เปิดโครงข่าย ยาเสพติด พบเบาะแสท่อน้ำเลี้ยงเชื่อมโยงปัญหาความรุนแรงใต้ (ข้อมูล)

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : http://www.tnews.co.th/

เกี่ยวกับประเด็นเครือข่ายนายไซซะนะ แก้วพิมพา ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่ตอนนี้ยังมีประเด็นที่เข้าไปเชื่อมโยงกับปัญหาความรุงแรงที่เกิดขึ้นทางภาคใต้อีกด้วย จึงทำให้สังคมนั้นสนใจและติดตามประเด็นดังกล่าวนี้เป้นจำนวนมาก

10 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีหนึ่งในเครือข่ายนายไซซะนะ แก้วพิมพา ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่อาจมีความเชื่อมโยง   และอาจเป็นท่อน้ำเลี้ยงแก่ผู้ก่อความไม่สงบในภาคใต้ว่า จะต้องรอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีช่องทางติดต่อกันอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงกรณีตำรวจมาเลเซียจับกุม 6 ผู้ต้องสงสัยได้ที่รัฐกลันตัน ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) และ 1 ใน 6 คนนั้น อาจต้องสงสัยว่ามีส่วนร่วมกับกลุ่มบีอาร์เอ็นในภาคใต้ของไทย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ทางการมาเลเซีย พร้อมประสานข้อมูลกับไทย แต่มาเลเซีย มีการออกฎหมายใหม่ทำให้ไม่สามารถเผยแพร่ข้อมูลผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอสได้ และขณะนี้ทางการไทย ยังไม่พบข้อมูลว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มไอเอส

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) นายศิรินยาทร์ สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) แถลงผลการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติด หลังจากวานนี้ตำรวจปราบปรามยาเสพติด 5 และ ปปส.ทำการสืบสวนขยายผลจับกุมนายจิตรภานุ แซ่เฮง และนางบุหรัน สืบธารี ภรรยาของนายมามะรุสสัน ดรอแมผู้ค้ายาเสพติดเครือข่ายอุสมาน สะแรแม ที่เป็นคู่ค้ากับนายไซซะนะ แก้วพิมพาซึ่งถูกจับไปก่อนหน้านี้

โดยการจับกุมสามารถตรวจยึดทั้งเงินสดไทยและสกุลมาเลเซีย 52 ล้านบาท รถยนต์ ที่ดิน บ้านพัก ทองรูปพรรณ รวมมูลค่ากว่า 68 ล้านบาท จากการสืบสวนพบว่านายมามะรุสสันเป็นผู้ส่งเงินให้นางบุหรันนำไปซื้อทรัพย์สิน และนางบุหรันให้การรับสารภาพว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดจริง

ทั้งนี้ในทางสืบสวนของ ปส.และ ปปส.พบว่า นายมามะรุสสันเป็นลูกน้องของนายอุสมาน ซึ่งเป็นคู่ค้ายาเสพติดกับนายไซซะนะและนายไซนุเด็งที่ทางการมาเลเซียจับกุมได้เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนคดีที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 จับกุมยาเสพติดได้กว่า 2 เม็ดในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลลำผักชีเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างการขยายผลว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับขบวนการใด

 

ปฏิบัติการ "ชัยยะ สยบไพรี" ที่นำมาสู่การจับกุม "นายไซซะนะ แก้วพิมพา" นักค้ายาเสพติดชาวลาว ซึ่งมีเครือข่ายกว้างไกลลำดับต้นๆ ของอาเซียนนั้น ไม่ใช่เรื่องฟลุคหรือจับโดยบังเอิญ แต่มาจากการแกะรอย และเก็บรวบรวมพยานหลักฐานมานานถึง 5 ปี

