เปิดช็อตต่อช็อต!!พยานหลักฐานเด็ด ฝ่ายครูจอมทรัพย์-ฝ่ายอัยการ สุดสูสีงานนี้วัดกันที่กึ๋นจริงๆ (รายละเอียด)

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : http://www.tnews.co.th/

นับเป็นอีกหนึ่งคดีประวัติศาสตร์อีกหนึ่งคดี เมื่อกระทรวงยุติธรรมอาสาที่จะเรียกคืนความเป็นธรรมให้กับนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตครูที่ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก เมื่อได้รับพระราชทานอภัยโทษออกมา ก็ได้ร้องขอความเป็นธรรมให้รื้อฟื้นคดีใหม่ เพราะตัวเองนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์

ซึ่ง หลังศาลจังหวัดนครพนมได้นัดสอบพยานทั้ง 2 ฝ่าย คือฝ่ายผู้ร้อง ครูจอมทรัพย์ และฝ่ายผู้คัดค้าน คืออัยการจังหวัดนครพนม ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็นำเอาพยานหลักฐาน ทั้งบุคคลและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เอกสารต่างๆ มาหักล้างกันอย่างเข้มข้น  ซึ่งวันนี้เราะได้นำเสนอแบบเจาะลึกและครับถ้วน

ฝ่ายครูจอมทรัพย์ ก็ได้มีการวางแผนจัดเตรียมพยานหลักฐานในครั้งนี้ ก็จะมีคีย์แมนสำคัญอย่างพ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม

ซึ่งก่อนหน้านี้ทางด้านของพ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ก็ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า“ก่อนอื่นต้องยอมรับว่า ข้อเท็จจริงตามสำนวนในคดีนี้ ก็คือ ไม่ปรากฏว่ามีใครเห็นว่า ครูจอมทรัพย์ เป็นคนขับรถในวันเกิดเหตุ

ฉะนั้น หลักฐานชิ้นสำคัญสำหรับนำมาประกอบเพื่อร้องขอต่อศาลให้รื้อฟื้นคดี จึงอยู่ที่การหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ มายืนยันให้ได้ว่า รถยนต์คันนี้ไม่เคยประสบอุบัติเหตุมาก่อน ฉะนั้น เราจึงตัด นายสับ วาปี ผู้ที่อ้างตัวเองว่า เป็นคนร้ายในคดีนี้ออกไปจากกระบวนการขอรื้อฟื้นคดี เพราะไม่มีความจำเป็น

ซึ่งการที่จะสามารถหักล้างคำพิพากษาได้ มันมีเพียงแค่ 2 กรณีเท่านั้น คือ 1. ได้ตัวคนร้ายตัวจริง หรือ 2. มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น

(คลิกอ่าน : "ครูจอมทรัพย์" วอนขอความปลอดภัยหลังศาลตัดสิน...หวั่นถูกทำร้าย!!! หลังมีมติกลับเข้ารับราชการครู)

ฉะนั้น หลักฐานชิ้นสำคัญ ที่จะนำมาแสดงต่อศาลในวันนี้ จะประกอบไปด้วย

1. ผลการตรวจสอบรถยนต์ ของทั้ง กรมขนส่งทางบก และ ศูนย์บริการโตโยต้า ที่ได้รับการยืนยันมาแล้วว่า รถคันนี้ ไม่มีร่องรอยการถูกชน นอกจากนี้ ช่างผู้ชำนาญการ ประจำศูนย์โตโยต้าใหญ่ที่ อ.สำโรง จ.สมุทรปราการ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบความหนาแน่นของสีรถยนต์ ซึ่งเข้าทำการตรวจสอบในรอบที่ 2 รายงานกลับมาว่า ไม่พบว่า รถยนต์คนนี้ มีการทำสีใหม่ เพื่อ พยายามกลบร่องรอยการถูกชน อีกด้วย

2. ผลการตรวจสอบป้ายทะเบียนรถ บค 56 สกลนคร จาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งไม่พบว่าป้ายทะเบียนรถดังกล่าว มีร่องรอยการถูกชน และไม่มีแม้กระทั่งร่องรอยการแลกสี

