บทสรุป..ที่ยังไม่สรุป!!!  "ศรีวราห์" อุบแผนวันบุกธรรมกาย ??...ข้างในเตรียมพร้อมระดมลูกศิษย์ !!! (ข้อมูล)

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : www.tnews.co.th

 

ยังคงเป็นเงื่อนปมที่ยังต้องเกาะติดต่อเนื่องเพื่อรอดูว่าผลสุดท้ายในคดีที่เกิดขึ้นกับพระธัมมชโย  เจ้าอาวาสกิตติมศักดิ์  วัดธรรมกายจะมีบทสรุปอย่างไร 

อย่างไรก็ตามกับท่าทีล่าสุดของคณะลูกศิษย์วัดธรรมกายที่เคลื่อนไหวในลักษณะขอพึ่งพระบารมีสถาบันเบื้องสูงเพื่อยุติคดีนี้ โดยอ้างว่าพระธัมมชโยไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ 

ทางด้านนายไพศาล  พืชมงคล    กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้แสดงความเห็นว่า  “ การย่ำยีชาติตั้งตัวอยู่เหนือกฎหมายมานาน  ย่ำยีทำลายศาสนามานาน   หยามอำนาจรัฐจนหมดท่า  โกหก  บิดเบือน  จนไม่หวั่นไหวในคำลวงและความชั่ว  ถ้ายังทำต่อไปได้  ก็เป็นรัฐอิสระที่สมบูรณ์และชัดเจน  ก็ให้มันรู้กันไป ??  ”

ทางด้าน  พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 4  กล่าวถึงกรณีที่ นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้เปิดแถลงต่อสื่อมวลชนโดยการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตามกระบวนการยุติธรรม ว่า  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบถ้อยคำที่แถลง เนื่องจากมีความหมิ่นเหม่ โดยตนยืนยันว่าการดำเนินการของทางเจ้าหน้าที่เป็นกลาง ยุติธรรมตามกระบวนการกฎหมายและไม่ได้มีการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด

ส่วนกรณีที่ นายองอาจ บอกว่าไม่สามารถสั่งคณะศิษยานุศิษย์ที่มีจำนวนมาก และอาจก่อให้เกิดความรุนแรงหากมีการบุกจับพระธัมมชโย   พล.ต.ต.ชยพล  แสดงความเห็นว่า  โดยข้อเท็จจริงแล้วตนไม่มีความหนักใจในเรื่องนี้ เพราะเชื่อว่าทุกคนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าดีเอสไอจะมีการเข้าจับกุม พระธัมมชโย ในวันพรุ่งนี้  ( 13  ธ.ค.)  นั้น ตนไม่ทราบรายละเอียด และเชื่อว่าไม่เป็นความจริง เพราะยังไม่ได้มีการกำหนดวันในการเข้าจับกุม โดยคาดหมายว่าต้องรอการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ก่อน

ซึ่งหากย้อนไปก่อนหน้าที่พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 4 จะให้สัมภาษณ์ เนื่องมาจากทางด้านของนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้แถลงข่าวแสดงท่าทีและจุดยืนของเครือข่ายคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลก

เช่น การดำเนินการของพนักงานสอบสวนในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และคดีอื่นที่เกี่ยวโยงกัน มีความไม่เป็นธรรมหลายประการ , ความไม่เป็นธรรมในการตัดสินว่าพระเทพญาณมหามุนี เกี่ยวกับคดีบุกรุกป่า, การที่ กสทช. สั่งหยุดการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม DMC โดยไม่มีการไต่สวน ,

การถูกกลั่นแกล้งดำเนินคดีโดยไม่เป็นธรรมของลูกศิษย์วัดจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส., ข่าวการเตรียมใช้กำลังพลกว่า 3,000 นาย พร้อมความช่วยเหลือต่าง ๆ ในการเข้าปราบลูกศิษย์ รวมถึงการทำพฤติกรรมแสดงออกเหมือนขู่คุกคาม ความเชื่อเรื่องศาสนา เป็นต้น

