินน้อยแต่มีการจ้างงานพอสมควร ถ้าไม่ดูแลเขาปกติจะได้สินเชื่อยากมาก เราจึงต้องดูแลตั้งแต่ต้นทาง ให้อยู่รอดได้ ให้ยังมีการจ้างงานต่อไป"
 

จากนั้นสื่อโซเชียลได้หยิบประเด็นไปตีความว่า  นายสมคิดเสนอทางออกประเทศโดยการสนับสนุนให้ยุบสภา จนทำให้เกิดกระแสความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ  โดย  นายชัยวัฒน์  เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  กล่าวตอบโต้นายสมคิด  ในเชิงตั้งคำถามกลับว่า  นายสมคิดมีดอะไรซ่อนเร้นไว้หรือไม่   รวมถึงเรียกร้องให้นายสมคิดลาออก    "นายสมคิดได้ดิบได้ดีมีตำแหน่งถึงวันนี้ก็ เพราะบ้านพปชร. แต่พอเห็นว่าฝีมือตัวเองจะไปไม่รอด จึงคิดเผาบ้านตัวเอง และหวังให้พวกเราซึ่งเปรียบเสมือนลูกๆในบ้าน ตายหมู่ไปด้วย อยากถามว่าทำอย่างนี้เป็นลูกผู้ชายอยู่หรือไม่ ที่ผ่านมานายสมคิด มีแต่โชว์ภาพว่าเก่ง แต่ไม่เป็นรูปธรรมอะไรเลย ธุรกิจปิดตัวเช่นนี้ ควรจะลาออก ฝีมือไม่ถึง เพื่อเปิดทางให้คนดี คนเก่ง มีความสามารถเข้ามาทำงานแทนได้มิใช่ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองอยู่เช่นนี้"

 

ยังไม่ทันนั่งเก้าอี้ "บิ๊กป้อม" โร่ห้ามศึกลูกพรรคพปชร. รุกไล่สมคิด ชงเปลี่ยนทีมศก.


ขณะที่  นายภิญโญ  นิโรจน์ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ   กล่าวในลักษณะเดียวกันว่า   ปัญหาของรัฐบาลวันนี้คือทีมเศรษฐกิจที่มีนายสมคิดเป็นหัวหน้า   ดังนั้นการเสนอให้ยุบสภา    จึงถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง  “ผมขอถามหน่อย ถ้ายุบสภาแล้ว ใครจะไปบอกว่าเศรษฐกิจมันไม่ดีอย่างไร ควรจะแก้ไขอย่างไร ถ้าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทำไม่ไหวก็เปลี่ยน ต้องแก้ไขที่ทีมเศรษฐกิจ ไม่ใช่ทีมเศรษฐกิจบริหารไม่ได้แล้วมาเสนอยุบสภา อย่างนี้ไม่ถูกต้อง”

 

 

รวมถึง  นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์  ส.ส.บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรค พปชร.  ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ บทบาทการทำานของนายสมคิด ว่า  ที่่ผ่านมาพรรคมีการเตรียมคนนอกมาร่วมทำงานกับพรรคไว้แล้ว  แต่ยังไม่อยากเปิดเผยชื่อ  และเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอยากเข้ามาช่วย แต่ไม่สามารถเข้ามาได้ เพราะติดที่นายสมคิด  หัวหน้าทีมเศรษฐกิจซึ่งมีแต่ทฤษฎีหากไม่สามารถปฏิบัติได้จริง  “ผมคิดว่าถ้านายสมคิดออกไป ก็จะทำให้คนใหม่เข้ามาได้อีกเยอะ โดยเฉพาะการทำงานด้านเศรษฐกิจและสิ่งที่ผมพูดสะท้อนมาจากความคิดเห็นของประชาชนที่เบื่อหน่ายกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ดังนั้นการแก้ปัญหาจำเป็นต้องระดมคนใหม่เข้ามาช่วยกัน” นายชัยวุฒิ กล่าว

 

ยังไม่ทันนั่งเก้าอี้ "บิ๊กป้อม" โร่ห้ามศึกลูกพรรคพปชร. รุกไล่สมคิด ชงเปลี่ยนทีมศก.