3. การแสดงภาพเชิงซ้อน ระหว่างป้ายทะเบียนรถที่ชน กับ ป้ายทะเบียนรถครูจอมทรัพย์ โดยที่เราตรวจพบ ขอบป้ายล่างของทะเบียนรถที่ไปชน กับ รถจักรยานของผู้ตายในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจวัดขอบล่างที่ชนที่บริเวณตะเกียบรถจักรยานได้ 40 ซม. ส่วนขอบบน อยู่ที่ 55 ซม. ในขณะที่เมื่อไปวัดจากรถของครูจอมทรัพย์ ขอบล่างอยู่ที่ 38 ซม. และขอบบนอยู่ที่ 53 ซม. ซึ่งไม่ตรงกัน แสดงให้เห็นว่ารถคันที่ชนรถจักรยานผู้ตาย จะต้องสูงกว่า รถของครูจอมทรัพย์ อย่างน้อย 2 ซม.

ทีนี้เรามาเริ่มต้นกันที่ฝ่ายผู้ร้องได้แถลงต่อศาลขอนำพยานขึ้นเบิกความพยานนัดแรก 9 ปาก ได้แก่

1. นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร

2. นายประพัฒน์ แสนเมืองโคตร ผู้มีชื่อครอบครองรถยนต์กระบะโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ ทะเบียน บค 56 สกลนคร คนปัจจุบัน

3. นายทักษิณ ไขสีดา เจ้าของรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายผู้ร้องอ้างว่ารถยนต์ไปเกี่ยวชนจนเกิดร่องรอยก่อนที่จะขาย

4. หัวหน้าคณะตรวจสอบข้อเท็จจริง กระทรวงยุติธรรม

5. ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จะทำหน้าที่เบิกความเกี่ยวกับป้ายทะเบียนรถยนต์ ฝ่ายผู้ร้อง

6. นายศรีไพร ทองผล ผู้เชี่ยวชาญ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ซึ่งจะเบิกความเรื่องผลตรวจสอบตัวถังรถยนต์ด้านหน้า

7. นายเดชา นุชนารถ เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก จะเบิกความผลตรวจสอบป้ายทะเบียนรถยนต์

8. นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ พยานผู้อ้างว่าเห็นเหตุการณ์

และ 9. นางทองเรศ วงศรีขา พยานผู้อ้างว่าเห็นเหตุการณ์ ซึ่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์นางทัศนีย์มาในวันที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์ ส่วนนายสับ วาปี ทนายไม่ได้เบิกตัวมาขึ้นสืบพยานวันนี้ ทนายชี้แจงว่า ขอเน้นไปที่รถของผู้ร้อง

สำหรับพยานฝ่ายผู้ค้าน ที่จะเบิกความสืบพยานฝ่ายผู้ค้าน ได้แก่

1.พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ สัมฤทธิ์สกุลชัย

2.พ.ต.อ.ปราโมทย์ อุทากิจ

3.พ.ต.อ.อดิศักดิ์ ชมศรีหาราช

4.นายเสริฐ รูปสอาด

5.พ.ต.ท.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์

6.นายลัน โพนแก้ว

7.นายอุบล ไชยบัน

8.นายชยพล ปาหลา

9.นายประเสียน ทองมหา

10.นายธวัชชัย ไชยบัน

11.นายเอกราช แพงพุทธ

12.นางสาวกาญจนา โทนแก้ว

13.นายเมธี แสนพินิจ

และ 14.นายธีราทร แสงเงิน

 

ส่วนพยานหลักฐานเอกสาร 28 รายการ อาทิ บันทึกถ้อยคำ,บันทึกข้อความ,บันทึกข้อความกลุ่มพนักงานสอบสวน จ.นครพนม,บันทึกข้อความเรื่องฝ่ายผู้ไม่ติดใจเอาความดำเนินคดีในกรณีขับรถชนคนตาย,และ เอกสารในสำนวนการไต่สวนคำร้องขอให้รื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาพิพากษาใหม่ เป็นต้น

โดยพยานปากแรก ที่ให้ปากคำ คือ นายเสริฐ รูปสะอาด อายุ 53 ปี

      

