เปิดยุทธวิธีเครือข่ายยานรก ฟอกตัวสู่ชีวิตไฮโซ ใช้รถหรู ดูดี มีหน้ามีตาในสังคม

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม www.tnews.co.th

ยังเป็นประเด็นที่เรามาติดตามกันต่อ กรณีตำรวจปราบปรามยาเสพติดบุกเข้าค้นบ้านพักของ เบนซ์ เรซซิ่ง สามีนางเอกสาร แพท ณปภา ซึ่งก็ปฏิบัติการตามกฎหมาย หลังจากจับผู้ต้องหาได้แล้วมีการขยายผล ตามที่เราได้รายงานไปแล้ว

ซึ่งการกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดนาย ไซซะนะ แก้วพิมพา ผู้ต้องหาคนสำคัญที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้มีการซัดทอดถึงเครือข่ายย่อยกว่า 100 สาย แทรกซึมทุกวงการ โดยเฉพาะกลุ่มไฮโซ ดารา ที่เป็นเป้าหมายสำคัญของการฟอกเงินอีกด้วย

จากกรณีตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้ร่วมกับ ป.ป.ส. และปปง. รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดปฏิบัติการ "ชัยยะสยบไพรี" ก่อนบุกเข้าตรวจค้นและอายัดทรัพย์สินในพื้นที่กว่า 40 เป้าหมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด ของกลุ่มเหวย เซี๊ยะ กัง และเครือข่ายนายไซซะนะ แก้วพิมพา ผู้ต้องหาที่ถูกจับก่อนหน้านี้ โดยมีความเชื่อมโยงกันในแหล่งผลิตยาเสพติด โดยหนึ่งในเป้าหมายที่ตำรวจจู่โจมแล้วคือ ร้าน area51 ร้านแต่งรถบิ๊กไบค์และรถแต่งซิ่ง ที่ตั้งอยู่ในธนดลแมนชั่น ภายในซอยอินทรามระ 51 นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ “เบนซ์ เรซซิ่ง” สามีของนางเองสาว “แพท ณปภา”  (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>> ชัยชนะครั้งใหญ่ ของการปราบพ่อค้ายาเสพติด...!! ย้อนให้ดูกันกับปฏิบัติการ ปส. กวาดล้างเสพติด (รายละเอียด))

และในวันนี้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ปฏิบัติการเข้าตรวจค้น เป็นไปตามกฎหมาย จากการสืบสวนขยายผลไปยังเครือข่าย โดยมีการประสานความร่วมมือในต่างประเทศส่วนกรณีที่มีรายงานว่าพบดารา คนดัง ในวงการไฮโซของไทย เข้ามาพัวพันกับเครือข่ายค้ายาของนายไซซะนะ ว่า ตนไม่ขอเปิดเผยชื่อดาราไฮโซที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ เพราะเกรงจะกระทบสำนวนคดี

เรื่องนี้ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. กำลังดำเนินการขยายผลหาเครือข่ายทุกมิติ แต่ตนยืนยันว่า คนที่มาพัวพันไม่ว่าจะเป็นใคร ดารา คนดัง หรือไฮโซ หากพบการกระทำความผิดไม่ว่าจะสนับสนุนด้วยลักษณะใด ก็ต้องดำเนินการโดยไม่มีข้อยกเว้น

และกระแสข่าวที่ แพท ณปภา พร้อมสามี เตรียมแถลงข่าวในวันนี้เวลา 15.30 น. แต่สุดท้ายก็ต้องยกเลิกไป ซึ่งนายจิรัฏฐนนท์ จันโยธา ผู้จัดการส่วนตัวนางเอกสาวแพท ณปภา ตันตระกูล ภรรยานายอัครกิตต์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้นางเอกสาวยังคงเก็บตัวอยู่ภายในชั้น 5 ของแมนชั่น ซอยอินทมาระ51 ส่วนสภาพจิตใจปกติดี แต่ยอมรับว่านางเอกสาว มีอาการเครียดอยู่บ้างหลังจากตำรวจปราบปรามยาเสพติดนำกำลังเข้าตรวจค้นร้านแต่งรถจักรยานยนต์และห้องพัก ของเบนซ์ เรซซิ่ง สามี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาขณะที่ ยืนยันว่า นางเอกสาว ยังไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในตอนนี้ และหลังจากนี้จะเดินทางกลับบ้านพัก ย่านพระราม3 เพื่อไปดูแลมารดา รวมถึงจะพักอยู่ที่บ้านเพื่อเตรียมคลอดบุตร ตามกำหนดในวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

