"ธนาธร"จัดให้ ซัดเป็นข้อๆ หลังอนุทินถาม ใครโกหกรประชาชน?

"ธนาธร"ตอบกลับอนุทินทันที หลังโดนุถามใครโกหกรประชาชน สับสนไทม์ไลน์เอง หรือตั้งใจบิดเบือนประเด็น

นาย"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ได้ออกมาโพสต์ข้อความหลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล โพสต์ข้อความกล่าวถึง โดยได้ตอบโต้ดังนี้ 

[ ผมไม่แน่ใจว่าคุณอนุทินสับสนไทม์ไลน์เอง หรือตั้งใจบิดเบือนประเด็นมาบอกว่าผมโกหกประชาชน ทั้งที่ตัวเองกำลังโกหกคำโตอยู่ ]

.

พอดีเมื่อคืนผมเห็นว่ามีห้องคลับเฮาส์ที่พูดคุยแลกเปลี่ยนกันเรื่องวัคซีนโควิดเลยกดเข้าไปฟังโดยไม่ได้ตระหนักแต่แรกว่ามีคุณอนุทินอยู่ในห้องด้วย และเมื่อผู้ดำเนินรายการเชิญให้ผมขึ้นพูด ผมก็ปฏิเสธและขอฟังคนอื่นพูดคุยแลกเปลี่ยนกันไปก่อน เนื่องจากผมเองก็กำลังทานอาหารอยู่ด้วย

.

ผู้ดำเนินรายการจึงถามคุณอนุทินว่า “ทำไมเราเลือกไลเซนส์ AstraZeneca ให้แก่ Siam Bioscience เป็นผู้ผลิต?” และ “ทำไมเราถึงต้องเลือกบริษัท Siam Bioscience ด้วย?” เมื่อผมฟังคำตอบของคุณอนุทินแล้ว ผมยังยืนยันว่าคุณอนุทินไม่ได้พูดความจริงกับประชาชน โดย:

.

1.ประโยคที่ว่า AstraZeneca มีความพร้อมที่จะส่งมอบวัคซีนตามกำหนด หรือที่คุณอนุทินพูดว่า “สอดคล้องกับเวลาที่เราต้องการ” นั้นมีปัญหาแน่ๆ เพราะเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2563 เอกสารกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่ชี้แจงในชั้น กมธ. ยังบอกเองว่าจะมีไทม์ไลน์การฉีดวัคซีนในประเทศไทยจนถึงปี 2566 หรืออีก 3 ปี หลังจากนี้จึงจะฉีดได้ประมาณ 50% ของประชากร

.

หมายความว่าฉีด 50% ได้ภายในปลายปี 2566 หรืออีก 3 ปีหลังจากนี้ เรียกว่าตรงต่อเวลาที่เราต้องการหรือ?

.

คุณอนุทินยังมาโพสต์ตามหลังอีกว่าผมโกหกประชาชนโดยใช้แผนไทม์ไลน์เก่า ตอนนี้ปรับใหม่แล้ว ปัญหาคือรัฐบาลเพิ่งประกาศแผนใหม่เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 (หรือเมื่อ 67 วันที่แล้วเอง) ให้ฉีดได้เพียง 50% ของประชากรภายในสิ้นปี 2564

.

แต่ประเด็นใหญ่ก็คือแผนเดิมของรัฐบาล ที่บอกว่า AstraZeneca จะส่งมอบวัคซีนปี 2564 ได้แค่ 16 ล้านโดส และปี 2565 อีก 10 ล้านโดส แล้วจะบอกว่าตรงกับความต้องการเวลาส่งมอบ ซึ่งเพิ่งมาเปลี่ยนเป็นส่งมอบทั้ง 26 ล้านโดสภายในปีนี้ได้อย่างไร?!?

.

สรุปแล้ว ที่คุณอนุทินชี้แจงว่าตอนดีลกันเมื่อปีก่อน แล้วบอกว่าเขาจะส่งมอบวัคซีนให้ “สอดคล้องกับเวลาที่เราต้องการ” นี่คือไทม์ไลน์ไหนกันแน่ ไม่แน่ใจว่าคุณอนุทินตั้งใจบิดเบือนประเด็นที่ผมคุย หรือคุณแอบสับสนเองหรือเปล่า?

.