ซึ่งตลอดเวลาที่เจ้าหน้าที่เฝ้าเกาะติดผู้ต้องหาคนสำคัญ สืบเนื่องจากพบการกระทำผิดระหว่างวันที่ 28 ก.ย.59 - 21 ม.ค. 60 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชื่อ นายชุมพร พนมไพร และนายไกรราช สุภาพ ที่มีพฤติการณ์ลักลอบขนยาเสพติดจากพื้นที่ประเทศลาว ด้านติดต่อกับ จ.หนองคาย เข้ามาจำหน่ายให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ และประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีนายทรรศพล พลธี , นายไพฑูรย์ ทองเสม ( ซึ่งเป็นพี่เขยของนายนายไกรสร สุภาพ) และน.ส.เกศญาณัฐฐ์ ธงวาด ( ภรรยาคนที่ 2 ของนายไพฑูรย์) ผู้เกี่ยวข้องในการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ส่งมอบให้ลูกค้าตามคำสั่งของนายชุมพร และนายไกรราช อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เฝ้าสังเกตการณ์มีคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมยาเสพติด และผู้ต้องหาให้การซัดทอดมรที่นายชุมพร และนายไกรราช  โดยมีลักษณะเหมือนกันอยู่ 4 คดี พบว่ามีการจับกุมตั้งแต่ปี 2558 ต่อเนื่องถึง 2559

 

คดีที่ 1 วันที่ 16 กันยายน 2558 ตำรวจทางหลวงจับยาบ้า 2.3 ล้านเม็ดที่จังหวัดชุมพร สามารถจับกุม นายวิทยา หรือ วิท โสภา ชาวจังหวัดนครพนมได้ และขยายผลออกหมายจับอีก 5 คน โดยหนึ่งในนั้นคือ นางสาวอ้อยทิพย์ ปัญญารักษ์

 

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2559 ตำรวจจับยาบ้า 6 แสน 4 หมื่นเม็ด พร้อมเฮโรอีนอีกจำนวนหนึ่งที่จังหวัดนครราชสีมา จับกุมผู้ต้องหาได้ 5 คน คือ นายกิตติศักดิ์ แก้วนา, นายปิยะ เครือหมื่น, นายพุทธรักษ์ เพ็งอินทร์, นายวิษณุพงษ์ ดวนลี และ นายชัยวัฒน์ ศรีปัญญา

 

คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2559 ตำรวจจับยาบ้า 1 ล้านเม็ดที่จังหวัดชุมพร ผู้ต้องหาคือ นายวิวัฒน์ชัย เดชสหโรจนธร, นายศักดา อัครศักดิ์ศรี และ นายชนระวิทย์ กลิ่นจันทร์

 

คดีที่ 4 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2559 ตำรวจจับยาบ้า 1 ล้าน 2 แสนเม็ดที่ด่านสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ผู้ต้องหาคือ นายทรรศพล พลธี กับ นายไกรราช สุภาพ จากนั้นขยายผลจับเพิ่มอีก 3 คนที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา คือ นายไพฑูรย์ ทองเสม เป็นพี่เขยนายไกรราช นางสาวเกศญาณัฐฐ์ ธงวาด เป็นภรรยาคนที่ 2 ของนายไพฑูรย์ และ นายนิอุสมัน ปะจู

นายนิอุสมัน ปะจู ที่ถูกจับในคดีที่ 4 เชื่อมโยงกับ นางสาวไรดา จาโก เครือข่ายยาเสพติดภาคใต้ตอนล่าง โดย นางสาวไรดา เป็นภรรยาชอง นายไซนูเด็ง มะ ที่มีเส้นสายโยงใยกับกลุ่มของนายวิวัฒน์ชัย ซึ่งถูกจับในคดีที่ 3 ทำให้เห็นภาพว่าผู้ต้องหาใน 4 คดีนี้ บางส่วนเกี่ยวข้องกัน

 

จากการถอดรหัส 4 คดี ทำให้ตำรวจออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 9 ราย เป็นคนไทย 7 ราย ต่างชาติ 2 ราย หนึ่งในนั้นคือ นายไซซะนะ แก้วพิมพา

