สุดเจ็บปวด!! ชาวกระบี่แห่ร้องศูนย์ดำรงธรรม หลังหมดสิทธิ์รับเบี้ยคนจน ก่อนพบความจริงน่าตกใจ เป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว!!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 15 ธ.ค.59 ชาวบ้านในตำบลกระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ จำนวน กว่า 10 ราย นำเอกสารหลักฐาน และแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเดินทางเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่หลังไม่มีสิทธิ์รับเงิน ตาม “โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ” หรือ “ทะเบียนคนจน” ทั้งที่แต่ละรายมีรายได้ไม่ถึง1แสนบาท ต่อปีแต่กลับมีรายชื่อในบริษัทบจ.เอเอสโบรกเกอร์  มีรายได้สูงกว่า1- 2 แสนบาทต่อปี โดยมีเจ้าหน้าที่นิติกรศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลจ.กระบี่ มารับเรืองพร้อมสอบถามข้อมูลในเบื้องต้นก่อนให้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน

 

นางณัฐธิดา เรืองรักษ์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 147 ม.11 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ กล่าว ว่าตนขอยืนยันว่ามีรายได้ไม่ถึงปีละ1แสนบาทแน่นอนเพราะไม่ได้ทำงานอะไร อยู่บ้านเลี้ยงลูก ส่วนสามีทำงานรับจ้าง หลังจากที่มีการประกาศให้ไปลงทะเบียนคนจนตนและเพื่อนบ้านก็ได้ไปลงชื่อกับทางธนาคารออมสินสาขาโลตัสกระบี่ ต.กระบี่น้อย แต่เมื่อวันที่นำสมุดเงินฝากไปปรับที่ธนาคารเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.59 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าไม่มีเงินเข้าในบัญชีแต่อย่าวงใดสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคารทราบว่าขาดคุณสมบัติเพราะรายได้เกิน 1แสนต่อปี จึงได้นำบัตรประชาชนไปให้เจ้าหน้าที่สรรพากรจังหวัดกระบี่ตรวจสอบก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่า ตนมีรายปีละ 229,620 บาทพอตรวจสอบในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาพบว่า ตนมีชื่อสถานประกอบการในบริษัท บจ.เอ เอสโบรกเกอร์ ซึ่งมีสำนักงาน อยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลาแต่ตนไม่เคยสมัครเข้าทำงานที่บริษัทดังกล่าวอย่างใด

 

นางณัฐธิดา กล่าวอีกว่า การที่ตนมีชื่อในบริษัทดังกล่าวอาจเป็นไปได้ว่า เมื่อปี53 มีตัวแทนของทางบริษัทซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน เข้าไปขอบัตรประจำตัวประชาชนไปถ่ายสำเนา เพื่อจะเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มสตรีซึ่งจะได้รับเงินตอบแทนปีละ500บาท ซึ่งตนก็ให้ไปแต่ก็ไม่ได้ลงลายมือชื่อในเอกสารใดๆ แต่กลับมีชื่อที่ทำงานที่บจ.เอ เอส โบรกเกอร์ แล้ว แถมมีรายได้ปีละกว่า 2แสนบาทซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวตนไม่เคยได้รับแม้แต่บาทเดียวและยังชาวบ้านอีกหลายรายรวมไม่ต่ำกว่า30คนก็ถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน จึงได้รวมตัวเข้าร้องเรียนดังกล่าว

 

 

ด้านร.ต.อ.ธนพล แซ่ลิ่ม หัวหน้าหน่วยตำรวจสันติบาลจังหวัดกระบี่ กล่าวว่าจากสอบถามข้อมูลชาวบ้านที่มาร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ ในเบื้องต้นพบว่า บริษัทดังกล่าวมีลักษณะคล้ายบริษัทประกัน มีการส่งคนไปขอรายชื่อชาวบ้านในช่วงปี 2552-2557 แล้วปลอมแปลงลายมือชื่อชาวบ้านที่หลงเชื่อไปใช้ประโยชน์บางอย่าง หรืออาจจะใช้ในการหลบเลี่ยงภาษีคาดว่ามีชาวบ้านถูกหลอกไม่ต่ำกว่า 30 ราย รวมมูลค่ารายได้ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนทำให้ได้รับความเสียหาย เป็นความผิดทางอาญาฯและมีโทษจำคุกด้วยซึ่งหลังจากนี้ก็ได้ให้ชาวบ้านผู้เสียหายรวบรวมพยานหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับทางพนักงานสอบสวนสภ.เมืองกระบี่ เพื่อดำเนินการติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป

 

ภาพ/ข่าว ประดิษฐ์ รอดเกิด ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.กระบี่