นายเสริฐ กล่าวว่า ว่างเว้นจากการทำนาก็หาเรื่อยไม้ และเลี้ยงวัวควาย รู้จักกับนายสุริยา นวลเจริญ หรือ ครูอ๋อง ตอนไปขายไม้จามจุรีกับเพื่อน จำนวน 6 คน จำนวนไม้ 1 ท่อน  ได้เงินมา 3,000 บาท ได้คนละ 500 บาท  ครูอ๋อง มีอาชีพเสริมคือ การทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ขาย ปลายปี 2556 ขี่รถจักรยานยนต์ไปหางานทำ เจอครูอ๋องที่บ้านหนองเอี่ยนทุ่ง จ.มุกดาหาร ชวนไปทำงานด้วย จึงตกลงไป แต่ยังไม่ได้ทำงาน

จากนั้นเจอครูอ๋องอีกครั้งหนึ่ง ที่บ้านหนองเอี่ยนดง ก็ชักชวนตนไปทำงานอีก และก็ยังไม่ได้ทำงานอีกเช่นเคย จนกระทั่งมาเจอกับครูอ๋องที่บ้านซ่ง อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร แล้วพาขึ้นรถมาที่ จ.นครพนม ว่า จะพาไปโรงพัก แต่ไม่ได้ถามว่า ไปทำอะไร ครูอ๋องพาไปบ้านนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ พยานปากเอกที่เห็นเหตุการณ์ (พยานฝ่ายผู้ร้อง) แต่ตนไม่ได้ลงไปด้วย นั่งอยู่บนรถประมาณ 10 นาที ครูอ๋องออกมาพร้อมกับนางทัศนีย์ฯ และชายอีก 1 คน ตนไม่ทราบชื่อ เดินทางไปที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม ครูอ๋อง พร้อมนางทัศนีย์ และผู้ชายที่มาด้วยนั้น เดินไปที่โรงพักดังกล่าว

      

แต่ตนก็ไม่ได้ไปด้วย นั่งรออยู่แต่ในรถ นานกว่า ครึ่งชั่วโมง ทั้งหมดก็กลับมาที่รถ เดินทางไปที่ สภ.เรณูนคร ต่อ  

 

พอถึง สภ.เรณูนคร ทั้งหมดพาขึ้นไปบน สภ.ตนก็ไม่ได้ขึ้นไปด้วย นั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งหมดก็กลับมา ครูอ๋อง พานางทัศนีย์ฯ ไปส่งบ้าน ระหว่างทางไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย และพาตนกลับมาส่งที่บ้านซ่ง ที่เดิม จากนั้นประมาณ 1 อาทิตย์ ครูอ๋องก็มารับตนอีก บอกว่าจะพาไปที่ โรงพัก จ.นครพนม ซึ่งอยู่นครพนม แต่ตนไม่ทราบชื่อ สภ.อะไร  ระหว่างทางแวะรับ นายสับ  วาปี และภรรยา ที่บ้านสามขา จ.มุกดาหาร แล้วนั่งรถมาด้วยกัน โรงพักที่ว่า อยู่ในตัวเมืองนครพนม ริมแม่น้ำโขง ตนอ่านหนังสือไม่ออกว่าเป็นโรงพักอะไร

 

พอมาถึงหน้าโรงพัก ครูอ๋อง สั่งให้ตนรับว่า เป็นคนขับรถชนคนตาย ที่ อ.เรณูนคร และให้บอกว่า รถคันที่ชน เป็นของ นายสับ วาปี ทะเบียน 56 มุกดาหาร

 

โดยครูอ๋อง บอกว่า ทุกอย่างไม่ติดคุก จะเคลียให้หมด แล้วจะให้เงิน 200,000 บาท หลังจากที่ขึ้นศาลแล้ว  นายสับ ก็ได้ยินเรื่องที่คุยกันทั้งหมด ครูอ๋อง อ้างว่า ให้รับคนเดียว เพราะอ้างว่า สงสารครูจอมทรัพย์ ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน ซึ่งตนไม่รู้จักครูจอมทรัพย์ มาก่อน

      

