พระเมธีตอกกลับ "ออมสิน ชีวะพฤกษ์" ทำไมไม่หารือกันก่อน ดันทุรังทำไม ขู่หากผ่าน 3 วาระ พร้อมกำหนดท่าทีเคลื่อนไหวใหญ่ !!

พระเมธีตอกกลับ ออมสิน ชีวะพฤกษ์

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า วันนี้ ทางที่ประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. จะมีการพิจารณาเดินหน้าแก้ไข พรบ.สงฆ์  โดยมีสนช.จำนวน 84 คน ได้เข้าชื่อเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฉบับปี พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 ในมาตรา 7 เรื่องการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชตามที่รายงานไปแล้วนั้น
ต่อมา พระเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร จนฺทสาโร เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้แสดงความคิดเห็นพร้อมตั้งคำถามไปยังสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เกี่ยวกับการดำเนินการแก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์  ถ้าสนช.เสนอและผ่าน 3 วาระรวด ต้องรับผิดชอบกับผลที่จะตามมา ซึ่งทางคณะสงฆ์จากทั่วประเทศ จะเฝ้ารอติดตามอยู่
ขณะที่นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวน 84 คน ลงชื่อเสนอขอแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2535 โดยให้การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ว่า ให้เป็นเรื่องของ สนช.ที่จะดำเนินการแก้ไขกฎหมาย ต้องรอให้ สนช.พิจารณาให้เสร็จสิ้นก่อน พร้อมกล่าวถึงพระเมธีธรรมจารย์ อย่าตีตนไปก่อนไข้ เพราะคงไม่มีอะไรมาก อย่าเพิ่งไปปลุกม็อบเลย คนไทยด้วยกันทั้งนั้น ต้องทำให้เกิดความรักสามัคคีกัน ทุกคนรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์เหมือนกัน

 

พระเมธีตอกกลับ "ออมสิน ชีวะพฤกษ์" ทำไมไม่หารือกันก่อน ดันทุรังทำไม ขู่หากผ่าน 3 วาระ พร้อมกำหนดท่าทีเคลื่อนไหวใหญ่ !!

โดยล่าสุดในวันนี้พระเมธีธรรมาจารย์ ได้โพสต์เฟสบุคส่วนตัว เพื่อตอบกลับ นายออมสิน ชีวพฤกษ์  รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ตามที่ท่านรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ลงข่าวเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม นั้น

เนื้อหาสาระที่ท่านรัฐมนตรีพูดพอสรุปความได้ ดังนี้
1.เป็นเรื่องของ สนช.ให้เขาทำให้เสร็จก่อน
2.ไม่อยากให้เกิดความวุ่นวาย
3.ไม่อยากให้ตีตนไปก่อนไข้
4.เรื่องนี้ไม่มีอะไรมาก
5.อย่าพึ่งไปปลุกม็อบเลย
6.ไม่เอาเรื่องนี้ไปคุยกับ มส.