ทั้งนี้ ในช่วงท้าย นายองอาจ ได้ชูพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 โดยระบุว่า เวลานี้เหลือที่พึ่งสุดท้ายหนึ่งเดียวที่จะพึ่งได้คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ จึงจำต้องขอพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลถวายฎีการ้องทุกข์ต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เพื่อขอพึ่งพระบารมีให้ยุติการดำเนินคดีที่มิชอบ และมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ความรุนแรงทำร้ายประชาชน

12 ธันวาคม พันตำรวจตรีวรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แถลงชี้แจงกรณีนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย แถลงพาดพิงการทำหน้าที่ของดีเอสไอในการดำเนินคดีกับพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสกิตติมศักดิ์ วัดพระธรรมกาย กรณีการดำเนินคดีกับพระธัมมชโย ในความผิดฐานเรี่ยไรเงินทำบุญจากประชาชน

ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยดีเอสไอ ได้ดำเนินคดีกับพระธัมมชโย ในฐานฟอกเงิน ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ที่อัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องไปแล้วส่วนกรณีที่ตำรวจปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือ ปทส. ดำเนินคดีกับพระธัมมชโย ในความผิดฐานบุกรุกป่า พื้นที่จ.เลย

โดยพาดพิงว่า การดำเนินคดีของปทส. เป็นการดำเนินคดีไปตามความเห็นของนายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของศาล เห็นว่าไม่เหมาะสมเพราะนายวิฑูรย์ มีประวัติถูกให้ออกจากราชการ

ดีเอสไอระบุว่าความเห็นของนายวิฑูรย์ เป็นเพียงหลักฐานส่วนหนึ่งในการพิจารณาข้อเท็จจริงในการดำเนินคดี และจากการตรวจสอบพบว่านายวิฑูรย์ ยังปฏิบัติงานเป็นผู้เชี่ยวชาญของศาลจริง และกรณีถูกกล่าวหาว่าผิดวินัยร้ายแรงก็ยังอยู่ระหว่างอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมหรือ กพค ซึ่งถือว่าคดียังไม่สิ้นสุด

ส่วนกสทช. มีคำสั่งให้หยุดการออกอากาศสถานีโทรทัศน์ DMC ของวัดพระธรรมกาย ตามที่ดีเอสไอร้องขอนั้น ยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวเนื่องจากตรวจสอบพบว่า การออกอากาศของDMC มีผลต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งหากในอนาคตกทสช. พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีผลกระทบใดใดก็สามารถกลับมาออกอากาศได้ตามปกติ รวมถึงระหว่างนี้ DMC ก็สามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่งของกสทช.ได้

ขณะที่ ดีเอสไอ ยังยืนยันด้วยว่า คณะทำงานของพลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เข้ามาสนับการปฏิบัติงานของดีเอสไอ ดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย ไม่ได้กลั่นแกล้งพระธัมมชโย

รวมถึงยังชี้แจงถึงการจัดกำลัง กว่า 3 พันนายของเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายในการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อดูแลประชาชนเป็นหลัก และป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือมีผู้ใดเข้ามาสร้างสถานการณ์

โดยไม่มีเจตนาใช้ความรุนแรง รวมถึงมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อเชิญตัวพระธัมมชโย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้น

พร้อมมองว่า หากพระธัมมชโย เข้ามอบตัวตามขั้นตอนก็จะช่วยลดความขัดแย้งและทำให้เกิดความสงบเรียบร้อย

อย่างไรก็ตามเพื่อความชัดเจนครบถ้วนเกี่ยวกับประเด็นนี้  รวมไปถึงภาพข้อเท็จจริงในวัดธรรมกาย ที่ดูเหมือนจะเป็นศาสนสถานซึ่งมุ่งเรื่องการปฏิธรรมเป็นเป้าหมายในการเชิญชวนผู้คนมาทำบุญ  ณ ขณะนี้เป็นจริงตามที่มีการประชาสัมพันธ์หรือไม่