และล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ผ่านมา เบนซ์ เรซซิ่ง ได้เดินทางมายัง  กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อเข้าชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงรายละเอียดทรัพย์สิน ที่เจ้าหน้าที่สามารถยึดได้ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ "ไซซะนะ" ผู้ที่ถูกซัดทอดเป็นผู้ฟอกเงินถือครองทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด โดยเจ้าตัวได้เดินทางมาพร้อมกับทนายความส่วนตัวและญาติ โดยมีสีหน้าที่เรียบเฉย พร้อมยกมือไหว้สื่อมวลชน  ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชน จากนั้นได้เดินเข้าไปภายในกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด

ซึ่งก็ชัดเจนละครับว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติตามกฎหมาย และเป็นการขยายผลมาจาก การจับกุมผู้ต้องหา โดยเฉพาะรถยนต์ของกลางที่นายไซซะนะ ให้การว่า ฝากไว้กับนายบอยและฝากต่อให้กับนายเบนซ์ จนเป็นที่มาของบุกเข้าตรวจค้นในครั้ง ส่วนจะเกี่ยวพันแค่ใน อันนี้ก็อยู่ที่พยานหลักฐาน จะพิสูจน์ได้หรือไม่ว่า รถยนต์ ทรัพย์สินทั้งหมด ได้มาอย่างไร และเอาเงินที่ไหนมาซื้อ

แต่เมื่อเราติดตามพฤติกรรมของขบวนการค้ายาเสพติดเครือข่ายนายไซซะนะ นี้จะพบว่ามีรูปแบบและวิธีการที่แตกต่างจาก ขบวนการค้ายาเสพติดแบบเดิมๆ เพราะนายไซซะนะ ได้ปรับใช้เทคโนโลยีและการขายสินค้าแบบประชิดตัวกลุ่มไฮโซ สังคมชั้นสูง กระเป๋าหนัก และก็ชักชวนเข้าสู่เครือข่ายธุรกิจยานรกนี้

พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตํารวจปราบปรามยาเสพติด กล่าวถึง การเคลื่อนไหวของไซซะนะ จุดแข็งการทำธุรกิจค้ายาของขบวนการนายไซซะนะ คือวิธีการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า ซึ่งมีพัฒนาการเหนือกว่าเครือข่ายค้ายาเสพติดรายอื่นๆ

ไม่ว่า เครือข่ายของขุนส่า อดีตผู้นำกองทัพเมิงไต รวมถึงเล่าต๋า แสนลี่ นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ภาคเหนือ เพราะเครือข่ายเหล่านี้จะตั้งฐานการผลิตในป่าเขา ก่อนจะลำเลียงยาเสพติดด้วยสัตว์ เช่น ม้า ลา หรือรถจักรยานยนต์ จากแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่ฝั่งไทย" ที่สำคัญเครือข่ายเหล่านี้ ไม่ลงมาติดต่อซื้อขายด้วยตัวเอง แต่จะกำหนดพื้นที่ซื้อขายและส่งของกันตามแนวชายแดน

ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ ขบวนการของ "ไซซะนะ" ที่จะลงมาเล่นกับผู้ค้ารายย่อย โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยเฉพาะแอพพลิเคชั่นไลน์ วิธีการของไซซะนะ จะใช้วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสาร เช่น การใช้ไลน์ หรือการส่งข้อความที่เป็นรหัสลับ ซึ่งรู้กันระหว่างคู่ค้า เพื่อนัดพบสถานที่รับยาเสพติด การลงมาติดต่อกับผู้ค้ารายย่อยเอง ก็ช่วยให้สามารถรับรู้ได้ว่าพื้นที่ใดควรทำการค้า รวมถึงหาที่พักยาเสพติดด้วย"

พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวย้ำและ วิธีการขนย้ายยาเสพติดของขบวนการนายไซซะนะ จะใช้รถยนต์ราคาแพงขนส่งยา เพื่อตบตาการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ที่ตั้งด่านตรวจ