พอขึ้นไปบนโรงพัก พบกับ ตำรวจนายหนึ่ง ทราบภายหลังคือ พ.ต.อ.ปราโมทย์ อุทากิจ ผกก.สอบสวน บกภ.จว.นครพนม  ทั้งหมดนั่งต่อหน้านายตำรวจดังกล่าว แล้วครูอ๋องพูดว่า นี่แหละ คือผู้ต้องหาตัวจริง ที่ขับรถชนคนตาย และแต่งเรื่องขึ้นมาว่า ตนซื้อรถต่อจากนายสับ ราคา 25,000 บาท แต่ความจริงไม่ได้ซื้อ เพราะไม่มีเงิน

หลังจากนั้น พ.ต.อ.ปราโมทย์ ก็พาไปพบทนายความ ซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ในตัวจังหวัด แต่ไม่ทราบชื่อ มีนายสุริยา และทุกคนที่นั่งรถมาด้วยกัน ยกเว้นตน ที่นั่งสูบบุหรี่อยู่ริมฟุตบาทคนเดียว นานกว่า 1 ชั่วโมง ทั้งหมดก็ออกมา พากันขึ้นรถกลับ จ.มุกดาหาร ระหว่างทางไม่ได้คุยกับนายสับ และภรรยา แม้แต่คำเดียว แต่เหตุที่จำนายสับและภรรยาได้ คือ นั่งรถมาด้วยกัน เป็นเวลานาน จึงจำหน้าได้

จากนั้นอัยการก็ได้นำรูปภาพ จำนวน 3 แผ่น มาให้ชี้ ก็ชี้ว่า รูปที่ 1 คือ ครูอ๋อง รูปต่อมา คือ นายสับ วาปี ตามด้วย รูปถ่ายของภรรยานายสับ และรูปนางทัศนีย์ ส่วนรูปสุดท้ายคือ ตำรวจที่ชื่อปราโมทย์ โดยยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักบุคคลในรูปมาก่อน รู้จักเพียงนายสุริยา (ครูอ๋อง) คนเดียวเท่านั้น

 

พยานคนที่ 2 ฝ่ายผู้คัดค้าน ชื่อนายธีราทร  แสนเงิน เป็นผู้จัดการ บจ.วิริยะประกันภัย จ.มุกดาหาร กล่าวถึงการต่อ พรบ.

และพยานปากที่ 3 คือ นายเมธี  แสนพินิจ เป็นเจ้าพนักงานสำนักงานขนส่งจังหวัดมุกดาหาร  ซึ่งทั้งสองให้การตรงกันว่า  การต่อ พ.ร.บ. /ทะเบียน  จะดูชื่อผู้ครอบครองรถ ในสมุดคู่มือ เป็นหลัก ใครจะถือมาจดก็ได้ แต่จะต้องลงชื่อคนที่มีชื่อในสมุดคู่มือ

      

ส่วนใครมาซื้อ พ.ร.บ.เพื่อไปต่อทะเบียน ไม่จำเป็นต้องมีชื่อในสมุดคู่มือ สำนักงานขนส่งฯ สามารถต่อทะเบียนให้ได้โดยไม่มีความผิด

 

พยานคนที่ 4 คือนายลัน  โทนแก้ว ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ภรรยานายสับ วาปี  ว่า ในปี 2545 ได้ตกลงซื้อรถต่อจากนายสับฯ บค 56 มุกดาหาร  ในราคา 25,000 บาท แต่ต้องไปเอารถที่ คลอง 16 ไม่จำอำเภอและจังหวัด เพราะไปกับญาติ อีก 1 คน  ลักษณะเป็นรถกระบะ สีเขียว ไม่มีหลังคา เมื่อไปถึงแล้ว นายสับ มอบรถให้ พร้อมกับสมุดคู่มือ นำไปใช้ขนอ้อย อยู่สองปี โดยไม่ได้ต่อทะเบียน และ พ.ร.บ.