ข้อมูลแรกที่สายข่าวสำนักข่าวทีนิวส์ได้รับมาเบื้องต้นจากการส่งผ่านไลน์กลุ่มของลูกศิษย์วัดธรรรมกาย  ดูเหมือนว่าพระชั้นผู้ใหญ่   ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทุกระดับต่างเตรียมพร้อมในการขัดขวางการเข้าจับกุมพระธัมมชโยอย่างเต็มที่   โดยการอ้างเรื่องการสวดสวดมนต์ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร 1 ล้านจบ  เพื่อถวายในหลวง รัชกาลที่ 9   เป็นกุศโลบายหนึ่งเพื่อสื่อสารต่อสาธารณชนทั่วไป

โดยข้อความในไลน์มีการระบุด้วยข้อความแสดงให้เห็นว่ามีการจัดสรรบุคคลเข้ามาภายในวัดธรมกายทั้งในลักษณะไปกลับและอีกเป็นจำนวนมากที่พักพิงภายในวัดตามกิจกรรมที่มีการกำหนดไว้ในหลากหลายรูปแบบ  สอดรับการสถานการณ์ภายนอกและกระแสข่าการดำเนินการทางคดีกับพระธัมมชโย

 

นอกจากนั้นในข้อมูลที่ปรากฏผ่านไลน์ของสายข่าวทีนิวส์     ยังระบุด้วยว่าระหว่างวันจะมีการสับเปลี่ยนจุดพำนักของลูกศิษย์ตลอดเวลา  อาทิ  ข้อความว่า 

“กลุ่มกายสิทธิ์ ประมาณ 3,000 คน ซึ่งนอนที่ห้องเทวสภา หอฉันท์คุณยายอาจารย์ ได้รับแจ้งจากส่วนกลางให้ย้ายกำลังไปที่ห้องแก้วสารพัดนึก สภาธรรมกายสากล และวิหารคด เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง จากนั้นให้รอคำสั่งใหม่ว่าจะตั้งรับที่ใดต่อไป ทั้งนี้มีการขออาสาสมัครกลุ่มแก้วกายสิทธิ์เพิ่มให้ได้ยอด 5,000 คน เวลา 10.00 น. ที่ห้องแก้วสารพัดนึก ศิษยานุศิษย์นั่งสมาธิรอหลวงพ่ออารักษ์มาประกาศแนวทางรับสถานการณ์ฉุกเฉิน และแจ้งจุดรวมพลหลังนั่งสมาธิเสร็จ”

หรือข้อความว่า  “ที่อาคาร 60 ปี   พระราชภาวนาวิสุทธิ์ วัดพระธรรมกาย ได้มีการประชุมเกี่ยวกับที่พักของพระธัมมชโย   โดยมีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ภายในวัดพระธรรมกายทราบว่าจะมีการสับเปลี่ยนที่พักของพระธัมมชโยอยู่ทุกวัน เพื่อป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าถึงตัวพระธัมมชโยได้  อย่างไรก็ตามเรื่องที่พักยังไม่เป็นที่เปิดเผยต่อเจ้าหน้าที่ทั่วไป แต่แหล่งข่าวยืนยันว่าในวัดพระธรรมกาย มีห้องใต้ดินอยู่หลายห้อง และที่พักประจำของพระธัมมชโยอยู่ที่อาคาร 60 ปีฯ

ทั้งนี้แหล่งข่าวยังระบุด้วยว่า วันนี้ที่วัดพระธรรมกายมีการปรับสถานะเฝ้าระวัง จากเดิมที่คืนก่อนหน้านี้มีการเฝ้าระวังสูงสุด (ธงแดง) เป็นการเฝ้าระวังสูง (ธงเหลือง) ซึ่งนี้ก็แสดงให้เห็นว่าทางวัดพระธรรมกายนั้นเตรียมพร้อมที่จะรับมือเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ตลอดเวลา

 

