เล่าทั้งน้ำตา!! "ครูเกษียณ" เผย ในหลวง ร.9 ทรงเคยตรัส ของทุกชิ้นที่ชาวบ้านถวาย อย่านำไปทิ้ง..

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางนิตดา ไชยเสรี ข้าราชการบำนาญ วัย 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/1 ถ.จริงจิตร อ.เมือง จ.ตรัง เล่ารำพึงน้ำตาไหลตลอดเวลาหวนรำลึกถึงคราวสมัยรับราชการครูอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคจังหวัดนราธิวาส เมื่อปี พ.ศ. 2523 ซึ่งบรรจุรับราชการครั้งแรก ในตำแหน่งผ้าและเครื่องแต่งกาย และได้ทำงานเรื่อยๆ จนเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าคณะ ทำให้ตนต้องมีความรู้เรื่องการบ้านการเรือนทุกอย่าง และมีโอกาสได้ทำงานถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ร่วมถึงพระบรมวงศานุวงศ์แทบทุกพระองค์

 

นางนิตดา ฯ กล่าว ด้วยความเศร้าโศกว่า ทุกๆปี ตนพร้อมเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ต่างเฝ้ารอว่าเมื่อใดจะถึงเดือนสิงหาคม เพราะเมื่อเวลานั้นหมายถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถและเสด็จไป จ.นราธิวาส เสมอ โดยตนจะมีหน้าที่นำพานดอกไม้ พวงมาลัย ไปรอรับเสด็จ หลายๆต่อหลายครั้งที่ได้มีโอกาสทำงานถวายแบบใกล้ชิดกับพระองค์ท่าน ที่ศูนย์ ศิลปาขีพในพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์  และทราบดีว่าท่านทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายเพียงใด แต่ทุกคนก็ไม่เคยได้ยินเสียงบ่น หรือ กล่าวว่าใดๆ แม้แต่น้อย มีเพียงสีหน้าที่เรียบเฉย และสายตาที่มุ่งหมั่น อยากให้งานสำเร็จ บรรเทาความทุกข์ยากของประชาชนเท่านั้น เนื่องจากสมัยปี 2523หรือ 36 ปี ที่แล้ว จ.นราธิวาส นับว่ายังคงมีความลำบากหลายพื้นที่ ประชาชนไม่มีอาชีพ ตนมีโอกาสถวายงานกับพระองค์ท่านถึง 16 ปี และเป็นประจำที่ได้ร่วมห้องรับประทานอาหาร ซึ่งพระองค์ก็ประทับร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ฯแบบไม่ถือพระองค์แม้นแต่น้อย ทำให้ตนรู้สึกรัก ประทับใจ และภูมิใจ มากที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย และถือว่าตนมีบุญวาสนาเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสถวายงานกับพระองค์ท่าน ตนทำงานแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพราะพระองค์คือขวัญและกำลังใจที่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตา กรุณาต่อทุกคน

 

นางนิตดา ฯ เล่าว่า เชื่อไหม? ดอกไม้ หรือ สิ่งของทุกอย่างที่ชาวบ้านนำมาให้กับศูนย์ศิลปาชีพฯ ไม่เคยทิ้งแม้นแต่อย่างเดียว  จะให้นำไปใช้ประโยชน์ทุกอย่าง พระองค์ตรัสว่า ของใดก็ตามที่ชาวบ้านเอามาให้คือสิ่งที่มีค่า เขาจัดมาด้วยใจ อย่านำไปทิ้ง เพราะชาวบ้านรู้จะทำให้เสียใจ พระองค์ทรงแคร์ความรู้สึกของทุกคน หลังจากนั้น ไม่นานตนก็จำเป็นต้องย้ายกลับภูมิลำเนาที่ จ.ตรัง ซึ่งก็ไม่เคยได้พบกับพระองค์อีกเลย ที่ จ.ตรัง ท่านเสด็จมาน้อยมากเพราะ จ.ตรัง เป็นจังหวัดที่สะดวกสบายมากกว่าอีกหลายจังหวัดในประเทศไทย

 

 

นางนิตดา กล่าวว่า รู้สึกเสียใจเป็นที่สุด เมื่อทราบข่าวพระองค์สิ้นพระชนม์ และรู้สึกรับไม่ได้ กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ช่วงแรกๆ ตอนไม่อยากออกไปนอกบ้าน ไม่อยากเห็นภาพที่แผ่นดินไทยไม่มีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย ตื่นเช้ามา ตนทำบุญตักบาตรเพื่อถวายกุศลให้พระองค์ แล้วกลับเข้าบ้านอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหน ติดตามข่าวพิธี พระราชกรณียกิจ ทางทีวี ตลอดเวลา และคิดว่าในโลกนี้ไม่มีใครอีกแล้วที่เหมือนพระองค์

 

 

สิ่งที่อยากจะบอกคนไทยทุกคนคือ ขอให้ทุกคนรักสามัคคีกัน อย่าทะเลาะกัน เพราะนี้คือสิ่งที่พระองค์ท่านปรารถนา ขอให้คนไทยรักกัน ไม่แบ่งสี ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก และตนเองก็อยากขอสิ่งนี้เอาไว้ เพื่อพระองค์ท่าน