จริงหรือมั่ว??  ธนาธรฉวยเหตุประวัติศาสตร์เดือนตุลา นำบิดเบือนโยนภารกิจม็อบ ใช้อ้าง 14 ต.ค.ต้องปฏิรูปสถาบันฯ

เปิดให้หมดทุกข้อบิดเบือน ธนาธรอ้างเหตุประวัติศาสตร์ เชียร์อัพม็อบเพนกวิน เดินหน้ากดดันรื้อโครงสร้างสถาบันฯ

จากกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  ประธานคณะก้าวหน้า เลือกกล่าวในงานเสวนารำลึกครบรอบ 44  ปี 6 ตุลา   จัดโดยสโมสรนิสิต คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ระบุใจความบางช่วงตอนว่ามีความจำเป็นที่ต้องสานภารกิจ  การแก้รัฐธรรมนูญ   ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม  ปฏิรูประบบเศรษฐกิจ  ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ และปฏิรูปสถาบันกษัตริย์  เพราะหากทำเช่นนั้นได้  จึงจะถือว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยได้สำเร็จ  พร้อมเน้นย้ำให้มวลชนออกมาแสดงพลังในวันที่ 14 ต.ค. 2563  เพื่อไม่ให้แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันเบื้องสูงอย่างโดดเดี่ยว

 

จริงหรือมั่ว??  ธนาธรฉวยเหตุประวัติศาสตร์เดือนตุลา นำบิดเบือนโยนภารกิจม็อบ ใช้อ้าง 14 ต.ค.ต้องปฏิรูปสถาบันฯ

( คลิกอ่านข่าวประกอบ :  ธนาธร พูดเต็มปากปรารถนาดี เชียร์ม็อบเพนกวิน ออกหน้าเปิดเวทีวิพากษ์ รื้อโครงสร้างสถาบันฯ  )


ล่าสุด  นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ  โพสต์ข้อความแสดงความเห็นต่อสถานการณ์การเมือง ที่กำลังเป็นไปในขณะนี้ ในหัวข้อ "ปฏิรูปสถาบัน:มันจะมากไป" แสดงใจความสำคัญว่า  "นายเบื๊อกบอกว่า​ การชุมนุมในวันที่​ 14​ ตุลาคม​ ต้องมีการพูดถึงการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์บนเวที​ สานต่อภารกิจ​ 6  ตุลาคม​ 19  อย่าให้ประชาชนถูกโดดเดี่ยว​ เพื่อเปลี่ยนไปสู่ประชาธิปไตย​ แถมท้ายว่า​ อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดลอย

 

จริงหรือมั่ว??  ธนาธรฉวยเหตุประวัติศาสตร์เดือนตุลา นำบิดเบือนโยนภารกิจม็อบ ใช้อ้าง 14 ต.ค.ต้องปฏิรูปสถาบันฯ

การต่อสู้ของขบวนการนักศึกษา​ 14​ ตุลา​ เป็นพลังบริสุทธิ์​ ไม่ให้นักการเมืองแทรกแซง​ ไม่มีนักการเมืองอยู่ข้างหลัง​ เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง​ แต่วันนี้กำลังถูกคนบิดเบือน  แกนนำและคนที่ร่วมในเหตุการณ์​ 14​ ตุลา​ ยังมีชีวิตอยู่​น่าจะเป็นพยาน​ ยืนยันได้ว่า​ จิตวิญญาณการต่อสู้ของคน​รุ่น​ 14​ ตุลา​ ไม่มีเรื่องสถาบัน​ มีแต่เรื่องประชาธิปไตย​ 

นักศึกษาและประชาชนที่หลบหนีการไล่ปราบปรามของตำรวจเข้าไปในวังสวนจิตลดา  ได้รับพระเมตตาจากในหลวง​ ร.9​  และสมเด็จพระราชินีนาถ  สถาบันฯ​ทรงอยู่เหนือการเมือง​ ไม่เกี่ยวข้อง​ ไม่ได้แทรกแซงการเมืองปัญหาประชาธิปไตยของไทย​ คือนักการเมือง​ ต้องปฏิรูปนักการเมือง   อยากบอกคนที่ปลุกปั่นยุยงคนอื่นออกมานำเองเลย​  จะได้ไม่เสียโอกาส​ พวกที่ยุงยงเด็กๆใช้เด็กเป็นเครื่องมือ​ เป็นเกราะกำบัง​ ถ้าไม่ออกมานำเอง​ อย่าพูดดีกว่า​ เหม็นขี้ฟัน"
 

ขณะที่ก่อนหน้านั้น รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร   อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์    ได้โพสต์ถึงเหตุการกล่าวอ้างเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ โดยการนำมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบัน  เพื่อเป็นองค์ประกอบของการปลุกระดมให้มวลชนออกมาเคลื่อนไหวในวันที่ 14 ต.ค. 2563   "ระยะก่อนและหลังวันที่ 6 ตุลาคมปีนี้ มีการพยายามใช้เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 มาใช้ประโยชน์ทางการเมืองผ่าน social media กันอย่างเนืองแน่น  ทั้งยังมีคนพยายามโยงเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 เหตุการณ์ประท้วงของคนเสื้อแดง ปี 2553 และการชุมนุมเพื่อปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความหวังดีในวันที่ 14 ตุลาคม 2563 ให้เป็นเรื่องเดียวกัน