ต้องย้ำว่าทุกข้อความที่ปรากฏนี้เป็นข้อมูลจริงจากการรายงานความเคลื่อนไหวจากภายในวัดธรรมกาย  ซึ่งยืนยันชัดเจนว่าวัดธรรมกายมีแนวทางในเรื่องการคุ้มครองดูแลพระธัมมชโย โดยไม่ให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้าถึงตัวอย่างไร  แต่ข้อมูลไม่หมดเพียงเท่านั้น 

ล่าสุดข้อมูลนำสืบของสำนักข่าวทีนิวส์  พบว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้   มีการสรุปผลการประชุมของวัดพระธรรมกาย   ชี้แจงให้ศิษยานุศิษย์ของวัดทราบ ผ่านทาง   พระอารักษ์ ญาณารกฺโข   ด้วยข้อความว่า  “  ให้มวลชนช่วยบอกสมาชิกต่อๆกันไปว่าในวันที่ 14 ธ.ค.59 ให้มวลชนเข้ามาร่วมปกป้องหลวงพ่อพระธัมมชโยและวัดธรรมกายกันให้มาก และให้มากกว่าครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่เข้ามา  โดยในวันดังกล่าวจะมีกิจกรรมร่วมกันทำบุญวันพระ และมีแนวทางว่าถ้าเจ้าหน้าที่เข้ามา ให้ร่วมกันนั่งสวดมนต์ "เขาสาดเราสวด" ไม่ให้ตอบโต้และโมโห

ทั้งนี้ให้เฝ้าระวังตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.59 เป็นต้นไป และจากนี้อีก 7 วัน ให้มวลชนรวมตัวสวดมนต์ที่ห้องแก้วสารพัดนึก สภาธรรมกาย ไปอย่างต่อเนื่อง ถ้ายังไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าก็คงจะปลอดภัยในระยะนี้ ???

ขณะที่ข้อมูลเชิงลึกที่ถูกส่ง  “สำนักข่าวทีนิวส์”   ระบุข้อสังเกตการณ์ภายในวัดพระธรรมกาย เกี่ยวกับจำนวนมวลชนปรากฎผลเบื้องต้น ดังนี้

1. มีคนอยู่ภายในวัดประมาณ  8,000   คน ประกอบด้วย

 

          1.1พระภิกษุ และสามเณรที่อยู่ ประจำวัด  2,000 คน

          1.2 อุบาสก อุบาสิกา ที่ทำงานภายในวัด  1,800 คน

          1.3 ผู้ที่เข้ามาปฏิบัติธรรมบริเวณวิหารคด – สภาธรรมกายสากล ประมาณ 2,500 คน และ ที่บริเวณหอฉันท์ ประมาณ  500  คน

          1.4 ปชช. ที่เดินทางมาปฏิบัติธรรมชั่วคราวแบบ ไป-กลับ ประมาณ  1,200  คน 

 

2. ศิษยานุศิษย์ที่เข้ามาปฎิบัติธรรมและพักค้างคืนในวัดพระธรรมกายส่วนใหญ่มีภูมิลำเนา ดังนี้

 

2.1 ภาคกลาง ประกอบด้วย กทม., จว.ปทุมธานี, จว.นครนายก, จว.สระบุรี, จว.นนทบุรี, จว.สมุทรปราการ, จว.สมุทรสาคร, จว.นครปฐม, จว.ลพบุรี, จว.สระบุรี, จว.อ่างทอง, จว.สุพรรณบุรี, จว.สิงห์บุรี, จว.นครนายก และ จว.ปราจีนบุรี

2.2 ภาคอีสานและภาคเหนือ ประกอบด้วย จว.อุบลราชธานี, จว.อำนาจเจริญ, จว.นครราชสีมา, จว.ชัยภูมิ, จว.อุดรธานี, จว.พะเยา, จว.ลำพูน และ จว.เชียงใหม่

 

3. การรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าประตูทางเข้าวัดพระธรรมกายทุกประตูไม่มีธงแสดงสถานการณ์ การผ่านเข้าออกภายในวัดมีการตรวจตราอย่างเข้มข้น !!!

 

เรียบเรียงโดย : วัสดา สำนักข่าวทีนิวส์