การปรับเปลี่ยนแผนทีหลังเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ตอนเซ็นสัญญานี่ยังเป็นแผนเดิมคือฉีด 50% ภายในปลายปี 2566 (ซึ่งช้ามากๆ ประชาชนคนทำมาหากินเขารอไม่ได้แน่ๆ) แล้วค่อยมาปรับแผนทีหลัง แล้วจะมาบอกว่าผมโกหกได้อย่างไร? ก็ในเมื่อตอนดีลคุณดีลอยู่บนไทม์ไลน์นี้

.

2.คุณอนุทินบอกว่ารัฐบาลไทยไม่ได้เป็นคนเลือก Siam Bioscience แต่เพราะเราทำสัญญากับ AstraZeneca ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีน และคัดเลือก Siam Bioscience ให้เป็นผู้ผลิตในประเทศไทยเอง ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นโรงงานที่มีความพร้อมที่สุด ไม่เกี่ยวอะไรกับรัฐบาลไทย เราไม่ได้มีสัญญาอะไรกับ Siam Bioscience

.

แต่จากร่องรอยเอกสารราชการทั้งหมดที่มี บ่งชี้ไปว่ารัฐบาลไทยเริ่มกระบวนการให้การสนับสนุนงบประมาณแผ่นดินไปช่วยเตรียมความพร้อมให้แก่บริษัทเอกชนแห่งนี้อย่างน้อย 6 ร้อยล้านบาท ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 ก่อนที่จะมีการลงนาม 4 ฝ่ายใน Letter of Intent เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2563 เพื่อจัดหาวัคซีน AstraZeneca ให้แก่รัฐบาลเสียด้วย

.

แล้วคุณอนุทินจะมาบอกว่าการตั้ง Siam Bioscience ให้เป็นผู้ผลิตในประเทศไทย เป็นการตัดสินใจฝ่ายเดียวของ AstraZeneca ไม่เกี่ยวอะไรเลยกับรัฐบาลไทย รัฐบาลไทยไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างไร!?!

.

สุดท้าย ผมยังยืนยันคำเดิม “คุณอนุทินโกหกประชาชนแบบนี้ไม่ได้นะครับ”

"ธนาธร"จัดให้ ซัดเป็นข้อๆ หลังอนุทินถาม ใครโกหกรประชาชน?

โดยก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า 

ใครโกหกประชาชน ?

ค่ำเมื่อวานนี้ ผมได้รับเชิญให้เข้าไปร่วมรับฟังการสนทนาเรื่องวัคซีน ใน แอพพลิเคชั่น clubhouse การสนทนาจากหลายมุมมอง ทำให้ได้รับแง่คิดดีๆ เยอะ มีคำถามหลายคำถามที่ผมตอบ ชี้แจง เล่าถึงการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข กว่าจะได้วัคซีนมา และวางแผนจะฉีดวัคซีน กันอย่างไร ได้แลกเปลี่ยนกับสมาชิกที่เข้ามาสนทนา เป็นการสื่อสาร ให้เกิดความเข้าใจกันได้พอสมควร

บรรยากาศในการสนทนา แม้จะไม่รู้จักกัน แต่ก็เป็นไปด้วยดี ให้เกียรติต่อกัน และพยายามหลีกเลี่ยงประเด็นการเมือง ซึ่งไม่เกี่ยวกับวัคซีน แม้จะมีบางคนจะโยงไปเรื่องการเมือง ผู้จัดการสนทนา ก็พยายามแนะนำ ตักเตือน ให้เข้าประเด็นวัคซีน

บรรยากาศมาเสีย ตอนที่คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เข้ามา แล้วก็เริ่มต้นสนทนา ด้วยการกล่าวว่า “คุณอนุทิน ต้องพูดความจริง อย่าโกหกประชาชน” แล้วก็ยกแผนงานการฉีดวัคซีน ที่กรมควบคุมโรค เคยนำไปชี้แจงต่อกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว ว่าแผนดังกล่าวประเทศไทยจะฉีดวัคซีน เสร็จสิ้น ในปี 2566 มาเป็นหลักฐานว่า การที่ผมพูดว่า แอซตราเซนเนกา มีความพร้อมที่จะส่งวัคซีนให้เรา และกระทรวงสาธารณสุข พร้อมจะฉีดวัคซีนให้คนไทย ได้เสร็จภายในปี 2564 เป็นเรื่องที่ผมโกหกประชาชน

ผมไม่รู้ว่าคุณธนาธร ได้ฟังการสนทนามาก่อนหรือเปล่า จู่ๆ จึงตั้งข้อกล่าวหาว่า ผมโกหกประชาชน เป็นข้อกล่าวหาที่ใหญ่มาก ผมจึงต้องสวนไปทันทีว่า