19 มกราคม 2560 ตำรวจปราบปรามยาเสพติดเปิดปฏิบัติการ "ชัยยะ สยบไพรี 60/1" สามารถจับกุม นายไซซะนะ ได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยข้อมูลการเดินทางของนายไซซะนะ มาจากการซัดทอดของผู้ต้องหา 4 คดีแรก

วันเดียวกันนั้น ตำรวจขยายผลปิดล้อมอีก 36 เป้าหมายทั่วประเทศ และจับกุม นายชุมพร พนมไพร อายุ 42 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี, นายปุ่น ชรินทร์ อายุ 53 ปี ชาวจังหวัดสกลนคร และ นางสาวอ้อยทิพย์ ปัญญารักษ์ อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นผู้ต้องหาร่วมค้ายาเสพติดในคดีที่ 1 ก่อนโยงมาถึงแก๊งไซซะนะ

นายชุมพร พนมไพร เป็นตัวกลางเชื่อมโยงเครือข่ายนายไซซะนะทั้งหมด โดยเป็นผู้ติดต่อประสานงานกับผู้ค้ายาเสพติด 4 คดีแรก โดยเฉพาะระดับหัวหน้าทีม

ต่อมาเจ้าหน้าที่เปิดปฏิบัติการ "ชัยยะ สยบไพรี 60/2" เมื่อวันที่ 1 ต่อเนื่องวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ปิดล้อมตรวจค้นอีก 40 เป้าหมายทั่วประเทศ และสามารถจับกุมจิ๊กซอว์ตัวสำคัญอย่าง นายณัฐพล หรือบอย นาคคำ, นางสาวอรันญา สิงห์ผงาด และนายชัยวัฒน์ หรือแป๊ะ ชูสาย

โดยตำรวจมีข้อมูลว่าเครือข่ายนี้เชื่อมโยงกับคนในแวดวงไฮโซ และคนมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง ก่อนจะพบข้อมูลเชื่อมโยงจนตามไปค้นร้าน Area 51 ของ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง สามีของ แพท ณปภา ตันตระกูล ดารานักแสดงชื่อดังประเด็นที่ตำรวจตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวนายเบนซ์ คือ ความสัมพันธ์กับนายบอย ณัฐพล ซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงยาเสพติดให้กับนายไซซะนะ และรถลัมโบร์กินี่คันงาม มูลค่าถึง 20 ล้านบาท ซึ่งนายเบนซ์อ้างว่าเป็นของตน

จากกลุ่มบุคคลและเครือข่ายค้ายาที่มีนายไซซะนะเป็นหัวหน้าใหญ่ จะเห็นได้ว่าเขาใช้เส้นทางภาคอีสานของไทยเป็นจุดรับยาจากฝั่งลาว จากนั้นจึงเคลื่อนย้ายเข้าสู่ภาคกลาง และขนลงภาคใต้

ซึ่งเส้นทางลำเลียงยาเสพติดของเครือข่ายนี้ พบมีฐานผลิตมาจากประเทศพม่า แล้วลำเลียงเข้าประเทศลาวเลาะแม่น้ำโขงก่อนจะข้ามฝั่งเข้าไทย กระจายในประเทศบางส่วน และก็ส่งต่อไปยังมาเลเซียนั้นเอง

นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า เส้นทางการค้ายาของเครือข่ายไซซะนะ เริ่มตั้งแต่แหล่งผลิตและจุดส่งยาจากประเทศเมียนมา โดยเขารับยาจากกลุ่ม "พันโทยี่เซ" แล้วลำเลียงผ่านลำน้ำโขงช่วงที่ติดพรมแดนลาว ส่งยาเข้าไปพักในลาว ที่เมืองมอม และเมืองต้นผึ้ง แขวงไซยะบุรี ก่อนจะลักลอบขนเข้าไทยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทางเรือด้านจังหวัดนครพนม และทางรถยนต์ ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาวที่จังหวัดหนองคาย และนำมากระจายในประเทศไทย ขณะทีบางส่วนส่งลงภาคใต้ ปลายทางไปไกลถึงมาเลเซีย