ฉะนั้นแล้ว จึงอาจกล่าวได้ว่า นายไซซะนะ" คือ นักค้ายายุค 4.0 ที่ปัจจุบันเครือข่ายค้ายาสองฝั่งโขงของเขา กำลังถูกทะลายจากเจ้าหน้าที่ ตำรวจปราบยาเสพติด และ ปปส. ของไทย!โดยหลังการจับกุม นายไซซะนะ แก้วพิมพา ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อ 19 มกราคม

ในวันรุ่งขึ้นทาง ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ก็ลงพื้นที่พร้อมกันทั่วประเทศ เข้าตรวจค้นยึดทรัพย์เครือข่ายของ ไซซะนะ แก้วพิมพา อีกหลายจุดโดยได้เข้าตรวจค้นในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1-5 รวม 36 จุด ตั้งแต่วันที่ 19-20 มกราคม ที่ผ่านมา ปฏิบัติการไปแล้ว 11 จุด เจ้าหน้าที่ยึดทรัพย์เครือข่ายได้จำนวนทั้งหมด 74 รายการ ประกอบด้วยบ้าน 2 หลัง โฉนดที่ดิน 14 แปลง รถยนต์หรู 14 คัน รถจักรยานยนต์ 11 คัน รถเพื่อการเกษตร 2 คัน บัญชีเงินฝาก 29 รายการ ทองรูปพรรณและเงินสด มูลค่า 1.5 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

นายไซซะนะ แก้วพิมพา หรือ เฮียลบ เป็นใครมาจากไหน? ไต่ระดับจากเด็กชายจาก บ้านหินบูน แขวงคำม่วน ประเทศลาว จนก้าวขึ้นมาเป็น เซเลบ คนเด่นคนดังในฝั่งลาว และไทย และที่สุดถูกตำรวจไทย รวบตัว นักค้ายาชาวลาว ได้อย่างไร

สำหรับประวัติของ นายไซซะนะ แก้วพิมพา อายุ 42 ปี หัวหน้าผู้ค้ายาเสพติดข้ามชาติในภูมิภาคอาเซียน มีสัญชาติลาว เกิดที่บ้านดอนลับ เมืองหินบูน แขวงคำม่วน(ตรงข้าม อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม) หรือที่ชาวลาวมักจะเรียกกันว่า “เฮียลบ” นั้น ในช่วงเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมา นายไซซะนะมีความร่ำรวยขึ้นอย่างผิดปกติ โดยที่คนส่วนใหญ่มักจะทราบว่า นายไซซะนะประกอบธุรกิจโรงเลื่อย โรงแรมและธุรกิจอื่นอีกหลายรายการ ซึ่งเจ้าตัวมีชื่อเสียงโดดเด่นในสังคมคนชั้นสูง มักจะจัดงานปาร์ตี้เชิญเหล่าคนมีชื่อเสียงในหลากหลายวงการมาร่วมงาน หรือมีภาพการเข้างานสังคมกับวงการไฮโซหรือกลุ่มคนในวงการบันเทิงอยู่เสมอ “

นายไซซะนะ”ถือเป็นอีกหนึ่งหนุ่มสังคมของ สปป.ลาวที่มักจะโพสต์ภาพเผยให้เห็นชีวิตสุดหรูหราผ่านสังคมออนไลน์อยู่เสมอ ซึ่งเจ้าตัวยังชอบสะสมรถซุปเปอร์คาร์สุดหรูมากกว่า 20 คัน อาทิ ลัมโบกินี เฟอรารี่ ออดี้ โรสลอยด์ ฯลฯ มูลค่าหลายร้อยล้านบาทอีกด้วย ซึ่งนอกจากนี้ นายไซซะนะยังมีชื่อเสียงในการเป็น‘นักเลงไก่ชน’ โดยบนสังเวียนไก่ชนในเวียงจันทน์ ก็จะพบเห็นเขากับไก่ชนตัวโปรดอยู่เป็นเสมอ

 

แต่ปฏิบัติการเข้ากวาดล้างจับกุมในครั้งนี้ ก็ต้องยกผลงานชิ้นโบว์แดงให้กับกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่มีการวางกำลังติดตามเครือข่ายนี้มายาวนาน จนรู้ถึงพฤติกรรมของพ่อค้ายา ที่จะแฝงตัวอ้างเป็นเศรษฐีจากประเทศลาว จัดปาร์ตี้หรูเชิญ ดารา ไฮโซ มาร่วมงานและชวนเป็นเครือข่ายทั้งการร่วมทำธุรกิจ เพื่อฟอกเงิน