เหตุผลก็เพื่อพยายามดึงคนออกมาร่วมชุมนุมในวันที่ 14 ตุลาคมให้มากที่สุด โดยบอกว่าอย่าให้แกนนำการชุมนุมที่เป็นผู้กล้าต้องถูกโดดเดี่ยว และอย่าให้ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 และในการชุมนุมของคนเสื้อแดงในปี 2553 ต้องเสียชีวิตอย่างสูญเปล่า

เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่ถูกชักจูงตาม “ลัทธิปลดแอก” ไป  จึงอยากจะขอแยกแยะแบบรวบรัดให้เห็นว่า เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 เหตุการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดง ปี 2553 และสถานการณ์ปัจจุบัน มีความเหมือนและความต่างกันอย่างไร แต่เนื่องจากขณะนี้ใกล้วันที่ 14 ตุลาคมด้วย จึงจะกล่าวถึง เหตุการณ์ 14 ตุลา 16 ไปด้วยพร้อมกัน

 

จริงหรือมั่ว??  ธนาธรฉวยเหตุประวัติศาสตร์เดือนตุลา นำบิดเบือนโยนภารกิจม็อบ ใช้อ้าง 14 ต.ค.ต้องปฏิรูปสถาบันฯ

 

เหตุการณ์ 14 ตุลา 16 เป็นแหตุการณ์ที่นิสิต นักศึกษา นำการประท้วง เรียกร้องประชาธิปไตย จากรัฐบาลทหารที่ทำการรัฐประหารตัวเอง มีการสลายการชุมนุม เหตุการณ์บานปลาย ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก  แต่ด้วยพระบารมีของ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9"  จอมพล ถนอม กิตติขจร และ จอมพล ประภาส จารุสถียร ผู้นำรัฐบาล ต้องยอมออกนอกประเทศ ความวุ่นวายจึงสงบลง

 

ขณะที่เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 เกิดขึ้นจากความแตกแยกของคนไทย ที่แบ่งเป็นฝ่ายซ้ายจัด ฝ่ายขวาจัด และฝ่ายกลางๆ ซึ่งเริ่มแบ่งเด่นชัด หลังจากมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ในปี 2518 เป็นต้นมา  ฝ่ายขวาจัด ด้วยกลัวว่าประเทศจะเปลี่ยนแปลงการปกครองไปเป็นระบอบคอมมิวนิสต์   จึงมีการตั้งกลุ่มต่างๆขึ้นมาต่อต้าน เช่น กลุ่มกระทิงแดง กลุ่มนวพล และกลุ่มลูกเสือชาวบ้าน เป็นต้น โดยมี สโลแกนหลักคือ“ เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” นั่นเอง

 

ฝ่ายขวาจัดยังมีการปฏิบัติการจิตวิทยา ซึ่งสมัยนี้เรียกว่า IO โดยมีสถานีวิทยุยานเกราะ จัดรายการปลุกระดมทุกวันให้คนกลัวคอมมิวนิสต์ และให้เกลียดชังฝ่ายซ้ายจัด มีการอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเกราะกำบัง เพราะหากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นคอมมิวนิสต์จริง สถาบันพระมหากษัตริย์ย่อมต้องถูกกระทบ อย่างแน่นอน 

 

ฝ่ายซ้ายจัด ไม่มีเงิน ไม่มีเครื่องมือ เท่ากับฝ่ายขวาจัด แต่ต้องยอมรับว่า ต่างจากเหตุการณ์ 14 ตุลา ซึ่งเป็นพลังบริสุทธิ์ เพราะหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา มีเหตุที่เชื่อได้ว่า แกนนำ และมวลชน บางส่วนมีการจัดตั้ง แทรกแซง และมีการสนับสนุนจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ไม่ใช่พลังบริสุทธิ์ทั้งหมด 

 

ส่วนการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้นที่สนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นการประท้วงขับไล่ จอมพล ถนอม กิตติขจรที่แอบกลับเข้ามาในประเทศไทยในรูปของสามเณร เมื่อมีการแสดงละครแขวนคอ มีการจับกุมแกนนำการชุมนุม ต่อมามีการสลายการชุมนุม ประชาชนฝ่ายขวาจัด ถูกป้อนข้อมูลว่า ผู้ที่ชุมนุมไม่ใช่คนไทย เป็นคนญวน และมีอาวุธ ทำให้ประชาชนฝ่ายขวาจัดที่ถูกปลุกจนโกรธแค้น จึงร่วมเข้าไปด้วย การสังหารอย่างโหดเหี้ยมจึงเกิดขึ้น นำไปสู่การทำรัฐประหารของทหารในที่สุด  เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง คือรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช  เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 จึงไม่ใช่การประท้วงรัฐบาลเผด็จการเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย แต่อย่างใด