ท่านรัฐมนตรี... ด้วยความรักและปรารถนาดีต่อคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนาด้วยกัน อาตมาภาพมีความเห็นตามเนื้อหาที่ท่านให้สัมภาษณ์ ดังนี้
1.ท่านโยนว่าเป็นเรื่องของ สนช.ให้เขาทำให้เสร็จก่อน แต่ก็แปลกใจว่าในเมื่อเป็นเรื่องของ สนช.แล้วดูว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับท่านทำนองนั้น แล้วทำไมในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ ท่านจะต้องไปเข้าร่วมประชุมกับ สนช. เพราะอะไร ในเมื่อท่านบอกว่าเป็นเรื่องของเขา
ในประเด็นต่อมาที่ท่านบอกว่า ให้ สนช. ทำให้เสร็จก่อน ประเด็นนี้ยิ่งน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะคำว่าเสร็จในความหมายของท่านคือเสร็จในขั้นตอนไหน อย่างไรจะเป็นการเสร็จในเบื้องต้น หรือจะสะเด็ดน้ำออกมาประกาศเป็นกฎหมาย มีผลบังคับใช้ได้เลย ดังนั้นคำว่าเสร็จในความหมายของท่านรัฐมนตรีคืออะไร ช่วยอธิบายให้กระจ่าง
2.ท่านไม่อยากให้เกิดความวุ่นวาย แน่นอนในเรื่องนี้ไม่มีใครอยากเห็นความวุ่นวายในบ้านในเมืองของเรา รวมทั้งพระสงฆ์ด้วย เราอยากสงบ สันติ และเมื่อต่างคนก็ต่างเห็นตรงกันแล้วทำไมเราไม่หาทางออกร่วมกัน ทางออกที่รับกันได้ของทุกฝ่ายรวมทั้งคณะสงฆ์ด้วย จะดึงจะดันอยู่แต่เพียงฝ่ายเดียวไปทำไม
3.ไม่อยากให้ตีตนไปก่อนไข้ คำนี้ฟังแล้วดูดี สำหรับอาตมานั้นยังไม่รู้อะไรก็พูดก็แสดงไปก่อนแล้วทำนองนั้น ในเรื่องนี้ท่านรัฐมนตรีอย่าลืมนะ ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สนช.พร้อมทั้ง โฆษกวิป สนช. ได้แถลงโดยละเอียดผ่านสื่อมวลชนแล้วว่าจะแก้ไขอะไร ตรงไหน อย่างไร และคาดว่าในต้นปีใหม่นี้ จะนำเข้าพิจารณาในสภาฯ ได้ โดยมีการคาดการณ์จากสื่อมวลชนทำนองว่าอาจจะกระทำใน 3 วาระรวด และในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ท่านรัฐมนตรีก็จะเข้าร่วมฟังการประชุมเรื่องนี้จาก สนช. ด้วย
กรณีดังกล่าวพระสงฆ์และผู้คนทั้งประเทศได้รับรู้ รับทราบกันหมดแล้ว จึงขอถามท่านรัฐมนตรีว่าทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมานี้อะไรคือความหมายตามสำนวนไทยที่ท่านกล่าวว่า ตีตนไปก่อนไข้ แต่ที่น่าจะตรงกับสำนวนไทยมากที่สุดในเวลานี้คือ ในฝ่าย สนช. น่าจะตรงกับสำนวนที่ว่าลุกลี้ลุกลน ในฝ่ายผู้มีอำนาจในบ้านนั้นเวลานี้มองพระสงฆ์เป็น ลูกไก่ในกำมือ ส่วนอาตมา องค์กรพุทธและพระสงฆ์ทั้งประเทศนั้น เป็น ฝนทั่งให้เป็นเข็ม สำนวนนี้น่าจะตรงมากกว่า
4.ไม่มีอะไรมาก การแก้ไขสาระสำคัญของ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์และฝ่ายที่มีอำนาจในการแก้ไขคือ สนช. เดินหน้ากันมาขนาดนี้แล้วท่านรัฐมนตรีจะใช้คำพูดว่า ไม่มีอะไรมาก ได้หรือ วันนี้ เวลานี้มาก มากแล้วจริงๆ
5.อย่าไปปลุกม็อบ ท่านรัฐมนตรี... อาตมาพูด แสดงความคิดเห็นแย้ง และแจ้งข่าวสารตามที่ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ สนช.และโฆษกวิป สนช. แถลงอย่างเป็นทางการ แล้วอะไรคือความหมายของการปลุกม็อบ การที่จะแก้ไขกฎหมายใดๆ แล้วมีผลกระทบต่อผู้ใช้โดยตรง ท่านจะไม่ยอมรับฟังเสียงจากองค์กรบ้างเชียวหรือ
6.ท่านรัฐมนตรีจะไม่ไปคุยกับมหาเถรสมาคมในเรื่องนี้ ท่านตอบนักข่าวชัดเจน เรื่องแบบนี้สิสำคัญ เพราะวิธีการมันสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติ แนวคิดและสไตล์ในการทำงานของท่านรัฐมนตรีที่พึ่งได้รับแต่งตั้งและมากำกับดูแลบังคับบัญชาสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้อย่างชัดเจน เรื่องสำคัญเช่นนี้ เกี่ยวข้องกับคณะสงฆ์ทั้งปวงจะไม่ไปหารือกับมหาเถรสมาคม ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเชียวหรือ ... ไม่ไป ท่านบอกว่าไม่ไป เพราะเหตุใด ทำไมไม่ไป แต่กลับกัน ฝ่าย สนช.ที่เสนอแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ ท่านกลับไปรับฟัง ไปพบในทันทีทันใด อะไรหนอจึงเป็นเช่นนี้
ในนามองค์กรพุทธและพระสงฆ์ทั่วประเทศขอยืนยันว่า จะรอฟังผลการประชุม ระหว่างสมาชิก สนช.และท่านรัฐมนตรี ในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ว่า ผลจะออกมาเช่นไร ผลเป็นเช่นไร พวกเราก็พร้อมที่จะกำหนดท่าทีให้ชัดเจนเช่นนั้นต่อไป
#เจ้าคุณประสาร
28 ธันวาคม 2559

ทั้งนี้ผลการพิจารณาในวันนี้ก็มีกระแสข่าวจาก สนช.เปิดเผยว่า จะมีสมาชิก สนช.เตรียมเสนอให้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้เสร็จทั้ง 3 วาระภายในวันเดียว โดยไม่ต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาในรายละเอียด และเสนอกลับมายังที่ประชุม สนช.ตามขั้นตอนตามปกติ เพราะเห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ที่มีการเสนอนั้นมีการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2535 เพียงหนึ่งมาตราเท่านั้น ทั้งนี้ รอสัญญาณจาก ครม.เพียงอย่างเดียวว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร

 

 

เรียบเรียง : อาทิชา