“ผมไม่มีทางโกหกประชาชน ผมต้องทำงานแล้วทุกอย่างต้องปรับเปลี่ยนไป วันนี้ผมบอกได้เลยว่าทั้ง 60 ล้านโดส จะถูกฉีดภายในสิ้นปีนี้ โดยกรมควบคุมโรค ได้ไปศึกษาทุกอย่างหมดแล้ว ยืนยันว่าสามารถขยายกำลังฉีดวัคซีนแต่ละเดือนได้ 5-10 ล้านโดส ฉะนั้นเราสั่ง 60 ล้านโดส เริ่มฉีดในเดือนมิถุนายน เป็นต้นไป ก็จะจบในสิ้นปีนี้ และหากเราจะสั่งมาให้ประชาชนในปีหน้า ก็เป็นเรื่องของปีหน้า”

คุณธนาธร ใช้เอกสารเก่าของกรมควบคุมโรค มาพูดแล้วพูดอีก มากล่าวหากระทรวงสาธารณสุข โกหกประชาชน หลายครั้ง และ ส.ส.พรรคก้าวไกล ก็รับเอกสารชิ้นนี้มาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด มาแล้ว

อธิบดีกรมควบคุมโรค เคยชี้แจงไปแล้วว่า เอกสารที่คุณธนาธร นำมาอ้าง นำมาเป็นหลักฐาน นั้น เป็นแผนงานเก่าที่ทำกันตั้งแต่ เรายังไม่ได้สั่งซื้อวัคซีน ได้มากเพียงพอ ซึ่งมีการปรับแผนไปหลายครั้งแล้ว ตามสถานการณ์ที่เราเข้าถึงวัคซีน และซื้อวัคซีนได้เพิ่มขึ้น

ในกระทรวงสาธารณสุข ไม่มีใครใช้แผนการฉีดวัคซีนที่คุณธนาธร นำมากล่าว อ้างอีกแล้ว การทำงานเพื่อควบคุมโรค การบริหารจัดการวัคซีนโควิด ต้องปรับไปตามสถานการณ์ ถ้าไม่ติดตามข้อมูล ถ้ายึดถือข้อมูลเก่า ก็จะตามสถานการณ์ไม่ทัน

แผนงานการฉีดวัคซีนฉบับปัจจุบัน ที่กระทรวงสาธารณสุข ทำและใช้เป็นแผนแม่บท คือ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน เราจะฉีดวัคซีน ได้เดือนละ 10 ล้านโดส และคาดว่าภายในสิ้นปี เราจะฉีดวัคซีน ได้ 60 ล้านโดส หรือ 30ล้านคน ตามเป้าหมาย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข แถลงหลายครั้งแล้ว

การสนทนาในเวทีสาธารณะ ไม่ว่าจะต้องการผลทางการเมือง หรือ สร้างความนิยมส่วนตัว ก็ตาม ควรจะต้องเคารพทุกคนที่กำลังสนทนา และฟังการสนทนาด้วย และไม่ใช่จะกล่าวหาใคร ด้วยข้อมูลเก่า ข้อมูลเท็จ โดยไม่รับผิดชอบ ก็ได้

ผมไม่อยากโต้เถียงกับใคร ให้บรรยากาศในห้องสนทนา ที่ผู้จัดการสนทนาเปิดเวทีขึ้นมาเพื่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวัคซีน ต้องเสียไป ผมจึงเลือกที่จะออกจาห้องสนทนา มา เพื่อไม่ให้ หัวข้อสนทนาต้องเปลี่ยนเป็นวัคซีนการเมือง

แม้จะเสียมารยาทที่ออกมาโดยไม่ได้ร่ำลา แต่ก็ดีกว่าเสียมารยาทที่ทำให้ผู้อื่น ต้องทนฟัง สิ่งที่เป็นความเท็จ และ เสียโอกาสที่จะได้รับฟังการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข อย่างต่อเนื่อง

ผมยืนยันว่าผมไม่ได้โกหกประชาชน และไม่เคยใช้วัคซีน เป็นประเด็นการเมือง

เรื่องวัคซีน มีหนึ่งคนที่เคยถูกจับได้ว่า โกหกประชาชน คือ คนที่พูดเรื่องวัคซีนพระราชทาน

"ธนาธร"จัดให้ ซัดเป็นข้อๆ หลังอนุทินถาม ใครโกหกรประชาชน?
>>Shopee มอบดีลช้อปสุดพิเศษ สนใจคลิก<<