เศร้า สลด!! เหยื่อปาหิน สิ้นใจแล้ว!! สังเวยชีวิตให้แก๊งโจ๋นรก ทำชาวบ้านรุมสาปแช่งพวกมันทั้งบาง!! (มีภาพ)

วันนี้ (13 ก.ค.59)หลังจากผู้สื่อข่าวได้นำเสนอข่าว กลุ่มวัยรุ่นดักปาหินใส่รถจักรยานยนต์ที่ผ่านไปมา บริเวณริมถนนสายรัตนบุรี -ท่าตูม กม.ที่ 15 บ้านหนองกา ต.รัตนะบุรี อ.รัตนะบุรี จ.สุรินทร์ ทำให้ผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา เสียหลักล้มก่อนถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 รายเมื่อคืนวันที่ 10 ก.ค.59 ที่ผ่านมา ประกอบด้วย นายตันติกร เสนศร อายุ 25 ปี ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ อาการสาหัส แพทย์ระบุ สมองตาย แต่ยังไม่ถอดเครื่องช่วยหายใจ และนายวินัย ชูรส อายุ 15 ปี เป็นผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ พ้นขีดอันตรายหลังผ่าตัดสมอง รักษาตัวอยู่ที่ รพ.สุรินทร์

 

 

จากนั้นในวันที่ 11 ก.ค.59 จนท.ตำรวจสามารถจับกุมได้ จำนวน 12 ราย ในจำนวนนี้มี 10 รายเป็นเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปี จากการสอบสวนทราบว่า สาเหตุเกิดจากกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุได้ไปเที่ยวดูวงดนตรีหมอลำในงานบวชที่บ้านหนองคู ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 ก.ม. กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ กว่า 20 คน ได้มีเรื่องกับกลุ่มวัยรุ่นในงาน ก่อนที่กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุได้กลับมาดักรออยู่ริมถนนประมาณกว่า 20 คน เมื่อเหยื่อมาถึงได้ช่วยกันรุมปาก้อนหินใส่จนรถล้ม ก่อนจะเข้าไปทำร้าย จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 รายดังกล่าว และหนึ่งในจำนวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ใช้ท่อนไม้ตี ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย จริง พร้อมขยายผลเพื่อจับกุมเยาวชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่เหลืออีกจำนวนหนึ่งต่อไป

 

ล่าสุดในช่วงบ่ายวันนี้ (13 ก.ค.59) 1 ใน 2 ผู้เคราะห์ร้าย คือนายตันติกร เสนศร อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่อยู่บ้านเลขที่ 90 ม.2 บ.หนองคู ต.น้ำเขียว อ.รัตนบุรี ได้เสียชีวิตลงแล้ว ซึ่งครอบครัวและญาติๆได้นำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านหนองคู ต.น้ำเขียว อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ท่ามกลางชาวบ้านที่มาร่วมงานศพด้วยความเศร้าสลด ขณะที่ พ.ต.อ.มงคล ภูวประภาชาติ ผกก.สภ.รัตนบุรี ได้ให้ตัวแทนนำพวงหรีดไปมอบให้ นางทองมา เสนศร อายุ 52 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เพื่อแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมรับปากจะดำเนินคดีให้อย่างเป็นธรรม และจะเร่งสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามวัยรุ่นที่เหลือที่ร่วมกันก่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

นางทองมา เสนศร อายุ 52 ปี แม่ของผู้ตาย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเองมีลูก 3 คน ผู้ตายเป็นคนกลางและมีนิสัยดี เป็นที่รักของเพื่อนฝูง ไม่เคยมีเรื่องกับใคร แต่วันที่เกิดเหตุผู้ตายได้ไปเที่ยวงานหมอลำกับเพื่อนๆ ก่อนจะขับรถจักรยานยนต์ไปส่งเพื่อนที่มาเที่ยวด้วยกัน ระหว่างผ่านบ้านที่กลุ่มวัยรุ่นดักรอ จึงถูกทำร้ายดังกล่าว ตนต้องการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาให้ถึงที่สุด รวมทั้งวัยรุ่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด

 

 

ด้าน พ.ต.อ.มงคล ภูวประภาชาติ ผกก.สภ.รัตนบุรี เปิดเผยว่า หลังจาก จนท.ตำรวจ จับกุมกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวได้ที่บ้านร้างข้างถนน ภายในหมู่บ้านสำโรง ต.รัตนบุรี ได้ 12 คน ในจำนวนนี้มีผู้ต้องหา 3 คน ที่ยอมรับว่าลงมือ ประกอบด้วย นายนครินทร์ ช่อรัมย์ ,นายอชิตะ บุญล้อม และอีก 1 รายเป็นเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปี ทั้งหมดเป็นวัยรุ่นบ้านหนองกา ต.รัตนบุรี ซึ่งหลังจากผู้เสียหายเสียชีวิต จนท.ตำรวจจะได้แจ้งข้อกล่าวหาที่หนักขึ้นเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ส่วนเยาวชนอีก 9 ราย ยังปฏิเสธข้อกล่าวหาอยู่ นอกจากนี้ยังมีเยาวชนที่เหลือ ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 20 คน ตำรวจกำลังเร่งสืบสวนสอบสวนติดตามตัวมาสอบปากคำอยู่ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ต่อไป ทั้งนี้กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ ได้รวมตัวกัน 2 หมู่บ้าน คือ หมู่บ้านสำโรง และ บ.หนองกา ต.รัตนบุรี มั่วสุมกัน และเป็นคู่อริกันกับวัยรุ่นบ้านหนองคู ต.น้ำเขียว ซึ่งถูกกันกับวัยรุ่นในเขตเทศบาลตำรัตนบุรี โดยกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุเป็นหมู่บ้านที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง บ.หนองคูและ เขตเทศบาล ต.รัตนบุรี เมื่อวัยรุ่นจาก บ.หนองคู และ วัยรุ่นจากเขตเทศบาล ต.รัตนบุรี ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่าน ก็มักจะดักทำร้ายอยู่บ่อยครั้ง และล่าสุดเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งปราบปรามสลายกลุ่มวัยรุ่นในเชิงรุกแล้ว เพื่อไม่ให้กลับมารวมตัวมาก่อเหตุอีก

 

 

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสำรวจดูสภาพภายในบ้านร้าง ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมทั้งวัยรุ่นมักชอบไปรวมกลุ่มกันเป็นประจำ พบเศษขวดเหล้า ถุงกาวและกระป๋องกาว ตกอยู่บนพื้นในบ้านร้างเป็นจำนวนมากอีกด้วย อย่างไรก็ตามชาวบ้านในพื้นที่ๆผ่านไปมาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า วัยรุ่นมักจะมารวมตัวกันที่บ้านร้างดังกล่าว และมักจะก่อเหตุขว้างปาหินและไม้ใส่วัยรุ่นที่ผ่านไปมา รวมทั้งชาวบ้านที่สัญจรผ่านด้วยเช่นกัน ตลอดระยะเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมา บางครั้งก็ดักจอดรถจักรยานยนต์ชาวบ้านที่ผ่านไปมาเพื่อขอดูหน้าว่าเป็นคู่อริตนเองหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็จะปล่อยไปก็มี ทำให้ชาวบ้านต่างหวั่นเกรงถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัว และต่างรู้สึกโล่งใจขึ้นที่ จนท.ตำรวจออกกวาดล้างจับกุมได้แล้วบางส่วนดังกล่าว

ภาพ / ข่าว :