ด้านพล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส.คือ ยาเสพติดจากเครือข่ายนายไซซะนะ จำนวนหนึ่งจะเคลื่อนลงใต้ โดยมีเครือข่ายค้ายาเสพติดชายแดนใต้รอรับ นั่นก็คือเครือข่ายของ นายอุสมาน สะแลแมง โดยอุสมานเป็นอีกแก๊งหนึ่งที่ขนยาจากลาวลงใต้

นายอุสมาน มีฐานใหญ่อยู่ในจังหวัดนราธิวาส รับยาเสพติดจากลาว ก่อนลำเลียงเข้าพื้นที่เพื่อกระจายยา และส่งข้ามไปมาเลเซีย ยาวไปถึงออสเตรเลียเม็ดเงินสะพัดจากการค้ายาเสพติดของนายอุสมาน มีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ เงินสดๆ เกือบ 10 ล้านบาทที่ซุกอยู่ในรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยึดได้จากบ้านเครือข่ายย่านสะพานสูง กรุงเทพฯ เมื่อปี 2548 โดยที่ไม่รู้ว่าในรถมีเงินซุกอยู่ใต้แผงประตู กระทั่งเรื่องมาแดงในปี 2552 เปิดแผงประตูออกมาเจอเงินสดๆ 9,998,000 บาท จนเป็นที่ฮือฮา

 

เปิดโครงข่าย ยาเสพติด พบเบาะแสท่อน้ำเลี้ยงเชื่อมโยงปัญหาความรุนแรงใต้ (ข้อมูล)

 

เปิดโครงข่าย ยาเสพติด พบเบาะแสท่อน้ำเลี้ยงเชื่อมโยงปัญหาความรุนแรงใต้ (ข้อมูล)

เปิดโครงข่าย ยาเสพติด พบเบาะแสท่อน้ำเลี้ยงเชื่อมโยงปัญหาความรุนแรงใต้ (ข้อมูล)

เปิดโครงข่าย ยาเสพติด พบเบาะแสท่อน้ำเลี้ยงเชื่อมโยงปัญหาความรุนแรงใต้ (ข้อมูล)

 

สำหรับนายอุสมาน นั้น มีพื้นเพอยู่ใน จ.นราธิวาส มีเครือข่ายกว้างขวางเชื่อมโยงระหว่างภาคเหนือ-ภาคใต้ และมาเลเซีย ถูกศาลจังหวัดหนองคายออกหมายจับที่ จ492/2548 ลงวันที่ 16 กันยายน 2548 ในข้อหาร่วมกันนำเข้าและครอบครองเพื่อจำหน่ายยาบ้า

ปัจจุบันนายอุสมาน กบดานอยู่ใน ต.ก้าวเลี้ยว อ.สีโคตรบอง กำแพงนครเวียงจันทน์ ประเทศลาว และยังคงลักลอบส่งยาเสพติดเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยนำเงินรายได้ก้อนโตจากการค้ายาเสพติดการสนับสนุนขบวนการแบ่งแยกดินแดนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

และนี่ก็คืออีกหนึ่งข้อมูลจาก เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจปราบปรามยาเสพติด และ เจ้าหน้าสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ที่แกะรอยจนพบความเชื่อมโยงขบวนการค้ายาเสพติดเครือข่ายประเทศลาว น่าจะเป็นท่อน้ำเลี้ยง ให้กลุ่มก่อความไม่สงบในการสร้างสถานการณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบแหล่งพัก และทรัพย์สินของเครือข่ายต่างๆ หรือไม่ ก็คงต้องติดตามกันต่อไป