โดยเมื่อครั้งที่ ตำรวจปราบปรามยาเสพติดรวบเครือข่าย ไซซะนะ ขณะกำลังนำยาเสพติดผ่านชายแดนมาเลเซีย และก็รับสารภาพว่าขนยาจากภาคเหนือและจะนำผ่านไปยังมาเลเซีย

เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข กล่าวว่า ในคดีที่หนึ่งสามารถจับกุมนายโตห์ เบ เซียง ชาวมาเลเซีย ได้ที่บริเวณหน้าด่านก่อนเข้าประเทศมาเลเซีย โดยพฤติการณ์จะขนย้ายยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือมายังภาคใต้ ก่อนที่จะส่งไปประเทศมาเลเซีย

พล.ต.ท.สมหมายกล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การชัดทอดว่ามีบุคคลในวงการบันเทิง กลุ่มบุคคลไฮโซที่มีชื่อเสียง และวงการรถหรูมีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลทรัพย์สินของเครือข่ายนายไซซะนะ ทั้งนี้ จากการขยายผลทราบว่าทรัพย์สินทั้งหมดอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยนายไซซะนะจะเช่าบ้านอยู่ในสวนห่างไกลผู้คนเป็นที่พักทรัพย์สิน

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างตัวนาย ไซซะนะกับกลุ่มบุคคลไฮโซทั้งหลาย ทราบว่านายไซซะนะจะแสดงตนเป็นเศรษฐีจากฝั่งลาวเข้ามาในประเทศไทย จากนั้นก็จะจัดปาร์ตี้เชิญเหล่าดาราบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายวงการเข้ามาร่วมงาน จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการรู้จัก จากนั้นก็จะใช้การแปลงทรัพย์สินต่างๆ ในลักษณะฟอกเงิน

และภายในประเทศ ก็จะมีข่าวที่กลุ่มไฮโซผันตัวเองมาเป็นเอเย่นต์ค้ายา โดยพฤติกรรมก็จะคล้ายกับนายไซซะนะ ใช้รถยนต์หรู วิ่งส่งยา สุดท้ายโดนตำรวจล่อซื้อและจับกุมได้

กรณีนี้ เกิดเมื่อวันที่ 23 ก.ย.59 พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนทำการขยายผลล่อซื้อยาเสพติดซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกับนายโก๊ส และนายยอร์ค 2 เอเยนต์ที่ถูกจับก่อนหน้านี้

 

โดยได้ติดต่อล่อซื้อยาไอซ์ จากนายเติ้ล (ขอสงวนชื่อจริงนามสกุลจริง) ซึ่งได้รับข้อมูลว่าเป็นเอเยนต์รายใหญ่ เมื่อไปถึงจุดนัดรับส่งของกันที่ภายในหมู่บ้านเกศินีวิวล์ ซอยประชาอุทิศ 21 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร นายเติ้ล ได้ขับรถจากัวร์ ทะเบียนป้ายแดง ล 7777 กทม. มายังจุดนัดพบ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบยาไอซ์หนัก 99.82 กรัม

 

จากนั้นได้ทำการขยายผลเข้าตรวจค้นที่พักซึ่งเป็นบ้านหรูภายในหมู่บ้านดังกล่าว พบยาเสพติดจำนวนมาก ประกอบด้วย ยาไอซ์ หนัก 72.05 กรัม ยาอีชนิดเม็ดสีเขียว 3 ถุง จำนวน 90 เม็ด ยาอีชนิดต่างๆ ทั้งที่มีสัญลักษณ์ VL สีฟ้า สีชมพู สีเขียว รวม 290 เม็ด กัญชาแบบแห้ง 2 ถุง หนัก 18.28 กรัม และ15.92 กรัม

นอกจากนี้ ยังพบอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก ปืนอูซี่ 1 กระบอก ปืนพกสั้นขนาดจุด 45 มม.จำนวน 6 กระบอก อาวุธปืนสั้นขนาดจุด .380 มม. จำนวน 1 กระบอก และขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก รวมทั้งสิ้น 10 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนกว่า 700 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และควบคุมตัวมายังสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ทำการสอบสวนเพื่อขยายผลจับกุมเอเยนต์รายใหญ่ และผู้ร่วมขบวนการเครือข่ายยานรกเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

เรียบเรียงโดย : วัสดา สำนักข่าวทีนิวส์