นายสุทธิพงษ์กล่าวต่อว่า ทางด้านการเดินทางของพี่น้องประชาชน ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังได้กำชับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในการดูแลความปลอดภัยของถนนสายรอง ซึ่ง อปท. จะดำเนินการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อบูรณาการการตั้งจุดตรวจ/จุดบริการประชาชน/ด่านชุมชน และการจัดชุดสายตรวจสุ่มตรวจตามเส้นทางสายหลัก (ทางหลวงแผ่นดิน) สายรอง (ทางหลวงชนบท/ถนนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่น) และในสถานที่ชุมชนหรือหน้าสถานบันเทิง และ อปท. จะใช้มาตรการควบคุมทางสังคมและชุมชน โดยเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล จะร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) อาสาสมัครทางหลวงชนบท (อส.ทช.) อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตำรวจบ้าน ทหาร และประชาชนในพื้นที่บูรณาการจัดตั้ง “ด่านชุมชน” เพื่อสกัดกลุ่มเสี่ยงและลดพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุในการใช้รถใช้ถนนของคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว รวมถึงขอความร่วมมือผู้นำในพื้นที่ เช่น นายอำเภอ นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสัมพันธ์โดยใช้รูปแบบ “เคาะประตูบ้าน” เพื่อสร้างความตื่นตัวให้แก่ประชาชนในการปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งใช้กลไก “สถาบันครอบครัว” เพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงโดยให้สมาชิกในครอบครัวคอยตักเตือน และเฝ้าระวังคนในครอบครัวของตนเอง เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ได้ขอให้ผู้บริหาร อปท. และผู้นำท้องถิ่น ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ในเรื่องของความเป็นไทย สนับสนุนและช่วยขับเคลื่อนการแต่งกายนิยมไทย โดยสวมใส่ผ้าไทย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน เพื่อเป็นการรักษาภูมิปัญญาผ้าไทยของบรรพบุรุษไทย สืบสานวัฒนธรรมไทยด้วยการสวมใส่ผ้าไทย และยังเป็นการส่งเสริมการสร้างอาชีพให้กับผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการทอผ้าไทยพื้นเมืองให้ยังคงอยู่ต่อไป ส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยด้วย
ในตอนท้าย นายสุทธิพงษ์กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนร่วมกันรณรงค์ส่งเสริมให้เทศกาลสงกรานต์นี้ เป็นเทศกาลแห่งความสุข ปลอดภัย ไม่พึ่งแอลกอฮอล์ ไร้ซึ่งการลวมลามทางเพศ และไม่ทำร้ายประเทศไทย โดยช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ร่วมกันรณรงค์สร้างจิตสำนึกในการจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่ของตนเอง ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดเป็นรูปธรรม รวมถึงการจัดทำ "ถังขยะอินทรีย์หรือขยะเปียกครัวเรือน" ที่นำหลักการ 3Rsหรือ 3ช : Reduce (ใช้น้อย) Reuse (ใช้ซ้ำ)และ Recycle (นำกลับมาใช้ใหม่) ไปใช้เป็นแนวทางในการจัดการขยะต้นทาง ร่วมจิตร่วมใจกันทำสิ่งที่ดีกว่าเดิม (Change for Good) ให้บ้านเมืองของเรา และมอบให้เป็นของ “ขวัญวันปีใหม่ไทย” คืนให้แก่แผ่นดินไทย