โฆษกทร.เหนื่อยใจ ยุทธพงศ์ มั่วไปเรื่อยจีทูจีเก๊ ซื้อเรือดำน้ำ ขอสงบปากไปเจอที่ศาล

พล.ร.ท. ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสธ.ทร. และ โฆษกกองทัพเรือ สวนปาก ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.เพื่อไทย ขู่ฟ้องป.ป.ช. อ้างทร.ใช้สัญญาจีทูจีเก๊ซื้อเรือดำน้ำ

ตามต่อเนื่องกับประเด็นร้อนว่าด้วยแผนการใช้งบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และ 3 ของกองทัพเรือ  หลังจาก  พล.ร.อ. ลือชัย รุดดิษฐ์  ผู้บัญชาการทหารเรือ  (ผบ.ทร.) พิจารณาให้ความเห็นชอบชะลอการดำเนินการในปีงบประมาณ 2564  เพื่อสนับสนุนนโยบายของทางรัฐบาล  ในการนำเงินไปช่วยเหลือประชาชนในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของ ไวรัส โควิด -19

 

โฆษกทร.เหนื่อยใจ ยุทธพงศ์ มั่วไปเรื่อยจีทูจีเก๊ ซื้อเรือดำน้ำ ขอสงบปากไปเจอที่ศาล


( คลิกอ่านข่าวประกอบ :   ทัพเรือสยบทุกครหา ชะลอแผนซื้อเรือดำน้ำ หั่นงบฯกว่า 4 พันล้าน ส่งคืนรัฐสู้ภัยโควิด

ขณะเดียวกันได้มีการมอบหมาย  พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาร  ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ  ( ผช. ผบ.ทร.)   ลงนามในหนังสือมอบอำนาจให้   น.อ.อรรณพ แจ่มศรีใส  นายทหารเรือพระธรรมนูญ   ดำเนินคดีกับ   นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคราม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย  ที่กองบังคับการตำรวจปราบปราม  ในข้อหาหมิ่นประมาท จากการแผยแพร่ข้อมูล คำให้สัมภาษณ์  บิดเบือนข้อเท็จจริง  ว่าด้วยการขออนุมัติงบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และ 3  ของกองทัพเรือ จนทำให้ประชาชนทั่วไปเคลือบแคลงสงสัย ต่อการปฏิบัติงานของกองทัพเรือ ทั้ง ๆ ที่กระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามระเบียบราชการ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด  ทำให้นายยุทธพงศ์ ต้องเปิดแถลงข่าวตอบโต้  โดยประกาศพร้อมจะสู้เรื่องนี้  ด้วยการกล่าวหาว่า  โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขจีทูจี  หรือ การซื้อสินค้าแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐต่อรัฐ


โดยระบุว่าการลงนามกองทัพเรือของไทยเกิดขึ้นกับบริษัท ไชน่า ชิปบิลดิ้ง แอนด์ ออฟชอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ CSOC ที่ได้รับมอบอำนาจจากองค์กรบริหารงานของรัฐด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรม เพื่อการป้องกันประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีนเท่านั้น  จึงไม่แน่ใจว่าบริษัทดังกล่าวได้รับมอบอำนาจจากประธานาธิบดีจีนด้วยหรือไม่"

 

โฆษกทร.เหนื่อยใจ ยุทธพงศ์ มั่วไปเรื่อยจีทูจีเก๊ ซื้อเรือดำน้ำ ขอสงบปากไปเจอที่ศาล


(คลิกอ่านข่าวประกอบ :  ยุทธพงศ์ งัดบทบาทส.ส. แถลงโต้ทัพเรือ ขู่ฟ้องป.ป.ช.เอาผิดเรือดำน้ำ จีทูจี  ) 

ล่าสุด พล.ร.ท. ประชาชาติ   ศิริสวัสดิ์    รองเสธ.ทร. และ โฆษกกองทัพเรือ    กล่าวถึงประเด็นดังกล่าว  ว่า  กับคนที่ไม่มีความรู้ก็พูดไปเรื่อย    แต่เรื่องนี้ไม่สามารถนำมาเทียบกับ การซื้อเรือดับเพลิง ของ กทม.  ตามที่   นายยุทธพงศ์  กล่าวอ้างถึงได้    เพราะนี่เป็นการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์   อาวุธเชิงยุทธศาสตร์   ระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล ที่มีกฏระเบียบทางราชการของ กระทรวงการต่างประเทศ และ สำนักอัยการสูงสุด และ กลาโหม ควบคุมดูแลอย่างเคร่งครัด  ต้องผ่านหลายขั้นตอน กว่าภาครัฐจะเห็นชอบอนุมัติให้กองทัพเรือไปดำเนินการเซ็นสัญญาได้

 

โฆษกทร.เหนื่อยใจ ยุทธพงศ์ มั่วไปเรื่อยจีทูจีเก๊ ซื้อเรือดำน้ำ ขอสงบปากไปเจอที่ศาล


“นั่นเป็นความเข้าใจไปเองของเขา คือ ปัญหาของเขาเอง เพราะ นี่มันเป็นการ ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์  มันมีขั้นตอนของมัน ไม่ใช่ซื้อของปกติ การจัดซื้อจ้างยุทโธปกรณ์ มีข้อกำหนดกฏหมายนานาชาติ ด้วย ให้เขาไปรู้ในศาล แล้วกัน” 


ทั้งนี้  พล.ร.ท. ประชาชาติ   ได้เน้นย้ำข้อมูลแถลงชี้แจง เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ว่า   สำหรับบริษัท CSOC ที่เป็นคู่สัญญาต่อเรือลำน้ำ  S26T ลำแรก ให้กองทัพเรือ   ถือเป็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมการผลิตยุทโธปกรณ์ป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหมจีน  ซึ่งเป็นการต่อเรือดำน้ำก็ถือเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ ความมั่นคง ที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงกลาโหมจีน


"ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้มอบอำนาจการลงนามในข้อตกลงของรัฐบาลไทย   ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 18 เม.ย.2560   โดยอนุมัติให้ ผบ.ทร.ในขณะนั้น เป็นผู้แทนไปลงนามระหว่างรัฐบาล  หลังจากนั้น ผบ.ทร. ได้มอบอำนาจให้ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ในขณะนั้น เป็นผู้แทน ผบ.ทร.ไปลงนามในข้อตกลง กับบริษัทที่ต่อเรือ CSOC ซึ่งก็ได้รับมอบอำนาจจากหน่วยงานของรัฐบาลจีน   ด้านการบริหารงานด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและส่งออกอาวุธ (SASTIND) เป็นผู้แทนรัฐบาลมาลงนามในสัญญากับไทย เพราะเป็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของกลาโหมจีน  สำคัญบุคคลที่มาลงนามในนามของ CSOC ก็คือผู้ได้รับมอบอำนาจอย่างชัดเจนจากรัฐบาลจีนเช่นกัน"