ล่าสุด  พล.อ ประวิตร  วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี   กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และ เมืองเก่า ครั้งที่1/2563   กรณีนายชัยวุฒิ  ธนาคมานุสรณ์ สส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ  ออกวิพากษ์วิจารณ์ไล่นาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์  รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล  โดยระบุว่าเป็นตัวปัญหา หากแก้ปัญหาไม่ได้ ขอให้ลาออกไป  ว่า   เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนๆเดียว และความคิดของคนเพียงคนเดียว ขออย่าไปพูดว่าหลายคน เป็นเรื่องภายในพรรคที่จะต้องพูดคุยกัน แต่เป็นคนเดียวที่คิด ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เคลียร์กับนาย ชัยวุฒิแล้วหรือไม่ พล.อ ประวิตร กล่าวตอบว่า จะเคลียร์เรื่องอะไร และเขาไม่ได้ตะเพิดนาย สมคิด สื่อใช้คำพูดมากไป ทำให้คนโกรธกัน   “เขาไม่เข้าใจ เขาเข้าใจว่า สมคิดจะไปยุบสภา และทำให้เขาไม่มีงานทำ"

 

ยังไม่ทันนั่งเก้าอี้ "บิ๊กป้อม" โร่ห้ามศึกลูกพรรคพปชร. รุกไล่สมคิด ชงเปลี่ยนทีมศก.


ส่วนการพูดคุยกับนายชัยวุฒิในประเด็นขัดแย้ง   พล.อ ประวิตร  กล่าวว่า  ตนบอกแล้ว  ไม่เป็นไร  เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในพรรค  เขากลัวตกงาน   พร้อมเชื่อมั่นว่ารองฯสมคิดจะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น     และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รองฯสมคิดได้ชี้แจงในที่ประชุมครม.ที่ผ่านมาหรือไม่ว่า ไม่ได้พูดเรื่องยุบสภา  พล.อ ประวิตร กล่าวว่า สื่อก็รู้ สื่อจะมาถามอะไรตน 


ทางด้านนายวิษณุ  เครืองาม   รองนายกรัฐมนตรี   กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า    กรณีนายสมคิดพูดถึงการยุบสภาของรัฐบาลสิงคโปร์  ว่า   นายสมคิดได้เล่าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่าได้พูดอะไรกับสื่อมวลชน โดยยอมรับว่าพูดถึงกรณีของสิงคโปร์จริง  แต่มีคนนำไปโยงว่าเป็นการพูดมีนัยยะ  ในลักษณะอยากเป็นการชี้แนะกรณีของไทย  แต่จริง ๆ แล้วนายสมคิดยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวเลย   

 


เมื่อถามว่ามีส.ส.พรรคพลังประชารัฐบางส่วนออกมาตอบโต้นายสมคิดถึงเรื่องนี้  รองนายกฯ กล่าวว่า ตนไม่รู้ ไปถามเขาเอง  เมื่อถามต่อว่านายกรัฐมนตรีเข้าใจในสิ่งที่นายสมคิดพูด ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า "ไม่รู้"  ผู้สื่อข่าวถามว่าในที่ประชุมครม.พูดถึงการยุบสภาด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า "ไม่มี"

 

ยังไม่ทันนั่งเก้าอี้ "บิ๊กป้อม" โร่ห้ามศึกลูกพรรคพปชร. รุกไล่สมคิด ชงเปลี่ยนทีมศก.

 

ยังไม่ทันนั่งเก้าอี้ "บิ๊กป้อม" โร่ห้ามศึกลูกพรรคพปชร. รุกไล่สมคิด ชงเปลี่ยนทีมศก.

 

ยังไม่ทันนั่งเก้าอี้ "บิ๊กป้อม" โร่ห้ามศึกลูกพรรคพปชร. รุกไล่สมคิด ชงเปลี่ยนทีมศก.