 

สำหรับเหตุการณ์ประท้วงของคนเสื้อแดง ปี 2553 เป็นการประท้วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งได้เป็นรัฐบาลเนื่องจาก คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากพรรคต่างๆได้มากกว่า คุณอภิสิทธิ์ จึงได้รับเลือกจากสภาฯให้เป็นนายกรัฐมนตรี  ด้วยเหตุนี้ ที่คนเสื้อแดงประกาศว่า ออกมาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ด้วยการให้นายกรัฐมนตรียุบสภา ภายใน 7 วัน จึงเป็นเพียงข้ออ้างที่แกนนำป้อนข้อมูลให้ผู้ร่วมชุมนุมเชื่อตามนั้นเท่านั้น  จะเห็นว่า เหตุการณ์ 6 ตุลา ในแง่สาเหตุการประท้วง ไม่มีอะไรเหมือนกับการประท้วงของคนเสื้อแดง ปี 53 เลย 

 

จริงหรือมั่ว??  ธนาธรฉวยเหตุประวัติศาสตร์เดือนตุลา นำบิดเบือนโยนภารกิจม็อบ ใช้อ้าง 14 ต.ค.ต้องปฏิรูปสถาบันฯ

 

เหตุการณ์ชุมนุมคนเสื้อแดง ปี 53 กลับมีความเหมือนกับเหตุการณ์ปัจจุบันอยู่บ้าง ตรงที่ ฝ่ายหนึ่งแพ้เกมการเมืองแล้วไม่ยอมแพ้ กลับไปใช้มวลชนเพื่อกดดันให้ยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ โดยเชื่อว่าคนและพรรคที่ตัวเองสนับสนุนจะได้เป็นรัฐบาล แม้การชุมนุมของคนเสื้อแดง จะมีกล่าวกระทบสถาบันพระมาหกษัตริย์อยู่บ้าง 

 

และแน่นอนว่า ในกลุ่มคนเสื้อแดงมีกลุ่มคนที่ต้องการล้มเจ้าอยู่ด้วย ซึ่งอาจเกี่ยวเนื่องมาจากความเชื่อบางอย่าง จากผลของเหตุการณ์ 6 ตุลา แต่ก็ไม่มีการใช้วาจาที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินเช่นในปัจจุบัน 

 

สำหรับเหตุการณ์ 6 ตุลา มีความเหมือนกับสถานการณ์ปัจจุบันอยู่ไม่น้อย เพียงไม่ใช่การแบ่งกลุ่มซ้ายจัด ขวาจัด แต่เป็นกลุ่มคนรุ่นเก่า คนรุ่นใหม่ คนเห็นความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ และคนที่ไม่เห็นความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ 

 

จริงหรือมั่ว??  ธนาธรฉวยเหตุประวัติศาสตร์เดือนตุลา นำบิดเบือนโยนภารกิจม็อบ ใช้อ้าง 14 ต.ค.ต้องปฏิรูปสถาบันฯ

 

ในสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนคนรุ่นใหม่ และพรรคการเมือง และกลุ่มการเมืองของคนรุ่นใหม่ ดูจะมีความได้เปรียบด้านปฏิบัติการจิตวิทยาผ่าน social media มากกว่า อีกฝ่าย สลับกับสมัย 6 ตุลา 19  หากจะบอกว่า คนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 และในเหตุการณ์ชุมนุมของคนเสื้อแดง ปี 2553 เสียชีวิตเพื่อเหตุเดียวกัน คนที่ชี้นำเช่นนั้น กำลังจะสื่ออะไร หรือตั้งข้อกล่าวหาอะไร ทำไมไม่พูดออกตรงๆ แบบมีวุฒิภาวะ ให้ชัดเจนไปเลย  หรือจะให้ เพนกวิ้น รุ้ง , ทนาย อานนท์ และ ไมค์ ระยอง เป็นหน่วยกล้าตาย เหมือนเดิม

 

จริงหรือมั่ว??  ธนาธรฉวยเหตุประวัติศาสตร์เดือนตุลา นำบิดเบือนโยนภารกิจม็อบ ใช้อ้าง 14 ต.ค.ต้องปฏิรูปสถาบันฯ

 

ขณะที ดร.เสรี วงษ์มณฑา   ให้ความเห็นว่า "การโยงเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 กับการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น คนพูดทั้งโง่และชั่ว โง่ที่ไม่รู้จริง ชั่วที่จงใจบิดเบือน  ประวัติศาสตร์เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง  เกินเยียวยา.."

 

จริงหรือมั่ว??  ธนาธรฉวยเหตุประวัติศาสตร์เดือนตุลา นำบิดเบือนโยนภารกิจม็อบ ใช้อ้าง 14 ต.ค.ต้องปฏิรูปสถาบันฯ