 

จนกระทั่งปี 2547 ได้ขายรถคันดังกล่าวให้กับ นายชัยพร  ปาหลา ในราคา 40,000 บาท ต่อมานายชัยพรได้พานายอุบล ชัยบัน มาดูรถด้วยตกลงต่อรองซื้อขายกันในราคา 33,000 บาท ตนก็มอบรถและสมุดคู่มือ ซึ่งมีชื่อ นายสับ วาปี เป็นผู้ครอบครองรถ จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกับนายชัยพรและนายอุบล อีกเลย

ประมาณปี 2557 นายสับ มากับชายคนหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า อาจารย์ ขอให้ช่วยไปเป็นพยานที่ จ.นครพนม แต่ทางครอบครัวไม่ให้ไป เมื่ออัยการนำรูปของนายสุริยา หรือครูอ๋องมาให้ดู ว่าใช่คนเดียวกันหรือไม่ ที่ไปหา นายลัน ยืนยันว่า ใช่คนเดียวกัน

พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ สัมฤทธิ์สกุลชัย ในฐานะหัวหน้างานสอบสวนสภ.เรณูนครโดยได้ขึ้นเบิกในประเด็นสำคัญว่า เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2556 นายสุริยา นวนเจริญ หรือ ครูอ๋อง ที่อ้างตัวว่าเป็นเพื่อนครูจอมทรัพย์ พร้อมกับผู้ชาย 1 คน ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร และผู้หญิงอีก 1 คน ทราบต่อมาคือ นางทัศนีย หาญพยัคฆ์ เดินทางมาพบเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับแนวทางการช่วยเหลือครูจอมทรัพย์ ในคดีขับรถชนคนตายเมื่อปี2548 โดยนายสุริยาว่า ครูจอมทรัพย์ไม่ใช่ผู้กระทำผิด และขณะนี้ตัวเองได้สืบหา จนพบผู้กระทำผิดตัวจริงแล้ว คือ นายเสริฐ รูปสอาด ซึ่งเป็นไปตามเอกสารบันทึกข้อความที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวที่จะมีการนำขึ้นสู่ศาลถือเป็นอีก 1 หลักฐานสำคัญ ที่สนับสนุนตามคำเบิกความของนายเสริฐ ที่อ้างว่าถูกนายสุริยา หรือ ครูอ๋อง ว่าจ้างให้ไปรับผิดแทนในคดีขับรถชนคนตาย

ขณะที่ ร.ต.อ.ไขบัญชา วังคะฮาด อดีตพนักงานสอบสวน สภ.เรณูนคร ที่พบเห็นในวันที่นายสุริยา หรือ อ๋อง พร้อมพวก เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.กิตติศักดิ์ จากนั้นจะต่อด้วยพยานปากที่3 พ.ต.อ.ปราโมทย์ อุทากิจ พนักงานสอบสวน ที่นายเสริฐ อ้างถึงว่านายสุริยาพาไปพบ เมื่อปลายปี2556

นอกจากนี้พยานฝ่ายฝ่ายผู้คัดค้านยังมี พ.ต.ท.อดิศักดิ์ ชมศรีหาราช พนักงานสอบสวนที่เมื่อปี2557 ได้บันทึกคำให้การ ของนายทักศิล ไขสีดา เจ้าของบ้าน ที่ครูจอมทรัพย์อ้างว่าสามีได้ขับรถไปชนรั้วลวดหนาม

 

พ.ต.ท.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ อดีตสว.จังหวัดมุกดาหาร ที่อ้างว่า เคยมีเพื่อนครูจอมทรัพย์ เดินทางไปพบที่บ้านพัก เพื่อขอปรึกษาการทำคดี และพันตำรวจเอกไพโรจน์ กุจิรพันธ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนคดีครูจอมทรัพย์ ที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งขึ้น

 

ทั้งนี้ หลังจากสืบพยานทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว ศาลจังหวัดนครพนมจะรวบรวมบันทึกคำให้การของพยานทั้งสองฝ่ายส่งให้กับศาลฎีกา เพื่อพิจารณาต่อไป

(คลิกอ่าน : งานเข้าอีกแล้ว!!! เพจดังขู่แรง! เตรียมขุดประวัติ "อัจฉริยะ" หลังเตรียมแฉ "ครูจอมทรัพย์" ไม่ใช่แพะ ท้าเดี๋ยวจะได้รู้สู้กับเงามันเป็นยังไง!??)

เรีนบเรียงโดย : วัสดา สำนักข่าวทีนิวส์